กระทู้โดนใจ!! ทำไมต่างประเทศไม่มีวินผู้คนยังใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ เมืองไทยซอกซอยเยอะเกินไปหรอครับ หรือคนไทยขี้เกียจเดิน
น่าจะจากข่าววินน เถื่อนๆ ขัดผลประโยชน์ คุยกันไม่ลงตัวเลยใช้กำลังแก้ไขปัญหาเสียเลย ใครเจ็บตายก็ช่าง มันเหลือทน จนสมาชิกพันทิปท่านหนึ่งตั้งกระทู้ว่า "ทำไมต่างประเทศไม่มีวินผู้คนยังใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ เมืองไทยซอกซอยเยอะเกินไปหรอครับ หรือคนไทยขี้เกียจเดิน"
เห็นต่างประเทศผู้คนก็ใช้ชีวิตกันได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องมีวินมอเตอร์ไซค์
ผู้คนก็เดินทางกันได้ปกติ แต่ทำไมประเทศเราต้องมี มันเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆหรอครับ
ดูข่าววันนี้น่ากลัวมาก ตีแกร้บไม่พอ วันนี้ปิดถนนตีกันเองเลย โดนลูกหลงตายไปหนึ่ง
ตำรวจดูนิ่งมากครับ นิ่งจนนึกว่าเป็นไทยมุง
จนมีผู้แสดงความคิดเห็นมากมายแบบนี้.......................
ความคิดเห็นที่ 1
คนประเทศนี้รักสบาย
แค่10-20นาทีเดินไม่ได้
อีกอันตปทไม่มีคนกวาดขยะ
เพราะเขาไม่มักง่ายรักสบายเหมือนแถวนี้
ความคิดเห็นที่ 2
สภาพอากาศเมืองไทยมันก็ไม่ค่อยเอื้อให้เดินไกล ๆ ด้วยแหละ
เดินไปเดินมาเปนลมแดดตาย หรือไม่ก็โดนแมงไซสอยตายคาฟุตปาธ
ความคิดเห็นที่ 3
เข้าใจผิดแล้ว คนในซอย ไม่เคยมีใครต้องการ วินฯ แต่! พวก วินฯ
นี้แหละต้องการ มีกันขึ้นมาเอง เพื่อ บังคับ รับใช้ คนในซอย
อย่างแถวบ้าน เดิน ไปปากซอย ไม่กี่ ร้อยเมตร แต่มีวินฯ ตั้ง ดักอยู่
ทุกครั้งที่เดินผ่าน มันจะมองด้วยสายตา อำมหิต หรือ หลายๆ ครั้ง มันมารับให้เอง
โดยไม่ได้เรียก ก็ต้อง จำใจ นั่ง ไป คนจำนวนมาก เบื่อ ก็เลยต้องออกรถ ขับเอง
ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากขับรถเลย เบื่อจะตาย
อยากมี โมเมน เหมือน ใน ซี่รี่ส์ เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น ฝรั่ง ประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่เดินออกนอกบ้าน ไม่ต้องมี วินฯ
มานั่งคอย ดัก มองหน้า ทำตาขวาง เดินได้ชิวๆ สบายๆ ไปไหนมาไหน ดูมีความสุขดี
ความคิดเห็นที่ 8
เราจำเป็นต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า รถเมล์ หลายรูปแบบเพราะต้องการประหยัดเงิน และไม่ชอบขับรถไปติดกลางถนน เผาน้ำมันสิ้นเปลือง บางครั้งจึงต้องบริการวิน แต่โดยรวมมีปัญหากับวินอยู่บ้าง เช่น
1. มีวิน แต่ไม่ไป เพราะติดกินข้าว เล่นหมากรุก ดูรายการกีฬาถ่ายทอดสด ทั้งที่คนรอกันเป็นแถว มีคนสองคนที่รับ เลยเกิดแออัด ผดส ล้น
2. ขับเร็ว ไม่ทราบรีบไปไหน เวลาทิ้งโค้งนี่ ผดส แทบจะหลุดออกจากเบาะหลัง อ้างว่ารีบทำเวลาช่วง rush hour
3. ไปแต่บ่น ไม่ทราบไม่พอใจอะไร เราถึงขนาดบอกเลยว่า ถ้าพี่ไม่อยากขับก็หยุดตรงนี้ได้นะ
เราคิดว่าค่าโดยสารวินนั้นแพงเกินจำเป็น เพราะรู้ว่าวินต้องจ่ายค่าคุ้มครอง มีหัวหน้าวินเก็บให้ผู้มีอิทธิพล สังเกตว่าวินอื่นจะข้ามเขตรับ ผดส เปะปะไม่ได้เพราะเขาผูกขาดกันเป็นโซน ดังนั้น เงินที่จ่ายแบบใต้ดินก็ผลักมาเป็นภาระ ผดส ให้แพงเกิน
และทั้งนี้เป็นความเคยชินของชาวเรา ที่เดินกันไม่ได้ อ้างว่าร้อนว่าไกล วินเป็นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว จากปากซอยระยะทางไม่ไกล เดินแค่ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องพึ่งวิน เสียอย่างต่ำ 10 บาท หลาย ๆ ครั้งก็หลายสิบ
อีกเหตุน่าจะเป็นเพราะทางในซอยบ้านเรามันไม่มีทางเท้า ขืนเดินไม่ระวังอาจถูกรถเก๋งเฉี่ยวชน หรือมอร์ไซวินมาเร็วยั้งไม่ทันก็เก็บสแปร์เอาได้ บาดเจ็บล้มตายขึ้นมาจะเรียกจากใครก็ยาก มีเสียงสวนควันว่ายากจน เป็นหลักครอบครัว มีคนในอุปการะเยอะ พ่อแม่ต้องพึ่ง สารพัด แต่ทั้งที่รู้ยังขับรถขับราให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์กันไม่ได้
เราเลยคิดว่าจะกะระยะทางดูว่า แค่ไหนควรจะเดินเอง วัดเป็นระยะทาง หรือ เอาเวลาเป็นหลักก็ได้ ส่วนที่ว่าอากาศร้อนหนาวอะไรนั้น ไม่น่าใช่ เพราะบ้านเมืองเราอยู่ในเขตร้อนชื้นมาแต่ดึกดำบรรพ์ ย้ายไปไหนไม่ได้ แค่ถือร่มกันแดดกันฝน (หากไม่แรงนัก) ก็น่าแก้ปัญหาได้ ยิ่งยุคนี้มีแอพพยากรณ์ลมฟ้าอากาศแม่นยิ่งกว่าขงเบ้งสมัยสามก๊ก เอาใส่มือถือก็ใช้ประโยชน์ได้ ยกเว้นเวลากลางคืน เดินท่อม ๆ อาจไม่ปลอดภัยก็ต้องพึ่งพี่วินเค้า
เขาว่าคนญี่ปุ่นเขาหัดเดินกันไกล ๆ จนเป็นเรื่องธรรมดา เป็นผลให้พลเมืองเขาแข็งแรงเพราะการเดินช่วยบริหารร่างกายส่วนหนึ่ง น่าจะเอามาใช้กับชีวิตประจำวัน สมัยก่อนไม่มีวินแต่มีตรอกซอกซอย เราเรียนหนังสือที่ ตจว ก็เดินไปกลับ จากบ้านไป รร หลายกิโล ก็ทำได้ สมัยนี้ไม่ขี่มอร์ไซค์ก็ต้องวิน จึงสรุปว่าเป็นความสะดวกที่เราคุ้นเคยในยุคหลังมากกว่าอุปสรรคที่อ้างกัน