5 โรคที่พนักงานออฟฟิศสุ่มเสี่ยงจะเป็น
5 โรคที่พนักงานออฟฟิศสุ่มเสี่ยงจะเป็น
Written by: Sasicha Isarasriroj – Start Thailand
การทำงานในออฟฟิศนานๆ โดยที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบทสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นการป้องกันที่ได้ผลดีจึงควรขยับร่างกายทุกๆ 30 นาที ไม่ใช่ว่าทำงานจนเพลินจนลืมที่จะดูแลสุขภาพตัวเอง อาจทำให้สุขภาพย่ำแย่ ทรุดโทรมลงได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคเครียด โรคนิ่วในถุงน้ำดี และโรคอ้วน เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 โรค ยอดนิยม สำหรับคนทำงานออฟฟิศดังนี้
โรคความดันโลหิตสูง คนที่เป็นโรคนี้อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น นอนไม่หลับ ตามัว มือเท้าชาหรือมีเลือกกำเดาไหล ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงจะเกิดจาก พันธุกรรม ที่หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ จะมีโอกาสสูงมากต่อการสุ่มเสี่ยงจะเป็น รวมถึงน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
โรคเครียด คนที่ทำงานในออฟฟิศส่วนมากย่อมเคยเครียดจากการคิดงานไม่ออก หรือเจอกับสภาวะความกดดันต่างๆ ในที่ทำงาน ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่าง ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น ซึ่งหากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรหันมาบริหารความเครียดให้เกิดความผ่อนคลายด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออกช้าๆ และวางสิ่งที่กังวลไว้ข้างหลัง และลุกเดินไปสูดบรรยากาศข้างนอกออฟฟิศ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย
โรคนิ่วในถุงน้ำดี การทำงานติดต่อกันจนลืมปัสสาวะเมื่อปวด อาจสุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ โดยจะมีอาการปวดบีบๆ บริเวณช่องท้องด้านบนขวา รวมถึงปวดหลังร้าวไปถึงสะบักขวา โดยมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้ เช่น กรรมพันธุ์ การอักเสบและการคลั่งของน้ำดีในถุงน้ำดี การทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานๆ โดยหากไม่รีบทำการรักษาอาจก่อให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาได้
โรคอ้วน คนที่กินขนมจุบจิบระหว่างการทำงานด้วยความเคยชินอาจก่อให้เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมา ซึ่งเป็นภัยที่มาพร้อมโรคแทรกซ้อนที่ควรระวังให้มาก เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในหลอดเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งอาจแก้ไขด้วยวิธีการควบคุมจิตใจไม่ให้อยากกินเกินความจำเป็น รวมถึงการหันมาออกกำลังกาย เพื่อให้เกิดการเผาผลาญไขมันและควรดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ
โรคอาการปวดหลังเรื้อรัง การนั่งทำงานจดจ้องอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง โดยที่เกร็งหลัง ไม่เปลี่ยนอิริยาบทอาจทำให้เกิดโรคปวดหลังเรื้อรังได้ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขาและสะโพก อันเกิดเนื่องมาจากโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุด
ภัยเงียบที่จะเข้ามาแทรกซึมในชีวิตการทำงานอย่างการเจ็บป่วย เป็นโรคต่างๆ ที่คนในออฟฟิศสุ่มเสี่ยงจะเป็น หากรู้เท่าทันก็อาจรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเดินทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป และไม่หย่อนเกินไป รวมถึงการให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายพร้อมในการทำงาน ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้แล้วในวันนี้
สำหรับการหางานใหม่ คุณสามารถค้นหาได้ผ่านทางเว็บไซต์สตาร์ท ศูนย์กลางผู้ประกาศจ้างงานและสมัครงานที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาเป็นเวลายาวนาน ด้วยตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณ
ขอบคุณรูปภาพ: http://alertidebraincare.lnwshop.com