"คริส เฮมส์เวิร์ธ" เปิดใจ รวยพอแล้วจนอึดอัดและไม่กล้าใช้เงิน ขอพักงานยาว เพื่อใช้เวลากับครอบครัว
"คริส เฮมส์เวิร์ธ" (Chris Hemsworth) หรือ "ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า" จากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังอย่าง The Avengers คืออีกหนึ่งดาราฮอลลีวู้ดอันดับต้นๆ ของวงการ ด้วยหน้าตารูปร่างที่หล่อเหลาเพอร์เฟ็กต์ บวกกับฝีไม้ลายมือทางการแสดง เขาจึงเป็นดาราที่ฮอลลีวู้ดต้องการตัวเป็นอย่างมาก
จนถึงปัจจุบันหนุ่มคริสมีรายได้ทั้งหมดประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,880,900,000 บาท) และอยู่ในอันดับที่ 11 ของดาราชายฮอลลีวู้ดที่มีค่าตัวสูงที่สุด รายรับของเขาปีที่แล้วอยู่ประมาณ 64.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,064,645,000 บาท) แต่หนุ่มคริสบอกว่า เขารู้สึกไม่โอเคกับความรวยของเขามาก
และแม้จะมีเงินทองมากมาย แต่หนุ่มคริสก็เปิดเผยว่า เขาหวาดกลัวกับความร่ำรวยนี้มากทีเดียว ถึงขนาดใช้คำว่า “รู้สึกแย่” กับเม็ดเงินของเขา สาเหตุมันเป็นเพราะเขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก จนถึงขั้นเรียกว่าขัดสนก็ได้ ตอนที่คริสยังเป็นวัยรุ่น เขาชื่นชอบการเล่นเซิร์ฟมาก แต่เซิร์ฟบอร์ดนั้นมีราคาค่อนข้างแพง คริสใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็มเพื่อเก็บเงินให้ได้ 600 เหรียญสหรัฐ (ราว 20,000 บาท)
ซึ่งการเก็บเงินครั้งนี้ ก็อาศัยเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ จากคุณพ่อของเขาด้วย เมื่อเก็บเงินจนซื้อเซิร์ฟบอร์ดได้แล้ว กลับกลายเป็นว่าเขาเกร็งจนไม่กล้าเล่นเซิร์ฟไปเลย
แม้จะต้องเก็บเงินด้วยความลำบาก แต่คริสกลับรู้สึกว่าเขาภาคภูมิใจกับมันมาก และรู้สึกว่าการเก็บเงินเพื่อซื้ออะไรบางอย่างเป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่ง และเขาไม่อยากให้ลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขาพลาดประสบการณ์แบบนั้นไปเลย
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือทั้งหนุ่มคริสและภรรยาอย่างเอลซ่า พาตากี้ (Elsa Pataki) ไม่อยากให้ลูกๆ ทั้ง 3 คน อันได้แก่ น้องอินเดียวัย 6 ขวบ และฝาแฝด ทริสตันและซาช่าวัย 4 ขวบต้องเสียคนและหลงระเริง
ซึ่งคริสให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า “แม้ลูกๆ ทั้ง 3 คนของผมจะรับรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเป็นดารา แต่ผมไม่อยากให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นๆ ผมไม่อยากให้พวกเขาคิดว่าการที่มีเงินทองมากมายมหาศาลหรือการมีพ่อแม่เป็นเซเลบ ทำให้เขารู้สึกเหนือกว่าคนอื่น แค่คิดก็กลัวแล้วครับ”
และหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในแสงเสียงมานานกว่า 11 ปีที่ฮอลลีวู้ด คริสก็ตัดสินใจย้ายครอบครัวไปอยู่ที่หาด Byron ที่ประเทศออสเตรเลียบ้านเกิด เพราะเขาอยากให้ลูกๆ เติบโตมาแบบคนปกติธรรมดามากกว่า แม้จะรักครอบครัวมากแค่ไหน หนุ่มคริสเองก็แอบย้อนคิดกลับไปเล่นๆ ว่า ถ้าเขาไม่มีลูก ชีวิตจะเป็นยังไง เพราะตั้งแต่มีลูก คริสก็ได้อุทิศตนให้กับครอบครัวแบบเต็มร้อย โดยที่อาชีพการงานเป็นปัจจัยรอง
ซึ่งคริสให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า “ผมรักครอบครัวของผมมากนะครับ แต่บางทีผมก็แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้าวันนั้นไม่ได้เจอภรรยาและมีลูกๆ ที่น่ารักเหล่านี้ ชีวิตการทำงานของผมคงก้าวไปในอีกทิศทางหนึ่งเลย เพราะผมยอมรับว่าการมีครอบครัวทำให้ผมไม่ได้ทุ่มเทให้หนังบางเรื่องแบบเต็มร้อย แต่ก็แค่คิดเล่นๆ นะครับ ผมชอบทุกอย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้แล้ว”
เรามั่นใจว่าด้วยความคิดของคุณพ่อที่ดีขนาดนี้ ลูกๆ ของคริสจะต้องเติบโตมาเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีอย่างแน่นอนค่ะ
Cr : SaraDee.