ป๊อก ป๊อกยายทองยังไม่ตาย..มิติลี้ลับสัมผัสสยอง ตอนผียายทอง
ต้นเป็นลูกของคนลาวที่ย้ายมาอยู่ในประเทศไทย หมู่บ้านที่ต้นอาศัยอยู่ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน ซึ่งที่ดินตรงนั้น เป็นที่จับจองทำกิน เจ้าของที่ดินเป็นคนใจดีเลยอนุญาต ให้ปลูกบ้านอยู่อาศัยกันได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ เป็นคนที่อพยพมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว พม่าและ กระเหรี่ยง บางคนอยู่มานานกว่าที่เจ้าของที่จะครอบครองสิทธิ์ในที่ดินเสียอีก แม้จะต่างเชื้อชาติแต่หมู่บ้านนี้ ก็อยู่กันอย่างสงบ
ต้นเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีสิทธิ์ได้รับบัตรประชาชนไทยเพราะเกิดในประเทศไทยและ เรียนหนังสือเหมือนเด็กไทยทั่วไป เลยเขียนอ่านหนังสือได้ ชาวบ้านที่สงสัยอะไรก็มักมาถามต้น โดยเฉพาะยายทอง แกขายของที่ตลาดสดและได้รับเอกสารแจกมาบ่อย ๆ เลยให้ต้นช่วยอ่านให้ฟัง ต้นสนิทกับยายทองเพราะบ้านอยู่ติดกัน ยายทองอยู่บ้านคนเดียวเพราะผัวแกตายไปนานแล้ว ส่วนลูก ๆ ก็ออกไปหางานทำในเมือง ยายทองอายุแปดสิบกว่าแล้ว แต่ยังดูแข็งแรงดี ถ้าไม่ได้ไปขายของที่ตลาด แกก็มักเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน บางทีไม่มีใครเจอแกเป็นอาทิตย์ มีอยู่วันหนึ่งลูกชายแกเดินทางกลับมาหา พยายามตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู ลูกชายเอะใจว่าแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเลยงัดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้ลูกชายแกร้องดังลั่น ยายทองนอนจมกองเลือดในสภาพไร้ลมหายใจ แกล้มหัวฟาดพื้น แต่คงตายหลายวันแล้วเพราะตัวแกอืดบวมส่งกลิ่นเหม็นโชยไปทั้งบ้าน ตอนนั้นต้นกลับมาจากโรงเรียน พอดี เลยรีบเข้าไปดูก็ถึงกับ ขนลุก เพราะเมื่อช่วงเช้ายังได้ยินเสียงยายทองฮัมเพลงอยู่เลย แต่จากสภาพ ศพนั้นแกน่าจะตายมาไม่ต่ำกว่าสามวันแล้ว ต้นยืนมองด้วยความรู้สึกใจหาย หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เดินทางมาถึง ทุกคนเดินออกไปอยู่หน้าบ้าน
ยายทองเป็นคนหวงบ้านมาก ไม่รู้ว่าแก ไม่อยากไปไหนหรือเปล่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันยกสองคนแต่ยกไม่ขึ้น จนต้องเรียกให้ลูกชายแกช่วยยก ตอนแรกก็ยกไม่ขึ้นเหมือนกัน จนลูกชายต้องพูดว่า “แม่ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ ไปกับเจ้าหน้าที่ก่อนเถอะ” พูดจบก็ช่วยกันยก คราวนี้ยกขึ้นได้ง่าย ๆ เลย เล่นเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขนลุกไปตาม ๆ กัน
หลังจากวันนั้น ลูกชายแกก็นำศพยายทองไปที่วัด โดยตั้งศพไว้สามวัน ในวันแรกนั้นเหตุการณ์ในวัดปกติดี แต่เรื่องชวนขนลุกดันเกิดขึ้นที่บ้านแก เย็นนั้นต้นกลับมาจากโรงเรียน แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะได้ยิน เสียงตำหมากและเคาะเชี่ยนหมากดังมาจากในบ้านยายทอง ตอนแรกก็คิดว่าลูกชายยาย กลับมารื้อหาของ หรือทำอะไรสักอย่างในบ้าน แต่ประตูบ้านมันล็อคอยู่ โดยมีแม่กุญแจคล้องจากด้านนอก ด้วยความอยากรู้ ต้นก็เดินไปข้างบ้านยายทอง แล้วแนบตาดูจากรูของฝาบ้าน ก็ต้องตกใจเพราะภาพที่เห็นคือยายทอง กำลังนั่งตำหมากอยู่ ต้นใจเต้นรัว ไม่คิดว่าจะได้เจอผี ต้นก้าวเท้าถอยหลังออกมาแล้วเหยียบใส่กิ่งไม้แห้ง เสียงกิ่งไม้หักทำให้ต้นตกใจเลยหันหลังจะวิ่ง แต่ก็ต้องชะงักเพราะห่างจากตัวไปไม่ถึงห้าเมตร ยายทองยืนหันหลังอยู่ใต้ต้นมะม่วง เสียงตำหมากหยุดไปแล้วแต่เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมอีก ต้นจำเสื้อผ้าและลักษณะของยายทองได้ดีแม้จะยืนหันหลังอยู่ก็ตาม ต้นวิ่งออกไปจากตรงนั้น พร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะตามหลัง จนไปถึงปากทางหมู่บ้านก็เห็นลูกชายยายทองขี่มอเตอร์ไซค์ เข้ามาพอดี ซึ่งแกจะกลับมาเอาเชี่ยนหมากของแม่ออกไปให้ยายศรีที่งานศพ ลูกยายทองถามต้นว่า วิ่งหนีอะไรมา พอต้นบอกว่ายายทองยังอยู่ที่บ้าน เท่านั้นล่ะ ลูกยายทองหันรถกลับเพื่อจะไปวัด ต้นขอติดรถไปด้วย จนขี่ไปถึงวัดแกก็รีบไปปรึกษาหลวงพ่อว่า ต้องทำยังไงให้ยายทองไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ หลวงพ่อบอกว่า ทำได้แค่ส่งบุญไปให้แกเท่านั้น หลังปรึกษาหลวงพ่อเสร็จ ลูกยายทองก็เดินไปที่ ศาลาตั้งศพแม่ ต้นเดินตามไปและเข้าไปจุดธูปไหว้ พอไหว้เสร็จยายศรีก็เดินมาถามว่า “นี่เชี่ยนหมาก ของยายทองใช่ไหม เห็นวางอยู่บนโลง” ลูกยายทองรีบเดินเข้าไปดูก็ตกใจ เพราะเชี่ยนหมากนั้น เป็นของแม่ตัวเองจริง ๆ แต่ใครล่ะที่เอามาจากบ้าน
ฟังเรื่องผียายทองได้ที่