Crypto...คืออะไร เข้าใจใน5นาที
เครก สตีฟ ไรท์ ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโต
ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่หวังแต่ผลประโยชน์และผลกำไร ด้วยการโยนเงินเข้ามาและคิดว่าจะร่ำรวยกลับไป โดยไม่ศึกษาถึงประวัติที่มาและจุดประสงค์ของสกุลเงินดิจิทัลแต่ละชนิดแล้วละก็ คุณอาจเป็นอีกหนึ่งคน ที่สูญเสียเงินทั้งหมดที่คุณมีก็เป็นได้ เพราะผู้ที่จะอยู่รอดจากตลาดของ Cryptocurrency จะต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึก รวมถึงประวัติความเป็นมาของมันด้วย ทั้งเทคนิคและการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กว่าจะร่ำรวยจากสกุลเงินดิจิตอลได้จริงๆ มาเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ประวัติของบิตคอยน์กันครับ
เป๊งง...เริ่ม crypto คือ...ค่าเงินดิจิตอล หรือที่หลายๆคนเรียกว่าบิตคอยน์นั่นเอง
บิตคอยน์เกิดขึ้นจากการทำ Mining หรือขุดเงิน
มันไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเหรียญบาทที่เราเคยใช้ เพราะมันเป็นค่าที่ผ่านการอัลกอริทึ่มจากการ์ดจอ ประมวลผลถอดระหัสแก้สมการตัวเลขเป็นล้านๆๆตัวเลข ถึงจะได้หน่วยที่ออกมาเป็นเหรียญต่างๆที่เราๆท่านๆเรียกกัน
บิตคอยน์เกิดขึ้นตอนปี 2007-2008 เพราะเกิดสภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก ธนาคารเจ๊งระเนระนาด ขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงินเดิม จึงเกิดระบบการเงินใหม่ขึ้นมา โดยบุคคลนินามใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto
18 เดือน สิงหาคม ปี 2008 Bitcoin.org ก่อถูกก่อตั้งขึ้น
9 มกราคม ปี 2009 บิทคอยน์ ได้เปิด Open Source ให้คนทั่วไปได้เข้าถึง
12 มกราคมปีเดียวกันนี้เอง Satoshi Nakamoto ได้ทำการโอนบิทคอยน์ จำนวน 10 BTC ให้กับนาย Hal Finney ซึ่งนับเป็น Transaction แรกของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นในโลก
22 พฤษภาคม Transaction แรกที่มีการนำ บิทคอยน์มาแลกกับสิ่งของที่มีมูลค่า โดยถ้าเทียบมูลค่า ณ ปัจจุบัน 10,000 BTC จะอยู่ที่ประมาณมากกว่า 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการซื้อขายพิซซ่า ที่แพงที่สุดในโลก
กุมภาพันธ์ ปี 2011 นับเป็นปีที่ 3 ตั้งแต่บิทคอยน์เปิดตัวมา เป็นครั้งแรกที่บิทคอยน์ มีมูลค่าเท่ากับ เงินดอลลาร์ หรือ 1 BTC เท่ากับ 1 USD
ปี 2011–2012 บิทคอยน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ต่างๆเริ่มรับบิทคอยน์เป็นอีกช่องทางในการชำระหรือรับบริจาค เช่น Wikileaks และเริ่มมีเหรียญสกุลอื่นๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
พฤษภาคม ปี 2013 สามารถกดเงินที่ได้จากบิทคอยน์ผ่านทาง ATM ได้เป็นครั้งแรก ที่เมืองซานดิเอโก
เดือน สิงหาคม ปี 2013 รัฐได้ประกาศว่า สำหรับบริษัทที่จะทำธุระกิจที่เกี่ยวข้องกับ บิทคอยน์ ให้มาลงทะเบียนให้ถูกต้อง หรือเป็นการขอ BitLicense ในการดำเนินธุระกิจ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค (ให้ผู้บริโภคได้มีความมั่นจะว่าจะไม่ถูกหลอกลวง) การประกาศนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในรัฐนิวยอร์ก มีบริษัททั้งหมด 22 บริษัทที่มาลงทะเบียน
เดือน พฤศจิกายน ราคาบิทคอยน์พุ่งทะยานขึ้นแตะ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรก
กันยายน ปี 2014 Paypal (ธนาคาร ออนไลน์) ได้ประกาศยอมรับการชำระเงินผ่าน บิทคอยน์แล้ว
สิงหาคม ปี 2015 มีร้านค้ามากกว่า 160,000 ร้าน ยอมรับการชำระสินค้าผ่าน บิทคอยน์
เดือนมีนาคม ปี 2016 คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ออกมายอมรับว่า บิทคอยน์นั้นสามารถชำระสินค้าได้เหมือนกันกับเงินจริง
วันที่ 22 มกราคม ปี 2018 รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ ได้ออกมาประกาศว่า สำหรับคนที่ต้องการซื้อขาย บิทคอยน์บน exchange จำเป็นต้องเปิดเผย หรือยืนยันตัวตน (kyc)
วันจันทร์ ที่ 14 พฤษภาคม ปี 2018 ประเทศไทย ประกาศ เก็บภาษีเงินดิจิตอลคริปโตโทเคน 15% ของกำไร
และกลต.แห่งประเทศไทย ประกาศรับรอง4เว้ปที่สามารถเข้าทำการซื้อขายได้ในไทย
อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้เป็นการบอกเล่าความเป็นมาเท่านั้น ไม่ได้ชักชวนหรือชี้นำให้ใครไปลงทุน
ส่วนถ้าใครจะเริ่มลงทุนก็ควรศึกษาหาความรู้ความชำนาญให้ดีเสียก่อน อย่าไปเชื่อบทวิเคราะห์อะไรมากนัก
เอาไปเป็นแนวทางได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่เราจริงๆเท่านั้น
การลงทุนมี2แบบใหญ่ๆคือ...
1.. ฝากเงิน ซื้อมาขายไป หลักง่ายๆ ซื้อถูก-ขายแพง โอกาสหมดตัวมีน้อย ถ้าศึกษาให้ดี จะยังสามารถทำกำไรได้แม้ราคาจะ ลดลงก็ตาม
2... ลงทุนกับเหมืองขุด ค่าลงทุนสูง ผลตอบแทนที่ได้ก็สูงตามไปด้วย อันนี้ควรตัดสินใจให้ดี เพราะไม่มีใครยืนยันได้ว่า
เมื่อเราส่งเงินไปลงทุนแล้วเขาจะจ่ายเราหรือไม่จ่าย และเว้ปเหล่านี้มักจะมีระบบ (Affiliate) คือต้องหาคนมาเพิ่มถึงจะได้เงินเยอะขึ้น ผมเองไม่แนะนำให้ทำแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่ทำเช่นกัน พูดตรงๆว่าไม่เก่งเรื่องหาคน และไม่อยากหาด้วย เหนื่อยที่จะต้องอธิบายวิธีการทำ สู้ทำแบบลงทุนซื้อมาขายไปคนเดียวดีกว่า
ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการนำเสนอให้รับรู้เรื่องราวเท่านั้น ไม่มีเจตนาชักชวนให้ใครเข้ามาทำตามแต่อย่างใด
แหล่งที่มา: