หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

𝑆𝑢𝑟𝑣𝑖𝑣𝑜𝑟...ตุ๊ดต้องรอด Ep.1ถ่อสังขารไปหาเขา(หลวง)

เนื้อหาโดย Wizard

 

𝑆𝑢𝑟𝑣𝑖𝑣𝑜𝑟...ตุ๊ดต้องรอด

Ep.1ถ่อสังขารไปหาเขา(หลวง)

รีวิวข้อมูลและรายละเอียดการเดินทางและการเดินเขา

หลังจากที่ผมไปตรวจสุขภาพเมื่อเดือนมิถุนายนล่าสุดที่ผ่านมา ผลตรวจคือค่าไตของผมแย่ลงกว่าเดิมมากและใกล้ถึงจุดที่จะต้องฟอกไตแล้ว ... ผมกลับมาทบทวนหลายอย่างในชีวิตว่า ผมได้ให้กำไรชีวิต กับตัวเองมากพอหรือยัง ... การมัวแต่ทำงานงกๆ ให้คนจิกหัวใช้ไปวันๆ อยู่นั้น มันคุมค่ากับชีวิตของเราแล้วจริงๆหรือ หากเราไม่กล้าที่จะลาพักออกไปใช้ชีวิตของเราบ้าง เราก็คงไม่แตกต่างจากหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถควบคุมชีวิตและจิตใจของตัวมันได้

ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเลที่จะออกเดินทางค้นหาและเก็บเกี่ยวเอากำไรชีวิตที่มันควรจะเป็นของผม และใช้ชีวิตของผมอย่างมีความสุขที่สุด เพราะไม่มีใครจะหยิบยื่นความสุขเหล่านั้นให้เราได้ … มีแค่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะสามารถหยิบยืนความสุขเหล่านั้นให้ตัวเอง ถึงแม้ผมยังไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะสาหัสเพียงใด หรือว่าการเดินทางครั้งนี้ของผมจะไปสิ้นสุดลงที่ตรงใหน ...

แต่นี้ #จะคือการเดินเขาครั้งแรกของผม
และ #มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง

 

สำหรับการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง) จังหวัดสุโขทัยของผมในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะออกเดินทางในคืนวันศุกร์ที่ 19กรกฎาคม 2562 หลังจากที่ผมเลิกงานครับ โดยเดินทางด้วยรถทัวร์ของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 0100 กรุงเทพฯ – ศรีสัชนาลัย ต้นทางกรุงเทพฯหมอชิตใหม่ ไปยังปลายทางอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย โดยราคาค่าตั๋วอยู่ที่ 364 บาท/คนครับ

 

เที่ยวรถของผมออกจากหมอชิตใหม่ในเวลา 22.30 น. ซึ่งก็ถึงปลายทางที่อำเภอคีรีมาสราวๆ 05.00 น. ครับ เมื่อถึงปลายทางที่อำเภอคีรีมาศ รถทัวร์จะจอดหน้าทางเข้าอุทยานซึ่งติดกับศาสแม่ย่าครับ แล้วจะมีรถมาถามเราว่าเขาอุทยานหรือเปล่า ซึ่งราคาเหมาก็อยู่ที่ราวๆ 500 – 600 บาท เราสามารถให้เขาแวะที่ตลาดและเซเว่นได้ครับ เพื่อหาซื้อวัตถุดิบที่จะนำขึ้นไปทำอาหารรับประทานกันที่ข้างบนครับ หรือ หากคุณยังไม่มีรถรับส่งสามารถโทรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานได้ที่เบอร์ 08 - 7313 - 7897 หรือรับจ้างนอก พี่เสริท 06- 3850 – 9852 ครับ

ขอบคุณแผนที่ภาพจาก Google

 

เขาหลวงเป็นหนึ่งในสุดยอดของขุนเขาที่มีเสน่ห์ที่สุด หนึ่งในขุนเขาของเมืองไทยครับ โดขเขาหลวงสุโขทัยนั้น ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุโขทัย ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึว1,200 เมตร โดยประกอบไปด้วยยอดเขา 4 ยอดเขาที่สวยงาม อย่าง เขานารายณ์ เขาพระแม่ย่า ภูกา และเขาพระเจดีย์ ครับ ซึ่งแต่ละยอดเขาก็ล้วนมีเอกลักษณ์และความสวยงามสุดๆไม่แพ้กันเลยทีเดียว ใครที่มีรสนิยมชอบเที่ยวภูเขาผมว่าจะต้องชอบกันแน่ๆครับ …. หากคุณชอบเขาก็ไปหาเขาเลยสิ! จะมัวรอช้าอยู่ทำไม

