'น้ำมันหมู'ใช้ทอดดีกว่าน้ำมันพืช ห่างไกลโรค
ก่อนจะผัดกระเพราร้อนๆสักจาน ผัดฉ่าปลากระพงหอมๆสักถ้วย ลองใช้ "มันหมู" ไปผัดๆก่อนเพื่อให้น้ำมันหมูออกมาดูสิคะ มันดีต่อสุขภาพจริง ๆ นะ
น้ำมันในธรรมชาติมี 3 ประเภท
1.ไขมันอิ่มตัว เมื่อเข้าตู้เย็นจะเป็นไข ทานเยอะทำให้คลอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL)
ข้อดี ทนความร้อนสูงจึงไม่เปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ ที่เป็นตัวก่อมะเร็งและโรคหัวใจ ไม่เกิดกลิ่นหืน เกิดควันน้อยกว่า พบใน น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว จึงเหมาะสำหรับทำอาหารประเภททอด
2.ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ข้อดี เป็นกรดไขมันให้พลังงานแต่ไม่เพิ่มคอเลสเตอรอลในร่างกาย และยังช่วยนำสารอาหารต่าง ๆ พบใน น้ำมันรำข้าว และน้ำมันมะกอก
3.ไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อน ถึงจะลดคลอเรสเตอรอลได้ แต่ไม่ทนความร้อน ดังนั้นถ้านำไปทอด จะเกิดกลิ่นหืน เกิดสารอนุมูลอิสระทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ พบใน น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันดอกทานตะวัน ดังนั้น เหมาะกับปรุงอาหารแบบไม่ใช้ความร้อนมาก เช่น ทำสลัด หรือผัด
4.ไขมันทรานส์ เป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไขมันอุดตันเส้นเลือด มะเร็ง เบาหวาน พบใน เนยขาว มาการีน ครีทเทียบม แป้งพิซซ่า เฟรนฟรายด์ ไก่นักเก็ต ป๊อบคอร์น (อาหาร junk food)
ข้อดีของน้ำมันหมู
- ราคาถูกกว่าน้ำมันพืช เจียวได้เองที่บ้าน
- ทำให้อาหารมีรสชาติหอมขึ้น
- ครัวสะอาดขึ้น ไม่เกิดเขม่าควันและคราบที่ทำความสะอาดยาก(สังเกตจากปล่องดูดควันที่ไม่เหนียวดำเขรอะ)
- เหมาะแก่การนำไปทอด ทำให้อาหารกรอบนานขึ้น
- ไม่เกาะตามผนังหลอดเลือด ลดภาวะเสี่ยงเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือดและคลอเรสเตอรอล(ถ้าไม่กินเยอะ)
1ช้อนโต๊ะ=คอเลสเตอรอล 9 มิลลิกรัม ปริมาณต่อวันที่แนะนำคือ ไม่เกิน 6 ช้อนชา
จริงๆแล้ว ร่างกายก็ควรสลับทานน้ำมันต่าง ๆ เหล่านี้ให้สมดุล ทั้งไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว แต่ควรเลือกให้ถูกประเภท ทอด ใช้ น้ำมันหมู/น้ำมันปาล์ม ทำสลัดหรือเมนูที่ผ่านความร้อนน้อย ก็ ใช้น้ำมันถั่วเหลือง/ทานตะวัน เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการลดปัญหาสุขภาพแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณรูปประกอบยั่ว ๆ easycookingmenu