หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"วิยะดา อุมารินทร์" ตำนานคนเริงเมืองในดวงใจ

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

 

วิยะดา อุมารินทร์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2498 มีชื่อจริงว่า "วิยะดา ตรียะกุล" ชื่อเล่น "อูม" ชื่อ "วิยะดา อุมารินทร์" ซึ่งเป็นชื่อในวงการบันเทิงของเธอเกิดจากการตั้งโดย นักแต่งเพลง "คุณสุรพล โทณะวณิก" โดยนามสกุลอุมารินทร์ได้ผันมาจากชื่อเล่นของเธอ ครอบครัวมีบุตร 5 คน เป็นบุตรคนที่ 4 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์

คุณอูมเกิดในครอบครัวฐานะดี บิดาของเธอประกอบอาชีพเป็นเซอร์เวย์ตรวจมาตรฐานสินค้าในบริษัทของชาวต่างชาติ ส่วนมารดาประกอบอาชีพเปิดร้านเสริมสวย เนื่องด้วยการที่บิดาทำงานในบริษัทต่างชาติ ส่งผลให้ท่านจึงส่งเสียให้คุณอูมเรียนในโรงเรียนคอนแวนต์เพื่อศึกษาทางด้านภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เธอเป็นสาวสวย เมื่อเติบโตขึ้นจึงทำให้มีชายหนุ่มเข้าหาหรือส่งจดหมายรักหาอยู่เสมอ แต่คุณอูมกลับไม่ได้สนใจนัก เนื่องด้วยอุปนิสัยเรียบร้อยของเธอ นอกจากนี้การที่คุณอูมได้รับการศึกษาจากโรงเรียนคริสต์ทำให้ในวัยเด็กเธอมีความฝันที่จะเป็นซิสเตอร์ของพระผู้เป็นเจ้า

เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมจนได้เข้าศึกษาต่อในชั้นอาชีวะ แถวราชดำเนิน ทางด้านเกี่ยวกับธุรกิจการบิน คุณอูมได้เบนเข็มหันไปมุ่งมั่นกับการเป็นแอร์โฮสเตส กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ "คุณวิภาวดี ตรียะกุล" พี่สาวแท้ ๆ ของคุณอูมซึ่งเป็นนักแสดงดาวยั่ว ณ ขณะนั้นได้ชักชวนเธอไปดูการฉายภาพยนตร์เขาชื่อกานต์ โดยมี "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" ผู้สร้างและผู้กำกับหนังมากฝีมือ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องเขาชื่อกานต์นั่งอยู่ด้วย นั่งอยู่บริเวณหน้าโรงหนัง แท้ที่จริงแล้ว ท่านมุ้ยไม่ได้รู้จักหรือได้ทำการเรียกคุณอูมมาด้วยซ้ำ ความสะสวยอันโดดเด่นของเธอได้ถูกตาต้องใจท่านมุ้ยเข้า

 

จึงทำให้เธอกวักมือเรียกคุณวิภาวดี เพื่อพูดคุยชักชวนคุณอูมเข้าสู่วงการบันเทิง เมื่อรู้ว่าตนเองจะได้เข้าวงการบันเทิงทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด จากนั้นจึงได้มีแมวมองเข้าไปพูดคุยกับทางครอบครัวของคุณอูมเพื่อติดต่อชักชวนให้เธอเป็นดารานักแสดง แม้จะอยู่ในยุคสมัยที่ผู้คนมองอาชีพในวงการบันเทิงเป็นงานเต้นกินรำกิน แต่ด้วยการที่มีคนในครอบครัวทำงานอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ทำให้การพูดคุยในครั้งนั้นเป็นไปได้ด้วยดี

 

จากนั้นคุณอูมจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปศึกษาทางด้านการแสดงในวังละโว้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของเธอ การเข้าไปวังละโว้ในครั้งนั้น คุณอูมได้รับการฝึกฝนขัดเกลาอะไรมากมาย ตั้งแต่การลดน้ำหนัก โดยมีคุณอมรา อัศวนนท์เป็นผู้ช่วย ซึ่งวิธีการลดน้ำหนักคือการครอบร่างกายด้วยถุงพลาสติกเพื่อให้เหงื่อออกพร้อมออกกำลังกายไปด้วย อีกทั้งคุณอูมยังต้องควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นเวลาหลายเดือน ทำให้มีหลายครั้งที่เธอแอบซ่อนขนมเพราะความอยากและความหิวโหย นอกจากนี้เธอยังต้องฝึกฝนการพูดภาษาเหนือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับบทสาวเหนืออีกด้วย

 

ในที่สุดคุณอูมก็ได้มีโอกาสสำแดงฝีมือจากการเก็บตัวฝึกฝนมาเป็นระยะเวลานาน พ.ศ. 2517 เธอได้แสดงภาพยนตร์ในบทนางเอกสุดอื้อฉาว ในผลงานภาพยนตร์เรื่อง "เทพธิดาโรงแรม" กับบทบาทของ "มาลี" สาวชาวเหนือที่ถูกหลอกมาขายตัวที่กรุงเทพฯ บทบาทของเธอในเรื่องนี้ถือได้ว่ามีความแปลกใหม่และแตกต่งกับบทบาทนางเอกของคนอื่น ๆ ในยุคนั้น เนื่องด้วยเป็นบทนางเอกในยุคนั้นที่มักนำเสนอในรูปแบบของหญิงสาวท่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง เป็นกุลสตรี แต่บทบาทมาลีในเรื่องนี้กลับแตกต่าง มาลีเป็นหญิงสาวไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความมัวหมอง ความรักทำให้เธอหนีตามผู้ชายมา แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นการหลอกลวงเพียงพื่อให้เธอมาเป็นโสเภณี

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี อีกทั้งยังใช้การถ่ายทำในระบบซาวด์ออนฟิล์มซึ่งยังไม่แพร่หลายนักในยุคนั้นทำให้คุณอูมมีความตรึงเครียดกับการแสดงครั้งนี้เป็นอย่างมาก (มีคนให้ข้อมูลเพิ่มมาว่ามีการใช้ระบบซาวด์ออนฟิล์มเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น) นอกจากนี้ในขณะถ่ายทำด้วยวัยสาวสะพรั่งทำให้คุณอูมมีความรักสวยรักงาม มีบางครั้งที่เธอแอบทาลิปมันหรือแม้แต่การติดขนตา แต่เมื่อท่านมุ้ยมาพบเข้า ท่านก็จะแกะขนตาปลอมของเธอออก ทั้งนี้ก็เพื่อความสมจริงและเหมาะสมกับบทบาทการแสดง ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกแจ้งเกิดสร้างชื่อให้เธอได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกบางอย่างระหว่างชายหญิงสองคนที่กำลังก่อกำเนิดขึ้น

 

เพราะเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกทำให้ท่านมุ้ยจึงให้การดูแลเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ โดยคุณอูมให้สัมภาษณ์ว่าระหว่างถ่ายทำหากต้องเข้าฉากเลิฟซีน อาจด้วยความเมตตาและความไม่ประสาของเธอในวัยใกล้ย่างเข้า 20 ทำให้ท่านมุ้ยมักมาแสดงแทนอยู่เสมอ อีกทั้งหลังจากถ่ายทำเสร็จ ท่านมุ้ยได้พาเธอเข้าไปดูและคอยสั่งสอนการทำงานในระหว่างการตัดต่อ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นมากขึ้นจนก่อกำเนิดเป็นความรัก ความรักที่ทั้งสองมีให้แก่กันได้ก่อกำเนิดอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ ขึ้นมา อีกหนึ่งชีวิต "หม่อมราชวงศ์มงคลชาย ยุคล" หรือ "คุณชายเอี่ยว" ท่านคือชีวิตที่เป็นเครื่องหมายแทนใจของคนทั้งสอง

 

ทว่าในยุคสมัยที่คุณอูมเข้าวงการนั้น การที่ดารานักแสดงระดับบทนำมีลูกนับว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ค่อยยอมรับนัก หากเปิดเผยออกไปอาจทำให้เสื่อมความนิยมหรือโดนลดบทบาทลง ในเริ่มแรกคุณอูมไม่ได้มีความคิดที่จะเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของเธอในจุดนี้ ทำให้เมื่อการถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จสิ้น คุณอูมจำเป็นต้องปิดตัวจากสังคม ไม่ออกโปรโมทภาพยนตร์ เพราะเธอกำลังตั้งท้องท่านชายเอี่ยว แต่เมื่อนักข่าวรู้เรื่องดังกล่าว คุณอูมให้สัมภาษณ์ว่ามีการลงข่าวลูกชายของเธอเป็นเวลาถึง 7 วัน และดูเหมือนว่าชีวิตส่วนตัวของดาราจะมีผลกับบทบาทการแสดงของเธอ หลังจากที่เธอได้รับบทนางเอกเพียงไม่กี่เรื่องแต่กลับไม่โด่งดังนัก คุณอูมก็เริ่มได้รับบทบาทสมทบและบทร้าย หรืออาจเป็นบทนางเอกที่มีความกร้านโลก

