รองเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ แฉ ปมวางยาฆ่าหญ้าหวังขู่ให้พระออกจากวัด (มีคลิป)
(คลิปเสียพระครูอมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ได้แฉสาเหตุชนวนในการที่มีคนร้ายนำยาฆ่าหญ้ามาใสในถังน้ำวัดในครั้งนี้ )
จ.อุทัยธานี สำนักพุทธพร้อมพระเลขาเจ้าคณะลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง รุดเยี่ยม รองเจ้าอาวาสวัดหนองเข้แฉปมวางยาฆ่าหญ้าวังขู่ให้พระออกจากวัดหมดหนีหลายล้านบาทที่มีกลุ่มชาวบ้านเป็นหนีจำนวนมากมีหลักฐานการยืมเงิน
เมื่อเวลา 09 .00น.วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายธรรมนันท์ จุฑาธนทรัพย์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดอุทัยธานี พร้อมมหาไมตรี อาภะชะโย เลขาเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พร้อมคณะสงฆ์ เข้าเยี่ยมพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ พระครู อมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ หมู่ 12 บ้านหนองเข้ โดยพระทั้ง 2 ได้นั่งพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ โดยมีพระครูอมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ได้นั่งแฉปมการว่างยาฆ่าหญ้าใสในถังน้ำขนาด 2 พันลิตร จำนวน 3 ใบ้ ซึ่งอยู่ใกล้โบสถ์ และอยู่ห่างจากถนนเข้าหมู่บ้านหนองเข้ 20 เมตร ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภจ.ว.อุทัยธานี พร้อมกับผู้สื่อข่าวฟังโดยชาวบ้านหมู่ 12 บ้านหนองเข้ มีทั้งหมดประมาณ 40 หลังคาเรือน
โดยพระครูอมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ได้เผยความรู้สึกสาเหตุชนวนในการที่มีคนร้ายนำยาฆ่าหญ้ามาใสในถังน้ำวัดในครั้งนี้ สาเหตุ เนื่องจากมีชาวบ้านบ้างกลุ่ม เพื่อข่มขู่ อยากให้พระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ พร้อมด้วยตนเองนั้นให้ออกจากวัดหนองเข้ไป เนื่องจากก่อหน้านั้นชาวบ้านบ้างกลุ่มได้มีปัญหากับวัดสะสมมานาน โดยอาตมานั้นได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น
จากกรณีเมื่อ 20 ที่ แล้วก่อนที่พระครูพิศาลอุทัยกิจจะเข้ามารับตำแหน่งจากเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ แห่งนี้ระบบการเงินของคณะกรรมการชุดเดิม ๆ ทางวัดได้เงินมาจากการทอดผ้าป่า กระกฐิน แต่ละปี พอได้เงินมาคณะกรรมการก็จะไว้ที่บ้านกัน โดยไม่มีการฝากธนาคาร พอพระครูพิศาลอุทัยกิจเข้ามารับตำแหน่ง ได้มีการลือระบบการเงินของวัดทั้งหมด โดยมีการนำเงินที่ทางวัดได้มาจากงานประเพณีต่าง ๆ จะต้องนำเงินทั้งหมดเข้าธนาคาร โดยมีการประชุมแต่งตั้งเหรัญญิก ไวยาวัตรจักรกรวัดใหม่ จำนวน 2 คน ให้เป็นรูปแบบของมหาเถระสมาคมการเบิกจ่ายเงินให้ถูกต้อง โดยคนที่ 1 /พระครูไพศาล สุเมโธ 2/ นายส่ำ เกษวิริยะการ 3/นายครอบ ขันการไร่ เป็นผู้เบิกเงินรวมกัน 3 คน มาตลอด