เมื่อถึงยังอุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง) ก่อนเขายังภายในตัวอุทยานจะต้องเสียค่าเข้าอุทยานก่อนครับ โดยผู้ใหญ่อยู่ที่ 40 บาท/คน และเด็กอยู่ที่ 20 บาท/คน ครับ เขาหลวงจะเปิดให้ขึ้นในเวลา 08.00 น. และทางอุทยานจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นยอดเขาหลวงหลังจากเวลา 15.30 น.ครับ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดดภัยในการเดินทางขึ้นเขา เนื่องจากเส้นทางมีความชันมากอาจจะเป็นอัตรายได้ระหว่างทางหรืออาจถึงแคมป์ดึกมากจนเกินไปครับ แต่หากมาไม่ทันเวลาขึ้นเขา ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะทางอุทยานนั้นมีบ้านพักให้บริการ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามราคาจากทางเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงครับ

เมื่อคุณเข้ามายังภายในอุทยานแล้ว ก็ให้คุณมาลงทะเบียน ณ ที่ทำการศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อกรอกข้อมูลต่างๆ ของผู้ขึ้นเขา และเช่าอุปกรณ์ สิ่งของอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างพวกเต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน ผ้าห่ม เสื่อ ครับโดยมีราคาเช่าดังนี้ คือ
- ค่าสถานที่กางเต้นท์ 30 บาท / คน / คืน
- เต้นท์สำหรับ 2 คน 150 บาท/คืน
- เต้นท์สำหรับ 3 คน 225 บาท/คืน
- เต้นท์สำหรับ 6 คน 600 บาท/คืน
- ถุงนอนชุดละ 30 บาท/คืน
- แผ่นรองนอนชุดละ 20 บาท/คืน
- ผ้าหุมหนาชุดละ 30 บาท/คืน
- สื่อผืนละ 20 บาท/คืน
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามข้อมูลโดยตรงอีกครั้งได้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกครั้ง)

ซึ่งเมื่อเราลงทะเบียนและเช่าอุปกรณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้ใบเสร็จมาครับ ให้เรานำใบเสร็จรายการเช่านี้ไปเบิกของที่ด้านบนอุทยานที่จุดบริการนักท่องเที่ยวตั้งแคมป์อีกครั้งหนึ่งครับ

นอกจากนี้ยังมีค่ามัดจำขยะอีก 200 บาทด้วยซึ่งมนเป็นโครงการของทางอุทยานที่สร้างจิตสำนึกให้กับนักท่องเที่ยวนั้น มีจิตสำนึกที่ดีงามในการทิ้งขยะครับ โดยก่อนที่เราจะลงจากเขาเจ้าหน้าที่จะให้เราเอาขยะไปชั่งน้ำหนักและรับเงินมัดจำคืน จากนั้นก็ให้เรานำขยะลงจากจากเขามาด้วยแล้วนำไปทิ้งภายนอกอุทยานครับ

 

การเดินทางมาขึ้นเขาในครั้งนี้ ผมเดินทางมาพร้อมกับรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ เรดี้ และ กรเนส ซึ่งก็เป็นรุ่นน้องที่ผมสนิทที่สุดละ เผลอๆ อาจสนิทกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันสะอีก 55+ ถึงจะแบบมีแอบพูดจิกกัดกันบ้างผิดใจกันบ้างแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่เคยทิ้งผมไปใหนครับ … แต่สำหรับการเดินเขาครั้งนี้ผมก็ยังแอบหวั่นใจอยู่ว่าพวกนางจะทิ้งผมหรือเปล่าา … คุณคิดว่าพวกนางจะทิ้งผมไหมครับ? ถ้าคุณอยากรู้ อ่านให้ลึกลงไปแล้วหาคำตอบนั้นไปพร้อมๆกันครับ

หลังจากที่เราทำการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เดินมายังจุดเริ่มต้นของการเดินเขาครั้งนี้ของเรากันครับ ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ โดยหากเราเห็นป้าย #ยินดีต้อนรับผู้พิชิตยอดเขาหลวงสุโขทัย นั้นแหละครับทางที่เราจะขึ้นไปกัน …. อย่าลืมที่จะถ่ายรูปกันสักแอ็คสองแอ็คเพื่อวอมส์ร่างกายก่อนขึ้นเขากันนะครับ ฮ่า ฮ่า … และเมื่อพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางกันได้เลยครับ Let go!