 

กระนั้นก็ยังคงมีผลงานแสดงที่สร้างชื่อให้กับเธอบ้าง ในปี พ.ศ. 2520 คุณอูมได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ของท่านมุ้ยในผลงานภาพยนตร์สะท้อนเสียดสีสังคมเรื่อง "ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น" กับบทบาทของ "แรมจันทร์" หมอนวดที่อาศัยกลับรถแท็กซี่ของทองพูนเป็นประจำจนก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์จริงใจ โดยเธอได้แสดงคู่กับพระเอก "คุณจตุพล ภูอภิรมย์" พระเอกดาวรุ่งหน้าใหม่ผู้ล่วงลับ ผลงานการแสดงของเธอในเรื่องนี้ได้ส่งให้เธอคว้ารางวัลการแสดงจากเวทีมหกรรมหนังเอเชียแปซิฟิกไปครอบครองสำเร็จ รางวัลการแสดงที่เธอได้รับในครั้งนี้นับว่าเป็นผลงานการแสดงที่ถือเป็นเกียรติยศในชีวิตการเป็นนักแสดงของเธอ

 

รางวัลมหกรรมหนังเอเชียแปซิฟิก

 

หลังจากนั้นคุณอูมยังคงรับงานแสดงภาพยนตร์ในบทบาทสมทบและบทร้ายอยู่เรื่อย ๆ กระทั่งเมื่อประมาณช่วงปี พ.ศ. 2522 ถึงช่วงประมาณปี พ.ศ. 2523 คุณอูมได้กระทำสิ่งที่ดารานักแสดงสายภาพยนตร์ไม่นิยมทำด้วยการมารับงานแสดงละครจอแก้ว เป็นที่ทราบกันดีของคนที่ทันยุคสมัยนั้นว่า ในยุคสมัยที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยรุ่งเรือง ดาราจอเงินและดาราจอแก้วจะถูกแบ่งระดับกันอย่างชัดเจน ดาราสายภาพยนตร์ถือว่ามีอิทธิพลมากกว่าดาราสายละครเป็นอย่างมาก

 

ดาราทางสายภาพยนตร์จะไม่ลงมารับงานละครเด็ดขาด เพราะนักแสดงจอเงินคนนั้นเริ่มผันมารับงานทางจอแก้ว มักถือว่านักแสดงคนนั้นเริ่มถึงจุดลงแล้ว แม้ดาราที่เน้นแสดงทางจอแก้วเป็นหลักจะได้รับบทนำก็ตาม หากแต่เมื่อรับงานแสดงภาพยนตร์ ดาราเหล่านั้นก็มักจะถูกยื่นบทสมทบอยู่เสมอ มีนักแสดงจอแก้วเพียงน้อยรายเท่านั้นที่สามารถรักษาสถานะนักแสดงนำไว้ได้แม้จะอยู่ในจอเงินก็ตาม

 

แม้จะมีบรรทัดฐานของสังคมวงการบันเทิงกีดกั้นไว้ แต่เธอยังคงหันมารับงานแสดงทางจอแก้วควบคู่ไปกับงานแสดงทางจอเงิน หลังจากเริ่มรับงานแสดงทางจอแก้วได้ไม่นานนัก พ.ศ. 2523 "คุณมยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช" ผู้จัด ได้มอบบทบาทการแสดงชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ในผลงานละครโทรทัศน์เรื่อง "คนเริงเมือง" เขียนบทและกำกับการแสดงโดยยอดตำนานคนบันเทิง "คุณเริงศิริ ลิมอักษร" ผลงานละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากเริ่มแรกที่วางละครไว้เพียงแค่ 40 ตอน แต่เพราะกระแสตอบรับอย่างสูงทำให้ทางผู้สร้างได้ขยายเนื้อเรื่องของละครไปมากกว่าที่กำหนดไว้

