โรคสะเก็ดเงิน โรคผิดปกติทางพันธุกรรม ที่เกิดการอักเสบบนผิวหนังจนน่ากลัว
โรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน จะเกิดอาการอักเสบบนผิวหนัง เป็นผื่นปื้นแดง มีสะเก็ดขุยหนาหลุดลอก โรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนมากจะพบในกลุ่มผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้สูงอายุในช่วงอายุ 50-60 ปี เพราะในวัยผู้ใหญ่มีการสะสมความเสื่อมสภาพของร่างกายและการเสียสมดุลมากกว่าวัยเด็ก รวมทั้งส่วนใหญ่จะมีความเครียดมากกว่าเด็กจึงกระตุ้นให้อาการต่างๆแสดงออกมาในวัยผู้ใหญ่มากกว่าวัยเด็ก เเละโรคสะเก็ดเงินในเด็กส่วนใหญ่เริ่มมีผื่นขึ้นตอนอายุประมาณ 7-10 ปี
อาการของโรคสะเก็ดเงิน
อาการของโรคสะเก็ดเงิน จะมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ผิวหนังส่วนศีรษะ เล็บ และข้อ อาการแบบเป็นๆ หายๆ ที่ผิวหนัง ตอนเริ่มกำเริบใหม่ๆ จะเป็นตุ่มแดง มีขุยสีขาวสีเงินอยู่ที่ผิว ต่อมาตุ่มจะค่อยๆขยายออกจนกลายเป็นปื้นใหญ่ๆ หนา และขุยสีขาวที่ผิวจะหนาตัวขึ้น จะเห็นเป็นเกล็ดสีเงิน ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการรุนแรงที่แตกต่างกันไป บางรายอาจมีผื่นขึ้นเฉพาะที่ ไม่ลุกลามออกไป แต่ในบางรายอาจทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยทั่วไปถ้าเริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่ออายุยังน้อยก็จะมีโอกาสเกิดความรุนแรงมากขึ้นได้
ลักษณะของโรคสะเก็ดเงินในเด็ก
- ผื่นรูปหยดน้ำ พบได้บ่อยในเด็ก มักมีประวัติด้านเจ็บคอก่อนที่ผื่นจะขึ้น
- ผื่นนูน เป็นลักษณะผื่นเเดง มีขอบนูนชัด เเละอาจมีขุยขาวๆปกคลุม ถ้าลอกสะเก็ดออกจะมีเลือกออก
- ผื่นเเดงหนา เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เป็นผื่นแดงหนา ขอบชัด ขุยหนาสีขาวหรือสีเงิน เกิดขึ้นได้ทั้งตัว
- ผื่นเป็นตุ่มหนอง เป็นตุ่มหนองกระจายบนผิวหนังที่มีการอักเสบแดง ในรายที่เป็นมากอาจมีไข้ร่วมด้วย
- สะเก็ดเงินบริเวณผ้าอ้อม พบบริเวณซอกพับ บริเวณขาหนีบ มักพบในทารกเเละเด็กเล็ก ผื่นมีสีเเดงสด ขอบชัด สะเก็ดหนา
- ผื่นที่เล็บ ลักษณะเป็นหลุมขนาดเล็ก เเละเล็บอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล
- ผื่นที่ศีรษะ ลักษณะเป็นผื่นเเดง บริเวณหนังศีรษะ อาจมีขุยหนาสีเหลือง คล้ายรังเเค โดยผื่นเเดงจะลามออกมานอกเเนวไรผม ถ้าไม่ได้รับการรักษาสะเก็ดจะหนาเเละอาจทำให้ผมร่วง
การรักษาโรคสะเก็ดเงิน
การรักษาในปัจจุบันได้มีการพัฒนายาใหม่ ๆ ทั้งยาทาและยารับประทานที่ได้ผลดีในการรักษาเป็นจำนวนมาก โดยวิธีรักษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- ผื่นเป็นน้อย ผื่นผิวหนังอักเสบไม่เกิน ร้อยละ 10 ของพื้นที่ผิวหนัง จะใช้ยาทาเป็นหลัก ยาทากลุ่ม สเตียรอยด์ เป็นยาที่แพทย์ทั่วไปนิยมใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินมากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง ได้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ ราคาไม่แพงนัก และไม่ระคายเคือง ถ้าใช้ในระยะสั้นมักจะไม่เกิดผลเสียที่รุนแรง แต่ถ้าใช้สเตียรอยด์ชนิดแรงติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลเสียได้ เช่น ผิวหนังฝ่อ หลอดเลือดขยายตัว ผิวแตก ผิวขาว และการดื้อยา นอกจากนั้นโรคยังกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นการใช้ยาดังกล่าวควรจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ถ้าจะซื้อใช้เองต้องมีความรู้เรื่องยาสเตียรอยด์เป็นอย่างดี
- ผื่นเป็นมาก ผื่นผิวหนังอักเสบเกิน ร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ผิวหนัง จำเป็นต้องใช้ยารับประทานและใช้แสงแดดเทียมในการรักษา ข้อจำกัดที่สำคัญของการใช้ตู้แสงแดดเทียมคือ คนไข้ต้องมารับการรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2-3 เดือนติดต่อกัน
โรคสะเก็ดเงิน ไม่ใช่โรคติดต่อ หากผู้ป่วยและคนรอบข้างมีความรู้และความเข้าใจ รวมถึงการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง จะสามารถควบคุมโรคได้เเละช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
บทความแนะนำ :
หูชั้นกลางอักเสบ โรคยอดฮิต ของลูกน้อยเด็กก่อนวัยเรียน!!
ลูกแพ้โปรตีนนมวัว แล้วจะกิน นมแพะ นมแกะ ได้หรือไม่ ?
ไข้ดำแดง โรคติดต่อในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม
โนโรไวรัส โรคท้องเสียในเด็กที่กำลังระบาดหนัก อันตรายแค่ไหน?
ขอบคุณข้อมูลจาก : mamaexpert.com