ทศพิธราชธรรม บทที่ ๒๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทศพิธราชธรรม บทที่ ๒๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดย เดชา เวชชพิพัฒน์
พระบรมฉายาลักษณ์ : wikipedia
เมื่อพระชนม์มายุยี่สิบกว่า
ทรงรักษาผ่าตัดโรคไส้ติ่ง
สมัยนั้นการแพทย์ยากพึ่งพิง
เหมือนกับทิ้งครึ่งชีวิตป่วยคุกคาม
อีกทั้งทรงรับภาระที่ใหญ่สุด
เป็นมกุฎราชกุมารแห่งสยาม
ขัตติยะมานะจึงงดงาม
ทรงล้นหลามสามารถอาจปรีชา
สามสิบปีที่ทรงอยู่กับบาดแผล
ไม่ทรงแพ้เจ็บปวดยิ่งหนักหนา
ไม่ทรงท้อทรงถอยเอือมระอา
ไม่ทรงว่าติเตียนโชคชะตา
แต่กลับทรงเข้มแข็งแกร่งขันติ
ทรงวุฒิภาวะกว่าพรรษา
เป็นผู้แทนพระองค์พระบิดา
ปริญญาทรงพลาดรับกลับคืนองค์
หลังครองราชย์ได้เพียงปีที่สอง
เกิดเรื่องหมองเกิดกบฏเป้าประสงค์
ถึงขั้นลอบหมายชีวิตพระชนม์ปลง
ด้วยลุ่มหลงปกครองใหม่เปลี่ยนหลักการ
แต่ทั้งหมดถูกจับกุมทั้งคณะ
มีวาระตัดสินขั้นประหาร
ทรงข่มโกรธอภัยโทษอภัยทาน
ภูมิบาลอักโกธังปลั่งหทัย
ทรงติดตามข่าวสารสงครามโลก
จึงให้โชคให้งามตามเงื่อนไข
ทรงเลือกฝ่ายถูกต้องให้เมืองไทย
เรายิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ราชธรรมนำพระองค์ปรีชายิ่ง
เราเพริศพริ้งกิ่งก้านแตกแยกเสริม
ครบทุกด้านเก่าใหม่มาต่อเติม
มาพูนเพิ่มให้สยามนามประเทือง
เป็นยุคทองศิลปะการแสดง
แตกแขนงโขนละครมีครบเครื่อง
อีกแบบร้องแบบพูดจากต่างเมือง
ล้วนรุ่งเรืองเป็นพื้นฐานการเวที
ทรงให้เงินสร้างโรงเรียนกุลบุตร
สร้างบุรุษผู้สุภาพสง่าศรี
ทั้งซื่อสัตย์สุจริตจิตใจดี
เป็นวิถีการศึกษาแต่นั้นมา
ทรงตั้งกองเสือป่าปราบเสือเหล้า
เพื่อบรรเทาเบาบางศีลข้อห้า
ฝึกประพฤติสร้างวินัยให้ประชา
ช่วยลดราลดคนกลุ่มเย็นเฮ
เมืองเวนิสชาววานิชจิตระทก
หางหล่นตกตาเศร้าเจ้าย่าเหล
ลมสวนลุมพินีเคยถ่ายเท
แสนว้าเหว่มเหศวรด่วนจากไป