ข้อควรรู้ 10 โรคที่ต้องห้ามสำหรับการขึ้นเขาหลว
1. โรคหัวใจ
2. โรคปอด
3. ภาวะซีด
4. โรคตับแข็ง
5. โรคเลือดแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต
6. เคยได้ร้บการผ่าตัดภายใน 1 เดือน
7. ภูมิแพ้ชนิดรุนแรง
8. เคยกรพดูกหักแล้วผ่าตัดใส่เหล็ก
9. โรคมะเร็ง ชนิดที่ยังรับการรักษาอยู่
10. โรคไตวายที่รักษาโดยการฟอกไ

 

อีกหนึ่งแรงพลักดันที่ทำให้เราอยากที่จะขึ้นไปบนเขาหลวงให้สำเร็จก็คือ การได้เจริญรอยตามการเสด็จพระดำเนินขึ้นยังเขาหลวงของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเคยเสด็จพิชิตยอดเขาหลวงเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2537 ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงทำเวลาจากจุดเริ่มต้นถึงแคมป์เพียง 3 ชม.เท่านั้นเองครับ

 

ระยะทางสำหรับเส้นทางพิชิตเขาหลวง จากที่ทำการศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไปจนถึงยอดเขานั้นเป็นระยะทางโดยประมาณ 3.7 กิโลเมตร ครับ โดยจะผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ประดู่ใหญ่ มออีหก จุดชมวิว ตะเคียนคู่ น้ำดิบผามะหาด ชานเบิกไพร ไทรงาม ปล่องนางนาง และพระยาแล่นเรือครับ ซึ่งแต่ละที่ก็มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ สามารถแวะพักชมและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ครับ รวมถึงในแต่ละสถานที่ก็เป็นเสมือนเครื่องหมายบอกระยะทางครับว่าเราได้เดินมากี่กิโลเมตร
ผมเริ่มต้นออกเดินทางครั้งนี้ในเวลา 08.00 น. ไม่ขาดไม่เกินแบบเป๊ะๆครับ แบกข้าวของสำมะโนครัวที่แบกมา (ไม่รู้จะแบกมาทำไมเยอะแยะ) ขึ้นไปแบบเก่ง โดยไม่จ้างลูกหาบเลย คือ แบบกะจะชาเร้นจ์ตัวเองแบกเป๋าขึ้นเขาแมนๆ … แต่หารู้ไม่ว่า หนทางข้างหน้านั้นยังอีกยาวไกลและชัดนัก 55+

จะไปต่อหรือว่าจะกลับกันดีน๊าาา ……..

เส้นทางเดินบนเขาหลวงนั้นเราสามารถเดินขึ้นได้เองได้โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ครับ เพราะเส้นทางค่อนข้างที่จะชัดเจน และมีป้ายบอกทางกำกับอยู่แทบจะทุกๆ 300เมตรครับ

สำหรับสัมภาระต่าง ๆ นั้นหากเราคิดว่าเราจะแบกขึ้นไม่ไหว ก็สามารถใช้บริการลูกหาบได้ครับ โดยค่าบริการนั้นคิดเพียงกิโลกรัมละ 25 บาทเท่านั้นเองครับ แต่ด้วยลูกหาบที่เขาหลวงนั้นมีจำนวนไม่มากนัก คนที่จะใช้ลูกหาบจึงมีความจำเป็นมากที่จะต้องรีบมาแต่เช้าเพื่อที่จะได้ทำการจองลูกหาบครับ เพราะถ้าแบกของกันมาเยอะแต่จองลูกหาบไม่ทันรับรองครับว่า คุณหนาวแน่! … ไม่ทยอยทิ้งตามทาง ก็คงต้องท้อเปลี่ยนใจลงจากเขาแทนแน่ๆครับ 5555+ …. สำหรับลูกหาบที่นี้เป็นกันเองและนิสัยดีกันทุกคนมากครับ คอนเฟริมมม

เมื่อเราเดินเข้ามาได้สักพักที่ราวๆ 150 เมตร ก็จะพบกับจุดกองไม้ค้ำยัน หรือไม้เท้าเดินป่าครับ ซึ่งไม้ค้ำยันเหล่านี้มีประโยชน์และมีความสำคัญมากครับสำหรับการเดินเขาของพวกเรา

