แวะไปดูหนังอินดี้ ที่โรงภาพยนตร์อาร์ทเฮาส์ในกรุงเทพกันเถอะ

ถึงแม้ปัจจุบันเราจะสามารถนอนดูหนังที่บ้านผ่าน Netflix หรือ Youtube ได้สบายๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาฝ่ารถติดไปยังโรงภาพยนตร์ แต่ผมกับแฟนก็ชอบไปโรงหนัง เราออกไปดูหนังกันประมาณ 3 ครั้งต่อเดือน อาจเพราะเดินตามกลิ่นหอมมันของป๊อปคอร์นในห้างขึ้นไปยังโรงภาพยนตร์ หรือเพราะเราติดใจความรู้สึกของการดูหนังในโรงใหญ่ที่มืดสนิท บนจอขนาดกว้าง พร้อมเครื่องเสียงที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนต์จริงๆ แต่ยังไงๆ แล้วทุกคนคงเห็นด้วยกับผม ว่าการเดินจูงมือกันไปดูหนังนั้น เป็นอีกวิธีที่เราจะได้สัมผัสและรับรู้ถึงกลิ่นไอของยุคคลาสสิค ก่อนเทคโนโลยีมาแทนความสุขเล็กๆ น้อยๆ นี้ และแน่นอนว่าในกรุงเทพนั้น มีโรงภาพยนตร์หลากหลายรูปแบบที่จะตอบสนองทุกอารมณ์ และสไตล์

BKKSR (Bangkok Screening Room)

เด็กสีลมทุกคนน่าจะรู้จัก BKKSR หรือ Bangkok Screening Room โรงภาพยนตร์อินดี้กึ่งบาร์ลับที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Golden Age Cinema ในเมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย โรงหนังแนวใหม่นี้รองรับคนดูได้ถึง 50 คน และมีคราฟเบียร์ ไวน์ และขนมเครื่องดื่มอีกหลายอย่างพร้อมเติมเต็มการดูหนังสุดชิคของคุณ ที่โรงจะฉายทั้งหนังคลาสสิคจากต่างประเทศ และหนังอินดี้ สามารถเข้าไปดูเวลาฉายและชื่อหนังที่กำลังฉายอยู่ได้ที่เว็บไซท์ของ BKKSR ก่อนแวะไปที่โรง รับรองว่าการไปดูหนังครั้งนี้ จะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่นอกจากสนุกแล้วยังทำให้คุณได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

House RCA

ทุกครั้งที่ผมกับแฟนได้มีโอกาสไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์อาร์ทเฮาส์อย่าง House RCA เรามักจะได้ดูหนังแปลกๆ ที่สนุกแบบที่ทำให้เราได้เปิดโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนังอินดี้จากประเทศไทย สวีเดน อินเดีย หรือมองโกเลีย ทั้งแบบมีเสียงพากย์และแบบซับไทย-อังกฤษ ซึ่งถ้าเป็นซับทั้งสองภาษา มันอาจจะเต็มจอไปนิดนึง แต่โดยส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุดเกี่ยวกับการดูหนังแนวนี้คือ เรื่องราวต่างๆ บนจอจะพาเราไปไหนต่อไหน เมื่อเราได้ถลำเข้าไปในสถานที่ๆ ไม่คุ้ยเคย มันคล้ายกับการได้ไปท่องเที่ยวพจน์ภัยเลยครับ แต่สิ่งดีๆ ทั้งมวลต้องมีวันสิ้นสุดลง และ House RCA ก็ไม่ต่างกัน ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ โรงภาพยนตร์แห่งนี้กำลังจะปิดตัวลง 

House Samyan

แต่ชาวกรุงอย่างเรายังโชคดี ที่กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง House RCA กำลังจะเปิดโรงภาพยนตร์อาร์ทเฮาส์แห่งใหม่ที่สามย่านให้เราได้เสพย์ศิลป์กัน ในเดือนกันยายนปี 2562 นี้ House Samyan จะเปิดให้ทุกคนได้เยี่ยมชมที่ชั้นบนของ Samyan Mitrtown สถานที่แฮงเอาท์ใหม่หลังมาบุญครอง โดยโรงภาพยนตร์จะมีจอหนังถึงสามจอด้วยกัน ไว้รองรับเด็กอาร์ท และคนรักหนังอินดี้ ไม่ว่าจะมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมุมไหนของกรุงเทพ

โรงภาพยนตร์อาร์ทเฮาส์อื่นๆ

 ใครที่มองหากิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านดนตรี การแสดง และกวี ควรแวะไปที่ สถาบันเกอเธ่ หรือ (Goethe-Institut Thailand) เพื่อไปชมหนังเยอรมันแนวใหม่ และเจแปนฟาว์นเดชั่น (Japan Foundation) เพื่อชมหนังอาร์ทจากแดนปลาดิบ โดยจะมีงานอีเว้นท์มากมายที่สนับสนุนและเผยแพร่งานศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมี ฟรีส-กรีนคลับ (Friese-Greene Club) ในภาพบนที่เปิดโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก 9 ที่นั่ง สุดพิเศษให้สมาชิกของคลับได้ชมกัน ด้วยราคาสมาชิกเพียง 400 บาทต่อปี คุณสามารถดูทั้งหนังคลาสสิคและหนังอาร์ท อีกทั้งยังได้พบปะ ร่วมสังสรรค์ และแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้ที่ประกอบอาชีพในธุรกิจภาพยนตร์และผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ 

มอบประสบการณ์ดูหนังสุดพิเศษให้คนพิเศษในโรงหนังสุดหรู 6 ดาวแห่งเดียวในอาเซียน

มีหลายโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพที่มีโซฟาที่นั่ง และโรงหนังวีไอพี แต่ที่ๆ หรูที่สุดและน่าพูดถึงที่สุดเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก Embassy Diplomat Screens by AIS ที่ห้าง Central Embassy ซึ่งเป็นโรงหนังแห่งเดียวในหมู่ประเทศอาเซียนที่มีความหรูระดับ 6 ดาว โดยที่โรง Diplomat Screens นั้นจะฉายหนังเรื่องเดียวกับที่โรงใหญ่ๆ ฉายกัน แต่ราคาบัตรที่ค่อนข้างโหด ระหว่าง 2,000 ถึง 3,200 บาทต่อคู่นั้น มาพร้อมกับประสบการณ์สุดพิเศษ นอกจากจอใหญ่ยักษ์และเครื่องเสียงคุณภาพแล้ว คุณและคนพิเศษจะได้ทานป๊อปคอร์นและดื่มเครื่องดื่มไม่อั้น บุฟเฟต์ค็อกเทลใน Lounge หรูก่อนหนังเริ่มฉาย Butler ส่วนตัวตลอดตั้งแต่ต้นจนหนังจบ และเตียงนอนแสนสบาย รวมถึงผ้าห่มหนานุ่มนิ่มที่จะทำให้คุณและคนพิเศษอุ่นกายและอุ่นใจไปตลอดสองชั่วโมง

คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด เพราะโรงหนังสำหรับคุณหนู Kids Cinema มีบ่อบอลยักษ์และสไลด์เดอร์สำหรับเด็กๆ ที่อยู่ไม่นิ่ง (และผู้ใหญ่ที่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง)

ทั้งห้องเด็กเล่นก่อนหนังเริ่ม ทั้งสไลด์เดอร์และบ่อบอลในโรงหนัง ทุกอย่างใน Kids Cinema ที่มีตามห้างใหญ่ๆ ในกรุงเทพนั้น จะทำให้ฝันของเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ติดโรคปีเตอร์แพนซินโดรม หรือโรคไม่รู้จักโต เป็นจริงอีกครั้ง ภายในโรงภาพยนตร์จะมีเก้าอี้และพื้นพรมสีสันสดใส มีไฟสว่างนิดหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และสไลด์เดอร์ที่ดิ่งลงบ่อบอลขนาดใหญ่ ซึ่งจริงๆ ของเล่นพวกนี้ห้ามผู้ใหญ่เล่นนะคะ แต่บางที Kids Cinema จะฉายการ์ตูนรอบดึก ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีเด็กๆ มา นั่นก็หมายความว่าผู้ใหญ่วัยเยาว์อย่างเราๆ ก็สามารถที่จะแหกกฏได้เล็กน้อย แต่ขอย้ำว่าต้องไปหลังเวลานอนของคุณหนูทั้งหลายนะ แล้วอย่าเล่นเยอะจนเกินเหตุล่ะ ทำอะไรเกรงใจกันหน่อยครับบ

ผมยังจำวัยเด็กของผมได้ดี ตอนโตที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส สมัยเด็กๆ ทุกๆวันอาทิตย์เราจะไปถนน Champs-Elysees กันจนเป็นกิจวัตร

จากรถไฟใต้ดินไปลงสถานี l’Etoile หลังจากนั้นก็เดินไปที่ the Champs ย่านที่เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาและโปสเตอร์โปรโมตภาพยนตร์ที่จะฉายที่ Cinemascope เต็มไปหมด 2 ฟากถนน ทุกครั้งๆ ที่ผมมองไปที่โปสเตอร์ภาพยนตร์ มันก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นราวกับว่าเราได้ก้าวเข้าไปในโลกของภาพยนตร์ ได้ผจญภัยและไปค้นหาคำตอบในเรื่อง How the West Was Won, หรือเข้าไปอยู่ในเรื่องราวความรักใน Summer 42, A Man and a Woman หรือหนังสัญชาติฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่าง Le Samourai และพระเอกในใจทุกคนอย่าง James Bond with Goldfinger