จนต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ได้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการเบิกเงิน คนที่ 1/ พระครูพิศาลอุทัยกิจ (ได้เลือนตำแหน่งขึ้น) คนที่ 2/นายสุชีพ วงค์ถึก (แทนนายส่ำ เกษวิริยะการที่เสียชีวิต) และคน 3/ นายครอบ ขันการไร่ เป็นกรรมการวัดคนปัจจุบัน โดยทั้ง 3 มีอำนาจการเบิกจ่ายเงินวัดหนองเข้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่มีปัญหาอะไรกัน
พระครูอมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ กล่าวต่อว่าสาเหตุที่ทางวัดโดนนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ถังน้ำในวัดภายในวัดครั้งนี้ อาตมาตั้งไว้ 3 ประเด็น
คือเรื่องที่ 1เกี่ยวการปรับปรุงศาลหลังเก่าที่ทรุดโทรมมาตั้งแต่ปี 49 โดยนายจำนงค์ พิมแสน เป็นผู้รับเหมาและเป็นชาวบ้านหมู่ 12 หนองเข้ ซึ่งเป็นพี่เขยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 บ้านหนองเข้ เป็นช่างผู้รับเหมาปรับปรุงศาลาหลังเก่าที่ทรุดโทรม โดยก่อนลงมือทำมีการเขียนหนังสือสัญญาเขียนไว้ว่าถ้าทำไม่แล้วเสร็จก็จะโดนปรับวันละ1พันบาท ซึ่งปัจจุบันก็ศาลาหลังดังกล่าวก็ไมแล้วเสร็จ โดยนายจำนงค์ผู้รับเหมา ได้มีการเบิกเงินจากวัดเกินไปหลายแสนบาท โดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ หลัง
จากนั้นได้หายตัวไปออกจากหมู่บ้านหนองเข้ไป ไม่เคยกลับเข้ามาในวัดหนองเข้อีกเลย แล้วถ้าทางวัดคิดปรับเป็นเงินวันละ 1 พันบาทตามสัญญาที่เขียนไว้ถึงปัจจุบันนี้ นานถึง 14 ปี เป็นเงินหลายแสนบาท ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มญาติ ๆ ของนายจำนง ในกลุ่มผู้นำหมู่บ้านหนองเข้
เรื่องที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องที่ทางวัดได้มีเงินจากการทอดกฐิน ผ้าป่าจากที่อื่น ๆ มาทอดเป็นเงินจำนวนเงินนับล้านบาท และได้มีการก่อสร้างโบสถ์มูลค่าหลายล้านบาท โดยใช้เวลาการก่อสร้างเพียง 4 ปี แล้วเสร็จ จนฝังลูกนิมิตเรียบร้อย และมีเงินบ้างส่วนที่ญาติโยมมาทำบุญเหลืออยู่อีกหลายล้านบาท โดยทางวัดได้เตรียมการก่อสร้างภายในวัดอีก
เมื่อประมาณปี 2556 ได้มีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 หนองเข้ เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้ามาพูดคุยกับทางเจ้าอาวาส และอาตมาเกี่ยวกับชาวบ้านหนองเข้จะขอยืมเงินวัดที่มีอยู่ ไปใช้หนีกองทุนเงินล้านหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านหนองเข้ต้องจ่ายตนและดอกเงินทุกปี มูลค่าเงินเป็นล้าน ตนเองกับเจ้าอาวาสก็มานั่งพูดคุยกันและได้ตกลงว่าให้ชาวบ้านยืม เงินไปก่อน ซึ่งช่วงทางวัดก็ยังไม่มีการก่อสร้างอะไร ก็เหมือนช่วยชาวบ้านหนองเข้ไปอีกทางหนึ่ง โดยทางวัดนั้นช่วยชาวบ้านหนองเข้ให้แต่ต้นเงินที่กู้เงินล้านมาทุกราย แต่ดอกเบี้ยเงินให้ชาวบ้านไปหาดอกเบี้ยเงินใช้หนีกองทุนกันเองตามที่กู้กันมามากน้อย หลังจากยืมเสร็จให้นำเงินต้นมาคืนกับทางวัด หนองเข้ ตามจำนวนแต่ละรายที่ผู้ใหญ่เสนอชื่อมา โดยจะทำมาตั้งแต่ปี 2556 และ 2557 จนมาปี 2559