ประโยชน์ของไม้ค้ำยัน หรือ ไม้เท้าเดินป่า

• ไม้เท้าเดินป่าช่วยรักษาความสมดุลของร่างกายขณะเดิน ไม่ว่าจะเป็นพื้นขรุขระ พื้นโคลนเหนอะหนะ โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องแบกเป้แบ็คแพ็คที่มีน้ำหนักมาก ร่างกายคุณมีโอกาสเสียสมดุลจนล้มได้ง่าย เราจึงใช้อุปกรณ์นี้เป็นเครื่องมือช่วยในการรักษาสมดุล ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์หลักของไม้เท้าเดินป่าเลยนะครับ
• ช่วยในการกระจายน้ำหนัก แทนที่จะให้น้ำหนักลงที่ขาอย่างเดียว การใช้ไม้เท้าเดินป่าจะช่วยกระจายน้ำหนักให้ไปลงที่ส่วนแขนด้วย ลดภาระที่จะไปตกลงที่ส่วนขา เข่า ข้อเท้า จะมีประโยชน์มากตอนที่ขึ้นหรือลงเขา และกรณีที่เกิดการบาดเจ็บที่เท้า ที่ไม่สามารถจะลงน้ำหนักที่เท้าได้
• ช่วยลดภาระที่เกิดกับขา เอว และข้อต่อ ลดโอกาสในการเกิดการบาดเจ็บ เพิ่มเสถียรภาพในการเดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัญหาหัวเข่า ข้อเท้า
• สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้ เช่น ใช้เป็นอุปกรณ์ดามขาที่หัก
• ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น มีรายงานว่าการวิจัยว่าการใช้ ไม้เท้าเดินป่าจะช่วยเผาพลาญแคลอรี่ในร่างกายได้มากกว่าการไม่ใช้ถึง 20%
• ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้
• ใช้เป็นพล๊อบถ่ายรูปให้ดูเทห์
เห็นประโยชน์ของมันหรือยังครับ ว่ามันทำประโยชน์อะไรได้หลายอย่างเลยละครับ และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ การถ่ายภาพโดยไม่มีไม้เท้าเดินป่าติดมือนี่ ถึงจะดูยังไงมันก็คงไม่เท่ห์เท่าไรนักจริงมั้ยครับ หรือใครจะเถียงผม 55+ …

 

เมื่อเราเริ่มเดินจะพบว่าเส้นทางส่วนใหญ่นั้นจะเป็นทางชันตลอดแนวเกือบร้อยละ 98 % ของเส้นทางครับ โดยมีความชันอยู่ที่ราวๆ 70 – 80 องศาครับ แค่เห็นก็ใจออกไม่อยากจะไปต่อแล้วละครับว่ามั้ย? … ซึ่งทีแรกผมเองก็กะจะหันหลังกลับสะละ แต่ด้วยความที่มีกำลังใจที่ดีคือเหล่าเพื่อนผู้ (ชาย) ร่วมทาง ทำให้สู้ตายครับ อย่างน้อยเป็นลมคงจะมีผู้สักคนผ่ายปอดอยู่ละมั้งครับ 555+

ส่วนทางราบนั้นมีแค่นิดเดียวครับ เพียงราวๆ 2 % เท่านั้นเองครับ ซึ่งตอนที่คุณได้เจอกับทางราบช่วงนั้นคุณจะรู้สึกดีใจแทบอยากจะเป็นบ้าเลยทีเดียวละครับ แต่ความดีใจของคุณก็จะหมดลงเร็วมากเช่นกัน เพราะเส้นทางราบนั้นช่างเดินผ่านไปเร็วเหลือเกิน

 

 

เดินมาสักพัก ก็ชักจะไม่ไหวอีกแล้วละครับ … เพราะทางที่ชันจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่ายมากขึ้นกว่าเดิมมากครับ ทางที่ดีและปลอดภัยที่สุดเพื่อไม่ให้ร่างกายของเราใช้พลังงานมากจนเกินขีดจำกัด ก็คือการนั่งพักตามโขดหิน ดื่มน้ำ และสูดก๊าซออกซิเจนกระป๋องบริสุทธิ์ 95 % ที่เตรียมมาด้วยเพื่อเพิ่มความสดชื่นและให้หายเหนื่อยได้เร็วมากขึ้นครับ และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการนั่งพักก็คือการหยิบกล้องขึ้นมา แล้วขอให้เพื่อนที่นั่งพักอยู่ด้วยกันช่วยชักภาพเทห์ๆให้สักภาพ 55+

ทริค
การเดินขึ้นเขาหลวงที่ดีที่สุด คือการไม่จำกัดเวลาของการไปถึงจุดตั้งแคมป์ครับ แนะนำให้เดินเรื่อยๆและพักเรื่อยๆ ซึ่งโดยปกติแล้วหากไม่รีบมากจะส่งผลดีต่อร่างกายของเรามากกกว่า และจะถึงจุดตั้งแคมป์ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงครับ … เพราะมีเคสของรุ่นน้องผมที่ไปด้วยกัน นางต้องการทำสถิติในการไปถึงยังด้านบนจึงรีบเดินล่วงหน้าและทิ้งห่างผมไปก่อน จนเมื่อผมไปถึงจุดตั้งแคมป์ก็ได้ทราบว่า รุ่นน้องของผมคนที่เดินล่วงหน้าไปก่อนนั้น นางตะคริวกินขาอย่างหนักและเสียเวลาไปมากกับการนั่งพักเพื่อให้อาการนั้นทุเลาลง ซึ่งอาการเหล่านี้ก็ล่วนแต่เกิดจากการที่ไม่ยอมหยุดพักและใช้พลังงานเกินขีดความสามารถของตัวเองครับ