วันพฤหัสบดีนี้ไปดู Once Upon A Time In Hollywood กัน

สำหรับตอนนี้ผมตั้งหน้าตั้งตารอชม Once Upon A Time In Hollywood ผลงานชิ้นใหม่จากผู้กำกับ Quentin Tarantino ซึ่งจะเข้าโรงที่กรุงเทพวันพฤหัสที่ 12 กันยายน 2562 นี้ เราแพลนไว้ว่าเราจะไปดูที่โรงภาพยนตร์ของ EmQuartier ซื้อป๊อปคอร์นสักกล่อง รส sea salt ผสมคาราเมล ทานคู่กับ Coke Zero แก้วใหญ่สักแก้ว หรือจะ Pepsi Light ดีนะ... ถ้าสั่งไส้กรอกมินิอีกสักกล่องคงไม่มากไปหรอกเนอะ... หนังน่าจะยาว... คือผมยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็ได้อ่านผ่านตามาบ้างแล้ว อีกทั้งยังได้รวบรวมรีวิวจากหลายๆ แหล่ง ฉะนั้นจึงจะมาเกริ่นให้ฟังคร่าวๆ ว่าหนังมีที่มาที่ไปอย่างไร และเกี่ยวกับอะไร แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่มีสปอยแน่นอน

หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร?

Rick Dalton อดีตนักแสดงละครคาวบอยที่กอบโกยชื่อเสียงและรายได้มหาศาลในช่วงปี 50s แต่ปัจจุบัน กลับกำลังลำบากในการหางานที่มีความหมายในสายตาของเขา ใน Hollywood ที่ๆเค้าเคยประสบความสำเร็จ ณ ครั้งหนึ่งแต่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปจนเค้าแทบจำไม่ได้ เค้าใช้เวลาไปกับการดื่มเหล้าและใช้เวลาเรื่อยเปื่อยกับ Cliff Booth เพื่อนสนิทและ stunt double ของเขา Rick อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันกับ Roman Polanski และ Sharon Tate คู่รักผู้กำกับและนักแสดงสาว ที่ชีวิตและอนาคตของพวกเค้าทุกคนกำลังจะเปลี่ยนไปเพราะสมาชิกครอบครัว Manson

รีวิวโดย เอียน ฟรีเออร์ จาก Empire

Once Upon A Time In Hollywood ถือว่าเป็นหนังที่มีฉากที่บ่งบอกถึงความเป็น Quentin Tarantino มากที่สุดเลยก็ว่าได้: ดาราสาว wannabe อย่าง Sharon Tate (รับบทโดย Margot Robbie) ที่พาดเท้าที่สกปรกของเธอบนเก้าอี้ขณะนั่งดู The Wrecking Crew นำแสดงโดย Dean Martin เป็นหนังที่ลอกเลียนแบบ James Bond ในยุค 1969 ที่หลายๆ คนได้ลืมไปแล้ว แต่นอกจาก Foot Fetishism หรือรสนิยมทางเพศของคนที่ชื่นชอบเท้า และภาพยนตร์เกินวิสัยหรือ Cult Movies สองสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็น Tarantino แล้ว ในภาพยนตร์เรื่องที่ 9 ของเขา มันยังมีหลากหลายดีเทลที่น่าจดจำเช่น drive-ins, โดนัท, ช็อตที่ถ่ายตามรถ, ตัวละครหลักที่มาพบเจอกันที่ไฟจราจร, เพลงสไตล์ bubble gum pop หรือการสร้างตัวละครจากคนที่เคยมีชื่อเสียงแต่ถูกลืมไป และการมีความสุขกับการฟังวิทยุ Once Upon A Time In Hollywood ถือว่าเป็นหนังที่ถูกหล่อหลอมมาจากความคิด แรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้น ของ Quentin Tarantino ที่ทำออกมาได้สวยงามและเพอร์เฟ็ค แต่อาจจะขาดความเข้มข้นและความสนุกรวดเร็วที่จะทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Quentin Tarantino เรื่องโปรดเรื่องใหม่ของคุณ สามารถอ่านรีวิวเต็มไดที่ลิ้งค์นี้: https://www.empireonline.com/movies/reviews/once-upon-a-time-in-hollywood-2/

เขียนโดย Robert Ruesz และ Praevaryn Sucharitachandra, แปลโดย Mintra Domundee & Praevaryn Sucharitachandra, ขอบคุณรูปภาพและวีดีโอจากภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์