ได้มีนายไพบูรณ์ ศรีสะอาด และเป็นผู้ยืมเงินวัดได้เป็นผู้ร้องไปยังเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องไม้ต่าง ๆ ภายในวัดจากที่มีญาติโยมนำมาถวายเพื่อสร้างกุฎิ และอื่น ๆ ภายในวัด จนมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และมีการจับกุมตัวพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ เจ้าอาวาสได้ต่อสู้ศาลชั้นต้นได้ตัดสินจำคุก 4 ปี 9 เดือนหลังจากนั้นทางเจ้าอาวาสได้ต่อสู้มายังศาลอุทธรณ์จนศาลได้ยกฟ้องรอลงอาญา มาถึงปัจจุบัน และทางวัดนั้นได้หยุดการปล่อยเงินยืมให้กับชาวบ้านยืมมาตลอดหลังจากที่โดนจับเรื่องไม้ และต่อสู้กับศาลจังหวัดอุทัยธานี
การที่ทางหยุดการให้ยืมเงินให้กลุ่มชาวบ้านบ้างกลุ่ม ได้สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านหนองเข้ เป็นบ้างกลุ่มเป็นอย่างมากที่เคยมายืมเงิน โดยจำเพราะนายไพบูรณ์ ศรีสะอาด ได้ไปร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรม ว่าวัดนั้นปล่อยเงินกู้ผิดระบบ ซึ่งมันไม่ตรงประเด็นกับทางวัดที่ช่วยชาวบ้านให้ชาวบ้านยืมเงินไปใช้หนี โดยทางเจ้าอาวาส และอาตมานั้นคิดกันว่า ชาวบ้านช่วยพระ พระก็ต้องช่วยชาวบ้าน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบเรื่องเงินดังกล่าว พอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็ไม่พบเป็นความจริงอย่างที่ร้องเรื่องเรียนไปเรื่องดังกล่าวก็เงียบลงไป ซึ่งสร้างไม่พอใจให้กับกลุ่มพวกนี่เป็นอย่างมาก นี่คือสาเหตุอีกประเด็นหนึ่ง
และเรื่องที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องการที่มี อบต.ท่านหนึ่งในหมู่ 12 ได้นำรถไปไถที่ทำร้ายทรัพย์สินของนางรุ้งเพชร ซึ่งนางรุ้งเพชร นั้นได้เข้ามาช่วยทางวัดหนองเข้ ในงานต่าง ๆ ที่วัดมีงาน และบ้างครั้งก็มาทำครัว เก็บกวาดวัด หลังจากที่นางรุ้งเพชร มีเรื่องกับ อบต.หมู่ 12 บ้านหนองเข้ อบต.ทำร้ายทรัพย์ ได้มีการแจ้งความขึ้นศาลจังหวัดอุทัยธานี จนทำให้ อบต.หมู่ 12 บ้านหนองเข้ ต้องชดใช้ค่าเสียให้กับนางรุ้งเพชร เป็นแสน ซึ่งอาตมาทราบจากกลุ่มชาวบ้านของ อบต.หมู่ 12 หาว่าพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ อาตมาเข้าไปยุ่งเกี่ยวคดีช่วยเหลือนางรุ่งเพชร จนชนะคดี ดังกล่าว ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่พอใจกับเจ้าอาวาสและอาตมา
จึงมีการนำยาฆ่าหญ้ามาใสถังน้ำ ซึ่งกลุ่มพวกนี้คาดว่าน้าจะมาข่มขวัญเจ้าอาวาส และข่มขู่พระ ในวัดหนองเข้ และญาติโยมเป็นบ้างส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัด ให้วาดกลัว ซึ่งทางวัดนั้นยังบัญชีที่เกี่ยวกับการยืมเงินวัด ไปจากทางวัดนั้นยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่กลุ่มพวกนั้นยังไม่นำเงินมาคืนวัด โดยมีการเซ็นสัญญาทิ้งไว้โดยมีนายไพบูรณ์ ศรีสะอาด ผู้เขียนหนังสือสัญญา และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บ้านหนองเข้ รับรู้ อีกจำนวนนับล้านบาทไว้ดังกล่าวกล่าวในที่สุด ซึ่งอาตมาคิดว่าการทำแบบนี่คงจะข่มขวัญเจ้าอาวาส และพระ เพื่อให้ออกจากวัดหนองเข้ไป โดยที่ไม่ต้องใช้หนีอีกนับล้านบาทที่ยืมเงินจากทางวัด พระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ และอาตมามานั่งพูดคุยหาประเด็นสาเหตุทีมีการลอบวางยานั้นสาเหตุน้าจะมาจาก 3 ประเด็นนี้มากว่า ดังกล่าว
นายพชร พัสกุล จ.อุทัยธานี 088-4247064