 

 

หลังจากนั่งพักผ่อนเดิมน้ำถ่ายภาพกันสักพักแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อกับเส้นทางที่สุดแสนจะชันและหรรษาแข้งขาอีกครั้งครับ ถ้าหากเราพยุงตัวไม่ไหวทางอุทยานก็ได้ทำราวไว้ให้จับแล้วค่อยๆปีนขึ้นไปนะครับ ก็ถือว่าช่วยได้เยอะเลยทีเดียวละ

 

เดินเพลินๆขำๆมาเรื่อยๆไม่นาน (จริงๆก็คือนานนั้นแหละ) เราก็ใกล้ถึงจุดชมวิวมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ เพียงอีกแค่ 30 เมตรเองจากตรงนี้เท่านั้นเอง แต่ด้วยหนทางที่ชันก็ทำให้ 30เมตรเหมือน 300 เมตรมากอยู่เหมือนกัน เล่นเอาผมหอบ แฮ่ะๆเลยละครับ

สองชั่วโมงขาดๆเกินๆ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล + 576 เมตรครับ ถือเป็นความสูงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปลายทางที่แคมป์บนยอดเขาของเราครับ พอมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้า โอบร๊ะเจ้า! นี่เราเดินขึ้นมาได้อย่างไรกันว่ะ สูงเพียงนี้เนี้ยยย …

สำหรับจุดชมวิวนี้มีแคร่พักเป็นม้านั่งยาวๆ 3ตัวลดหลั่นเป็นอัฒจันทร์นั่งคลายเมื่อยชมวิวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาไปเพลินๆ ครับ แต่อย่านั่งนานละ หากคุณไม่ได้ทาครีมกันแดดแบบ PA 5 ++ ไรงี้ เพราะแบบมันร้อนเหลือเกินจะบรรยาย แค่พอหายเหนื่อยแล้วก็รีบเดินกันต่อดีกว่าครับ ก่อนที่คุณจะสุขสะก่อน

จุดชมวิวจุดนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังทรงเคยเสด็จประทับชมวิว ณ ที่แห่งนี้เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2537 ในคราทรงเสด็จพระราชดำเนินพิชิตยอดเขาหลวงอีกด้วยครับ

โดยเมื่อเรามาถึงจุดชมวิวนี้ก็แสดงว่าเราเดินมาได้ในระยะทาง 1.6 กิโลเมตรหรือเสี้ยวหนึ่งของระยะทางแล้วละครับ ซึ่งหนทางนั้นยังอีกยาวไกลมากโข หากใครจะตัดสินใจไม่ไปต่อ การเดินกลับลงไปจากจุดนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครับ .

หลังจากที่เดินมาไม่ถึง 50 เมตรเราก็ต้องนั่งพักกันอีกแล้วละครับ ซึ่งนี้คือแก๊งค์ใหม่ของผม กับ #ชาวแก๊งค์50เมตรพัก ครับ 55+ ...

การสร้างมิตรภาพถือเป็นสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งของการออกเดินทางท่องเที่ยวแบบ Backpacker ครับ เพราะเราไม่อาจถึงจุดหมายปลายทางบนแคมป์ได้โดยลำพัง แต่เราจะต้องอาศัยทั้งการได้พูดคุยแลกเปลี่ยน การให้กำลังใจ และช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดเส้นทางครับ ซึ่งในทริปนี้ผมก็ได้เพื่อนๆพี่ๆ และน้องๆ เพิ่มขึ้นหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นคนสำคัญและเป็นเสมือนตัวขับเคลื่อนให้ผมมีแรงที่จะก้าวเดินไปตลอดเส้นทางบนเขาหลวงแห่งนี้ครับ ซึ่งผมเองก็ต้องขอขอบคุณพวกเขามากๆ เลยทีเดียวครับ

เวลาที่เราเดินๆอยู่ บางครั้งเราเองก็ต้องระมัดระวังและสังเกตให้ดีๆครับเพื่อไม่ให้เราพลาดไปเหยียบเหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่าง พวกมด บงขน หรือเจ้ากิ้งกือยักษ์ครับ เพราะจะถือได้ว่าเราไปทำลายระบบนิเวศของเขาหลวง ซึ่งอาจทำให้ระบบนิเวศนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ครับ