 

จนทำให้คนเริงเมืองมีจำนวนตอนสูงถึง 66 ตอน ทำให้ช่วงระหว่างที่ละครฉายคุณอูมจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ที่สตูดิโอแทบทุกวัน นอกจากนี้เพราะกระแสการตอบรับอย่างสูงของคนเริงเมืองทำให้ในปีเดียวกันทางสหมคงฟิล์มได้นำคนเริงเมืองมาสร้างอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์ โดยมีคุณอูมและคุณนพพลซึ่งเป็นผู้แสดงในเวอร์ชันละครโทรทัศน์มาแสดงในเวอร์ชันภาพยนตร์ มีละครโทรทัศน์เพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่เมื่อประสบความสำเร็จแล้วได้มีนายทุนนำมาสร้างอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์ในเวลาไม่นาน ละครโทรทัศน์ที่ฉายในปีเดียวกันอย่าง "ดาวพระศุกร์" ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้มหลามเป็นประวัติการณ์ ก็ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาไม่นานเช่นเดียวกับคนเริงเมือง

บทบาทอีพริ้งจากฝีมือการแสดงของคุณอูมได้รับการชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวรูปงาม หน้าตาสะสวยถึงขนาดที่ว่าเป็นที่ต้องตาต้องใจต่อบุรุษเพศทุกคนที่พบเห็น จริตจก้านร้อยเล่ห์มารยา หล่อนฉลาดเฉลียวยิ่งนักในเรื่องการบริหารเสน่ห์เพื่อให้หมู่ภมรเข้ามาติดบ่วงกับดัก แต่กลับโง่เขลาเบาปัญญาในเรื่องของมารยาท การวางตัว และศีลธรรม คุณอูมสามารถแสดงออกมาได้อย่างพอดิบพอดี ยามที่เธอทำตัวปกติความเย้ายวนของเธอก็แผ่รัศมีออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

แต่เมื่อใดที่เธอใช้เสน่ห์เพื่อมัดใจชายหนุ่ม เสน่ห์อันเร่าร้อนของอิสตรีที่เธอแสดงออกมาก็ยากเกินชายอกสามศอกผู้มีใจอ่อนด้อยในเรื่องศีลธรรมจะทานทน นอกจากการแสดงออกถึงเสน่ห์ความเย้ายวนที่เป็นหนึ่งแล้ว คุณอูมยังสามารถแสดงนิสัยอันซึ่งไร้มารยาท กักขฬะ วาจาหยาบคายได้อย่างถึงเครื่องถึงรส มีผู้คนมากมายว่ากันว่าไม่มีใครสามารถเป็นอีพริ้งได้ดีเท่าเธออีกแล้ว ผลงานการแสดงชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นเอกในชีวิตการแสดงของเธอ อีพริ้งเปรียบเสมือนภาพจำที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด ผู้คนในยุคสมัยนั้นยังคงตราตรึงอย่างไม่มีวันลืม

 

ภาพยนตร์ "อีพริ้งคนเริงเมือง" โดยสหมงคลฟิล์ม

 

 

หลังงานแสดงชิ้นเอกผ่านพ้นไป ดูเหมือนว่างานแสดงของเธอจะไม่มีผลงานชิ้นไหนโดดเด่นหรือเป็นที่จดจำ โดยบทบาทส่วนใหญ่ยังคงเป็นบทร้ายและบทรอง เธอยังคงรับงานแสดงทางจอเงินควบคู่ไปกับงานแสดงทางจอแก้วอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อคุณอูมรู้สึกอิ่มตัวกับงานแสดงที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก โดยงานแสดงส่วนใหญ่ของเธอมักเป็นบทสมทบหรือบทร้าย ซึ่งไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก คุณอูมเคยให้สัมภาษณ์แบบติดตลกเล็กน้อยว่า ในยุคนั้นเธอเป็นนางร้ายที่ไปแย่งพระเอกมาจากนางเอกแทบทุกรุ่นลามไปจนถึงยุคคุณจารุณี ซึ่งถือเป็นนางเอกภาพยนตร์รุ่นใหม่ในขณะนั้น

 

