รพ.จิตเวชโคราชแนะประชาชนเขตนครชัยบุรินทร์ฝึกใช้ 10 แนวทาง “เติมสุข” ให้ชีวิตยุคดิจิตอล!!! ตลอดเข้าพรรษา
โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาฯ แนะประชาชนในเขตนครชัยบุรินทร์ ใช้บัญญัติ 10 แนวทางเติมสุขให้ชีวิตตลอดเข้าพรรษา อาทิ การคิดทบทวนสิ่งดีให้ชีวิต ฝึกมองโลกในแง่ดี บริหารเวลา 24 ชั่วโมงให้ลงตัวทั้งการงาน สุขภาพ ครอบครัว คิดและจัดการปัญหาเชิงรุก มองหาโอกาสมอบสิ่งดีๆให้คนอื่น ปฏิบัติตามหลักคำสอนศาสนา ชี้หากทำได้ต่อเนื่อง จะเป็นใบเบิกทางสู่สุขภาพดีทั้งกายใจ เพิ่มความสุขที่ยั่งยืน ปรับตัวสอดรับกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตอลได้อย่างดี
แพทย์หญิงกรองกาญจน์ แก้วชัง รองผู้อำนายการด้านการแพทย์และประธานทีมนำทางคลินิก โรงพยาบาล(รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่าเทศกาลเข้าพรรษาทุกปี เป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความตั้งใจงดเว้นอบายมุขและสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เช่นงดการดื่มสุรา การใช้สิ่งเสพติด หรืองดเที่ยวเตร่เฮฮาและหันมาปฏิบัติรักษาศีล เจริญภาวนามากขึ้น เพื่อทำให้จิตใจสงบ ผ่องใส ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เขตนครชัยบุรินทร์ประกอบด้วย4 จังหวัดได้แก่นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯและศูนย์สุขภาพจิตที่9 ให้เกิดความสุขในชีวิตอย่างแท้จริงคือสุขทั้งกายและใจ จึงขอแนะนำให้ลองฝึกใช้บัญญัติสุขปฏิบัติควบคู่กันไปด้วยตลอดเข้าพรรษานี้ 10 ประการ ดังต่อไปนี้
ประการที่1 ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยออกกำลังกายต่อเนื่องรวมกันให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ผลดีที่ได้นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง อวัยวะต่างๆทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส นอนหลับดี
2. ให้ค้นหาจุดแข็ง ความถนัดและศักยภาพตนเอง และพัฒนาจนสำเร็จ
3. ฝึกการคลายเครียด สร้างความผ่อนคลาย เช่นใช้วิธีการหายใจ การฝึกโยคะ ไท้เก๊กเป็นต้น
4. คิดทบทวนสิ่งดีๆให้ชีวิตและฝึกการมองโลกในแง่ดี
5.บริหารเวลาที่มี 24 ชั่วโมงให้สมดุลระหว่างการงาน สุขภาพและครอบครัว
6.คิดและจัดการปัญหาเชิงรุก ไม่ปล่อยให้ปัญหาและสถานการณ์ชีวิตที่ผ่านมากำหนดความเป็นไปของชีวิต ควรทำความเข้าใจปัญหา และคิดหาทางเลือกในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า 7. มองหาโอกาสในการมอบสิ่งดีๆให้กับคนอื่น ซึ่งจัดเป็นวิธีการสร้างความสุขใจที่ลึกซึ้งและเกิดความปิติอย่างหนึ่ง 8. ปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา ซึ่งนอกจากจะทำให้เราเข้าใจชีวิตและมีความสุขได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีจุดหมายในการทำสิ่งต่างๆมากขึ้น และสามารถใช้แนวทางจากหลักคำสอนศาสนาช่วยตัดสินใจในเรื่องสำคัญ รวมทั้งยังเป็นวัคซีนป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงได้เช่นดื่มสุรา หรือการข้องเกี่ยวกับอบายมุขอื่นๆด้วย
- ให้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวเป็นประจำ เช่น ช่วยกันทำงานบ้าน อย่าให้ความสำคัญ
กับเรื่องเงินทองและวัตถุมากเกินไป รวมทั้งให้ความสำคัญในการเพิ่มทักษะทางด้านอารมณ์และสังคม เติมความเข้มแข็งทางใจและฝึกนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ลูก หากมีเหตุการณ์ด้านลบเกิดขึ้นขอให้มองแง่ดีไว้ก่อนเสมอ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาสร้างจุดแข็งให้แก่ตัวเอง
10. ชื่นชมคนรอบข้างอย่างจริงใจ จะช่วยเติมกำลังใจและความสุขใจให้แก่กันและกัน
แพทย์หญิงกรองกาญจน์ กล่าวต่อว่า วิธีการฝึกการชื่นชมคนรอบข้างนั้น มีเทคนิคแนะนำ 3 ประการดังนี้ ประการแรก ขอให้ปล่อยวางความคาดหวังลง พร้อมทั้งเปิดใจรับและมองหาข้อดีของคนรอบข้างที่น่าชื่นชม ประการที่ 2 ให้กล่าวคำชื่นชมทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ประการสุดท้ายควรฝึกการชื่นชมตัวเอง ด้วยการมองเห็นข้อดีของตัวเอง ซึ่งจะเป็นการช่วยเติมสุขให้ชีวิตเราเองด้วย
“แนวทางทั้ง10 ประการนี้ หากประชาชนได้ลงมือทดลองปฏิบัติและฝึกเป็นประจำ จะเกิดเป็นนิสัยความเคยชิน จะเป็นใบเบิกทางไปสู่การมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ เพิ่มความสุขที่ยั่งยืน สามารถปรับตัวรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตอล ได้อย่างดีด้วย” พญ.กรองกาญจน์ กล่าวในตอนท้าย