เดินกันมาได้อีกพักใหญ่ (ราวๆ 200 เมตรได้ 55+ พักใหญ่มากเพราะเดินนานอะ ) เราก็มาถึงจุดที่เรียกว่า ตะเคียนคู่ กิโลเมตรที่ 1.9 ครับ ซึ่งตอนที่ผมมาถึงนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงพอดีก็เลยหยุดพักทานข้าวกันตรงนี้ แต่ด้วยความที่ว่าข้าวเที่ยงนั้นดันอยู่กับเพื่อนรุ่นน้องที่ทิ้งผมไปล่วงหน้าก่อน ผมจึงได้แต่กินขนมและน้ำประทังชีวิตไปพรางๆครับ

คุณจะเห็นว่าด้านหลังของผมมีถังใบสีเขียวอยู่ ซึ่งนั้นก็คือถังน้ำกรองที่ต่อมาจากตาน้ำที่น้ำดิบผามะหาดครับ ซึ่งจะตั้งไว้ตามระยะทางเป็นจุดๆ เราสามารถเติมน้ำไว้ดื่มได้เป็นระยะๆ โดยที่เราไม่ต้องพกน้ำจากข้างล่างขึ้นมาด้วยหนักๆ ครับ ซึ่งน้ำบนนี้คือแบบเย็นสดชื่นมากและก็อร่อยด้วยนะ แต่หรือใครจะสะดวกพกน้ำของตัวเองขึ้นมาด้วยก็ไม่ว่ากันครับ แต่อย่าลืมว่า .. คุณต้องแบกขึ้นมาเองนะจ๊ะ!

และนี้ก็คือตาน้ำที่น้ำดิบผามะหาดครับ ซึ่งสมัยก่อนนั้นจะเดินเข้าไปด้านในอีกหน่อยนึง แล้วรองน้ำกินกันหรือใส่กระติกครับ แต่เดี๋ยวนี้เขาต่อท่อออกมาข้างนอกพร้อมก่ออิฐถือปูนติดก๊อกให้ดื่มกันสะดวกสบายขึ้นมากแล้วครับ และน้ำที่นี้จะเย็นและสดชื่นมากกว่าน้ำตรงส่วนอื่นๆ สดชื่นมากครับ

สำหรับจุดนี้เป็นจุดที่เราจะสามารถเติมน้ำไว้ดื่มได้เป็นที่สุดท้ายครับ เพราะหลังจากนี้ไปคือจะไม่มีจุดเติมน้ำอีกแล้ว เพราะฉะนั้นคือน้ำที่ติดมาแต่เดิมรีบดื่มให้หมด แล้วก็รีบเติมเก็บไว้ก่อนที่จะเดินกันต่อไปครับ ในจุดนี้เราก็เดินผ่านมาถึง 2.3 กิโลแล้วซึ่งเหลือเพียงแค่ 1.4 กิโลเมตรเท่านั้นเราก็จะถึงยอดเขาหลวง ปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ของเราแล้วครับ

เมื่อเดินต่อมาได้อีกพักหนึ่งเราก็จะผ่านบริเวณที่ชื่อว่า #ชานเบิกไพร กิโลเมตรที่ 2.7 ครับ สำหรับชานเบิกไพรบริเวณนี้ เคยเป็นสถานที่จุดรวมของเหล่านายพรานล่าสัตว์สมัยโบราณครับ ซึ่งมักจะออกล่าสัตว์กันในวันโกน 7 ค่ำ หรือ 15 ค่ำเพื่อที่จะนำเนื้อสัตว์ที่ล่าได้นั้นไปปรุงอาหารและทำบุญตักบาตรในวันพระครับ โดยพรานทุกคนจะต้องออกมารวมกันในบริเวณนี้ก่อนเพื่อทำพิธีเบิกไพร หรือการเปิดป่า เพื่อขออนุญาตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขา เพื่อขอสัตว์ป่า เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพรานก็จะแยกย้ายกันไปล่าสัตว์ และจะนัดเวลากลับบ้านโดยกลับมารวมกันนะจุดนี้อีกครั้ง เพื่อขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาที่ได้มอบสัตว์ป่าให้นั้นเองครับ

หลังจากที่เดินผ่านชานเบิกไพรมาได้สักพัก ก็จะมาถึงบริเวณนี้ครับ ซึ่งจุดนี้ก็มีความน่าสนใจมาก เนื่องจากรากของต้นไม้นั้นเซาะไปตามโขนหินขนาดใหญ่ นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่หาดูได้ยากมากครับ หากไม่เดินเข้ามาในป่าแบบนี้ ...

