วิเคราะห์ ศาสนากับสังคมสิ่งไหนเสื่อมมากกว่ากัน จากข่าวสะเทื่อนขวัญ
จากคอมเมนต์ที่กล่าวว่าศาสนาพุทธน่ารังเกียจทุกวัน อยากจะบอกว่ายิ่งน่ารังเกียจเท่าไหร่ สังคมภายนอกต้องคูณสอง เพราะศาสนาพุทธเป็นองค์กรที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากท่ามกลางกระแสทุนนิยมมายาวนาน และศาสนาพุทธและทุนนิยมนั้นยากมากที่จะไปด้วยกันได้ เพราะทั้งสองสิ่งนี้จุดเริ่มต้นถูกตั้งขึ้นมาโดยอยู่ในคนละขั้วกันเลย อันหนึ่งสอนให้ละกิเลส อีกอันใช้ประโยชน์จากกิเลส. ในวันที่สังคมที่ทุนนิยมมีชัยชนะอย่างราบคาบ การที่ศาสนาพุทธจะดำรงอยู่ถือเป็นสิ่งที่ลำบากมาก จนคิดว่าทุกวันนี้วัดส่วนใหญ่ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ ส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ศาสนาพุทธด้วยซ้ำเพราะวัดหลายๆวัดมีการประยุคต์เอาทุนนิยมเข้ามา รวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อ การตลาด ซึ่งมันเป็นไปเพื่อตามกระแสสังคม การปรับตัวของวัดเพื่อความอยู่รอด ยิ่งวัดปรับตัวมากก็แสดงว่าสังคมเปลื่ยนไปมาก คุณบอกว่าวัดศาสนาพุทธเสื่อมไปมาก สังคมที่นั่นที่วัดตั้งอยู่ก็ต้องเสื่อมไปมากยิ่งกว่า ถ้าคุณเห็นวัดใหนไม่ดีทั้งวัดนะไม่ใช่แค่พระรูปเดียวก็ให้คิดได้เลยว่า สังคมที่นั้นแย่ยิ่งกว่า เพราะลึกๆแล้วองค์กรหรือสถาบันอย่างศาสนาพุทธ มีหลักธรรมคำสอนที่ชัดเจน ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้าจะเปลื่ยนไปก็มีเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง และเหตุผลที่ใหญ่สุดคือเปลื่ยนตามสังคมภายนอกเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง. ฉนั้นการที่คุณบอกว่า วงการผ้าเหลืองน่ารังเกียจขึ้นทุกวันแล้วคุณเป็นชาวพุทธ นั่นคือคุณกำลังประจานตัวเองโดยที่คุณไม่ได้มองตัวเองเลย