"พี่แย่งพระเอกมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นแล้วพี่ก็เบื่อตัวเองไงคะ เป็นแบบดาวยั่วทุกเรื่อง เล่นบทเดิม ๆ ใส่ชุดว่ายน้ำลงไปเล่นน้ำตก ยั่วผู้ชาย ใส่ชุดนอนบาง ๆ ไปยั่วผู้ชายอะไรอย่างเงี้ย ก็เบื่อตัวเอง"

ทำให้เธอตัดสินใจออกจากวงการไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริการ่วมกับคุณชายเอี่ยว โดยในตอนนี้คุณอูมได้แยกทางกับท่านมุ้ยเป็นที่เรียบร้อย เนื่องด้วยปัญหาและอะไรหลาย ๆ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เธอยังคงให้ความเคารพท่านมุ้ยเช่นเดิม เพราะเธอยังคงซาบซึ้งในน้ำใจของท่านมุ้ยที่ทำให้เธอมีอย่างเช่นทุกวันนี้

 

เมื่อออกจากวงการบันเทิงไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สหรัฐอเมริกา โดยที่คุณอูมได้ลงเรียนระดับมหาวิทยาลัยควบคู่ไปกับคุณชายเอี่ยว เหมือนว่าเธอจะมีชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่อเมริกา โดยไร้วี่แววที่จะกลับมารับงานแสดงอย่างจริงจัง กระทั่งเมื่อเธอได้เดินทางกลับมาอาศัยที่ประเทศไทยอีกครั้ง เพราะเนื่องจากคุณชายเอี่ยวได้มีหม่อมหลวง ซึ่งได้เข้าศึกษาในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย คุณอูมจึงต้องสินใจกลับมาอาศัยยังประเทศไทยเพราะต้องการอุ้มชูเลี้ยงดูหลานชาย เมื่อกลับมาประเทศไทยเพียงไม่นาน ก็ได้มีทางผู้จัดติดต่อให้เธอรับงานแสดงอีกครั้ง จวบจนวันนั้นถึงวันนี้คุณอูมได้มีผลงานการแสดงมากมาย และยังคงมีผลงานการแสดงในบทบาทสมทบมีอายุออกมาให้เห็นอย่างเป็นประจำ

 

นอกจากนี้ในช่วงปี พ.ศ. 2557 คุณอูมได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เธอเข้ารับการทำศัลยกรรมกับหมอกระเป๋าซึ่งอ้างตัวว่าเป็นแพทย์ โดยเธอได้ทำการฉีดฟิลเลอร์บริเวณแผลเป็นบนหน้าผากของเธอ เพื่อปกปิดรอยแผลเป็น คุณอูมเห็นว่ามีหลายคนที่ทำศัลยกรรมกับหมอกระเป๋าแล้วไม่มีปัญหาอะไร เธอจึงตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางหมอกระเป๋าคนนั้น การทำศัลยกรรมครั้งนี้เธอหมดเงินไปเพียงแค่ 1 พันบาทเท่านั้น เมื่อกลับบ้านคุณอูมยังคงใช้ชีวิตออกแรงตามปกติ จนเมื่อหลานของเธอได่เข้ามากระแทกตรงบริเวณที่มีการฉีดฟิลเลอร์จึงทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดบวมขึ้นมา

 

คุณอูมได้รักษาด้วยการประคบร้อน ประคบเย็นแบบไม่ประสีประสาจนทำให้หน้าผากบริเวณนั้นเกิดอักเสบ ทำให้เธอต้องเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แพทย์ได้ทำการเจาะเอาฟิลเลอร์ออก แต่เคราะห์ร้ายที่ฟิลเลอร์ได้ไหลลงมาบริเวณจมูก แพทย์จึงต้องทำการเจาะอีกครั้ง โชคดีที่อาการไม่ลุกลามจนเลวร้ายไปมากกว่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวคุณอูมในครั้งนี้ทำให้เธอออกมาพูดเตือนสติถึงผู้คนที่คิดจะเสี่ยงทำศัลยกรรมกับหมอกระเป๋า

 

ปัจจุบันคุณอูมใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายร่วมกับคุณชายเอี่ยวและหลาน ๆ ของเธอที่จังหวัดเลย โดยคุณชายได้สนใจในการทดลองทำสวน ปลูกผัก คุณอูมจึงได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างชาวสวน ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ ห่างไกลจากแสงสี ควบคู่ไปกับการเลี้ยงดูหลาน ๆ เมื่อมีงานละครคุณอูมจะนั่งเครื่องบินกลับมาที่กรุงเทพฯ ทำให้เธอต้องโดยสารเครื่องบินอยู่เสมอ ตอนนี้คุณอูมยังคงมีผลงานการแสดงออกมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ

 

สุดท้ายนี้คุณอูมยังมีความคิดเกี่ยวกับวงการบันเทิงในปัจจุบันว่า อดีตผู้คนในวงการต่างช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นักแสดงและทีมงานใช้ชีวิตร่วมกันในกองถ่ายเหมือนครอบครัว มีอะไรก็คอยช่วยเหลือแบ่งปัน แต่ในปัจจุบันเธอกลับคิดว่าบรรยากาศเช่นนั้นห่างหายไป ผู้คนในกองถ่ายห่างเหินกันมากขึ้น ทุกคนมีโลกส่วนตัวอยู่ในโทรศัพท์มือถือ แม้ทุกคนจะมีสัมพันธภาพการพูดคุยร่วมกันแต่นั้นก็เป็นเพียงแค่การทำไปเพราะเป็นการร่วมงาน ทุกวันนี้ทุกคนห่างเหินไม่เหมือนเช่นอดีตที่ทุกคนในกองถ่ายพูดคุยใช้ชีวิตกันดั่งเช่นครอบครัว

 

"ต่างกันมาก สมัยก่อนทรหดมาก แล้วก็คนในวงการก็จะรักกัน เพราะว่าไม่ไปไหนเลย ไม่มีมือถง มือถือให้เล่นด้วยใช่ไหม (ยิ้ม) แล้วเวลานัดกองก็ต้องมากอง กองกันอยู่ตรงนั้น คือกินข้าว ทำนู้นทำนี่ร่วมกัน คุยกัน เหมือนครอบครัว ปัจจุบันต่างคนต่างอยู่ เล่นมือถือกัน (หัวเราะ) โอ้...เดี๋ยวจะรีบกลับล่ะ เดี๋ยวจะรีบไปแล้ว ดร็อปก่อน ๆ อะไรอย่างงี้ คือไม่ค่อยได้คุยกัน มีโลกส่วนตัว เพื่อทำหน้าที่ตัวเองแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่มีคอนเนคชันทางจิตใจกันเลยเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนเป็นห่วงเป็นใย อุ๊ย...ไปรับตรงนู้น ตรงนี้ไหม อะไรอย่างงี้ อาศัยรงอาศัยรถกันมา"

อดีตพริ้งให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ของคนบันเทิงยุคปัจจุบันในความคิดของเธอ

 

ประโยชน์ของเทคโนโลยีคือการสามารถทำให้ผู้คนที่ห่างไกลได้ชิดใกล้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีกลับสามารถทำให้ผู้คนที่ใกล้ชิดเหินห่างกันมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน เทคโนโลยีมีทั้งประโยชน์และโทษอยู่ที่ผู้คนจะหยิบยกส่วนไหนมาใช้

 

ด้วยรักและคิดถึง.

สวัสดี.

โพสท์โดย: Mariamma
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/groups/weloveoldphoto/permalink/2400617603601078/
มะพร้าวห้าว ที่บางแค
ภาพเก่าในอดีต
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย อวดหล่อโชว์ซิกแพก กล้ามแน่น ทำเอาสาวแห่กรี๊ด!!สเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลี7 ลักษณะหน้าตาของจิ๊มิ เรื่องปกติ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ปิงปอง" ทำถึงมาก! คัฟเวอร์เป็น "ลาบูบู้"..แบบนี้ลิมิเตดแน่นอน!!ครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย อวดหล่อโชว์ซิกแพก กล้ามแน่น ทำเอาสาวแห่กรี๊ด!!ชาวญี่ปุ่นออกตามล่าหาลิงแปลก ในป่าลึกสเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลีซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บันเทิง ดารา
หรือคนนี้จะใช่ " หวานใจคนใหม่ " ของเบลล่า"บีม ศรัณยู" ลั่น! ต่อไปนี้จะไม่มี "บีม พลังใบ"..เพราะจะเลิกกัญชาอย่างถาวรซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านสเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลี
ตั้งกระทู้ใหม่