เราสามารถเดินเข้าไปถ่ายภาพสวยๆด้านในใต้บริเวณรากของต้นไม้ได้ครับ ซึ่งจะให้ภาพที่เป็นมุมมองเสมือนเดินเข้าไปในป่าลึกสุดมหัศจรรย์นั้นเอง

หลังจากเวลาดำเนินผ่านไป 5 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงจุด #ไทรงาม แล้วครับซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่สามารถนั่งพักผ่อน ถ่ายรูป ขอพรกับเจ้าพ่อไทรงามได้ครับ หรือ ใครมีดวงด้านการขอหวยก็อาจจะลองขอท่านดูได้ครับ ส่วนผมพอมาถึงจุดนี้ก็แบบเหนื่อยมากเลยไม่มีกระจิตกระใจที่จะขอหวยท่านสักตัวครับ เลยขอท่านแค่เพียงให้เดินรอดไปถึงแคมป์บนยอดเขาหลวงก็พอ 555+ … ซึ่งไทรงามจุดนี้ก็เป็นจุดที่ขวัญ (หมู) - เรียม (กรู๊ดตั้น) สาบานรักกันกับเจ้าพ่อไทรงามแห่งนี้ครับ อิอิ (มโน)

เมื่อคุณเดินมาถึงไทรงามก็เท่ากับว่าคุณใกล้จะถึงจุดหมายปลายแล้วครับ เพราะที่นี้คือกิโลเมตรที่ 3 แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ผมใจชื่นขึ้นมาหน่อย แต่หลังจากนี้ไปทางก็จะชัดมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ต้องเตรียมใจให้พร้อมนะครับ

เดินมาได้อีก 300 เมตร เราก็จะมาถึงจุด #ปล่องนางนาค ครับบริเวณนี้จะมีลักษณะเป็นปล่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ กว้าง 0.5 เมตร ยาว 1.5 เมตร ส่วนความลึกนั้นไม่อาจสามารถวัดได้ครับ

มีตำนานพระร่วงเจ้าในพงศาวดารเหนือ กล่าวว่า พระยาอภัยคามณี ผู้ครองกรุงศรีสัชนาลัย ขึ้นไปจำศิลบนยอดเขาหลวงได้มาพบนางนาคตนหนึ่ง ซึ่งจำแลงกายเป็นมนุษย์หญิงสาวรูปงาม ขึ้นมาจากปล่องนี้ เมื่อพบกันก็เกิดความสมัครรักใคร่ได้อภิรมณ์สมรสอยู่ด้วยกันนานถึง 7 วัน จึงได้แยกกัน ซึ่งในขณะนั้นนางนาคเกิดครรภ์และหลังจากนั้นได้คลอดบุตรเป็นชายในถ้ำหนึ่งบนยอดเขาหลวง ด้วยการสำรอกออกมาโดยไม่มีรก จึงเรียกถ้ำแห่งนั้นว่า ถ้ำม-เหรก เด็กชายผู้นั้นได้เกิดมาเป็#พระร่วงเจ้าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ตามพงศาวดารนั้นเองครับ

หลังจากที่เดินผ่านปล่องนางมาอีก 200 เมตรเราก็จะเจอกับสะพานไม้เล็กๆที่ทอดข้ามลำธารเล็กๆ นี้ครับ ซึ่งสะพานไม้นี้เปรียบเสมือนเรากำลังจาก้าวผ่านจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง ซึ่งบริเวณนี้เราเรียกกันว่#พระยาแล่นเรือครับ และอีกเพียง 200 เมตรเท่านั้นก็จะถึงแคมป์ของเรา

 

#พระยาแล่นเรือ กิโลเมตรที่ 3.5 จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเป็นแอ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าน้ำครับ โดยสมัยก่อนนั้นบริเวณนี้ในทุกปีพระยาที่อยู่ตามหัวเมืองต่างๆจะขึ้นมาทำพิธีบูชาพระนารายณ์กันบนนี้ในถ้ำพระนารายณ์ ซึ่งในถ้ำนั้นจะมีพระนารายณ์ประดิษฐานอยู่ เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วก็จะมาแล่นเรือแข่งกันที่บริเวณนนี้ ซึ่งเรือที่ใช้แข่งนั้นจะถูกทำขึ้นโดยการขุดเป็นลำเล็กๆ การแข่งขันก็จะใช้มือพุ่งเรือออกไปกลางลำน้ำ จึงได้เรียกบริเวณที่แล่นเรือนี้ว่า “พระยาแล่นเรือ” มาจนถึงปัจจุบันครับ

 

จุดนี้เป็นทางชัน 10 เมตรสุดท้ายแล้วครับก่อนที่จะถึงยอดเขาหลวงและจุดตั้งแคมป์ในจุดหมายปลายทางของเรา แต่เชื่อมั้ยครับว่ามาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เพราะเนื่องจากเดินมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน บวกทางที่สูงชัน 10 เมตรสุดท้ายก็แทบจะไม่ทำให้รู้สึกว่าอยากจะรีบๆปีนขึ้นไปให้ถึง ผมเกาะราวอยู่ต้องนั้นนานพอสมควร นานพอแทบจะตั้งแคมป์อยู่ตรงนั้นแทนเลยทีเดียว 555+ แต่ด้วยความที่เห็นมีผู้ชายแอบถ่ายภาพจากจุดพักที่ยื่นออกมา เลยกลัวเขาจะหาว่าเราอ่อนแอจัง เกือบจะถึงอยู่ละแต่ทำไมไม่ยอมเดินขึ้นมาอีก ก็เลยใช้พลังเฮือกสุดท้ายและพยายามพยุงร่างนี้ขึ้นมาจนถึงยอดเขา จุดตั้งแคมป์ได้ในที่สุดครั

 

และแล้วในที่สุด ผมก็เป็นหนึ่งในผู้พิชิตเขาหลวงในวันนี้ได้ครับ โลกจะจดจำผมไว้...ว่าครั้งหนึ่งในวันที่ผมสะเทือนไต ผมเองก็ยังสามารถเดินขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ข้ามขีดความสามารถของตัวเอง ขณะนี้ผมยืนอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1200 เมตรครับ ผมถึงยอดเขาในเวลา 14.00 แบบเป๊ะๆ สถิติสวยหรู 6 ชั่วโมงครับ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของการเดินขึ้นมาบนเขาหลวงแห่งนี้ครับ

ตลอดระยะเวลาที่ผมเดินขึ้นมายังยอดเขานี้ ยอมรับครับว่ามันเหนื่อยและ ทรมานแบบสุดๆ แต่จงเชื่อเถอะครับว่า ในการเดินทางทุกการเดินทาง มันไม่ได้มีแต่เรื่องที่เลวร้ายเพียงด้านเดียวหรอกครับ เราจะได้เจอกับสิ่งที่ดีๆที่แฝงอยู่ในความเลวร้ายเหล่านั้นมากมาย ซึ่งหากคุณไม่กล้าที่จะแลกมัน คุณก็จะไม่มีวันได้พบเจอในสิ่งที่คุณตามหาครับ

ก่อนที่จะหนีไปตามหารุ่นน้องที่ล่วงหน้าขึ้นมาก่อนและหาเต้นท์ที่จองไว้แล้วทิ้งตัวลงนอน ผมก็ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระทึกหน่อย เอาไว้อวดใครๆว่า ถ้าคุณเชื่อไม่สามารถทำอะไรสำเร็จหรอกในวันที่คุณไม่สบาย คุณก็จะไม่มีวันทำมันได้ครับ … แต่หากคุณลอง ลองที่จะเชื่อมันในตัวของคุณเอง คุณก็จะได้ขึ้นชื่อว่า #เป็นหนึ่งในผู้พิชิตเขาหลวงแบบผมครับ

#จงอย่าพึ่งเชื่อในรีวิว
#ต้องลองด้วยตัวเองสักครั้ง

ได้เร็วๆ

𝑆𝑢𝑟𝑣𝑖𝑣𝑜𝑟...ตุ๊ดต้องรอด

Ep.2 ในวันที่ฉัน … รักเขา (หลวง) เข้าแล้ว
รีวิวการตั้งแคมป์และเส้นทางชมยอดเขาของเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย
เนื้อหาโดย: Groottun
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Wizard's profile


โพสท์โดย: Wizard
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
25 VOTES (5/5 จาก 5 คน)
VOTED: เยี่ยหัว, vho, zerotype, kareepup, Groottun
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ลาบูบู้" ไม่รอด โดนเขมรเคลมเรียบร้อยแล้ว..บอกรากเหง้ามาจาก "หน้ากาล"คนไข้วัย 72 ติดเชื้อโควิดนาน 613 วัน ก่อนกลายพันธุ์ในร่างกายกว่า 50 ครั้งชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
อะเมซิ่งไทยแลนด์ ! แพร่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ นักท่องเที่ยวทะลักแห่เที่ยว ฉลองสงกรานต์ 5 วัน เงินสะพัดกว่า 100 ล้าน พลิกโฉมหน้าก้าวสู่เมืองหลักอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆ ในลำปางแจกสูตร ทำสังขยาใบเตย ทำง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอนรีวิวหนังสือ The Wizard of Oz พ่อมดออซ กับเมืองมรกตมหัศจรรย์
ตั้งกระทู้ใหม่