หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทรงกรมเจ้านาย ... คืออะไร

โพสท์โดย Ciphatha

มีเพื่อนถามกันมามากว่า การที่มีการสถาปนาเจ้านายที่ปรากฏในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้ เป็นประการใดบ้าง เจ้านายพระองค์ใดได้เลื่อนชั้นหรืออะไรเช่นไร ผมไม่มีเวลาตอบ และตอบบางท่านแบบสด ๆ บางครั้งก็คลาดเคลื่อนได้ เลยขอมาอธิบายในที่นี้อีกสักหน
.
ถือว่าเราเอาความรู้มาแลกเปลี่ยนกันนะครับ ผมว่าไปตามที่เข้าใจอาจจะถูกหรือเคลื่อนคลาดไปได้ ไม่มีเวลาไปลงรายละเอียดหรือรื้อหาข้อมูลมากนักนะครับ แต่คิดว่าที่เขียนให้อ่านเล่นกันนี้ น่าจะพอมีประโยชน์ทำให้เพื่อน ๆ เห็นภาพและเข้าใจเพิ่มขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย
.
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในครั้งนี้ มีการสถาปนาเจ้านายให้ทรงกรมขึ้น 3 พระองค์ ประกอบด้วย
1.สมเด็จพระเทพฯ โดยสถาปนาให้เป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี คือขยับจากเดิมที่ ครองอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
.
2. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี จากเดิมที่เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 
.
และ
3.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ จากเดิมที่เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
.
พระราชประเพณีการทรงกรมนี้ เท่าที่นึกออกน่าจะปรากฏครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กล่าวคือการสถาปนาให้เจ้านายทรงกรม นั้น ด้านหนึ่งก็เป็นการจัดสรรกำลังคน ในระบบเดิม คือระบบที่เมื่อครั้งบ้านเมืองยังใช้ระบอบไพร่ในการจัดสรรคน การทรงกรมให้เจ้านาย ก็คือการจัดสรรข้าคนและบริวารทั้งมีเมืองส่วยเทียบได้กับการกินเมือง คือประชาชนในเขตเมืองนั้นๆ ต้องเสียภาษีให้แก่เจ้านายพระองค์นั้น ๆ ด้วย
.
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงสถาปนาพระน้องนางเธอพระองค์หนึ่งให้ทรงกรม นั่นคือ เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ ให้เป็น กรมหลวงโยธาทิพย์ และทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี ให้ทรงกรมเป็น กรมหลวงโยธาเทพ จากนั้นจึงมีการนำมาใช้เป็นแบบแผนกัน
.
กล่าวคือเหตุที่สมเด็จพระนารายณ์ได้ทรงสถาปนาให้พระขนิษฐาและพระราชธิดาได้ทรงกรมในครั้งนั้น ก็เพราะพระองค์ไม่ถูกกับบรรดาเจ้าฟ้าที่เป็นพี่ ๆ น้อง ๆ อันเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หลายพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จครองราชย์จึงไม่ทรงสถาปนาเจ้าฟ้าผู้ใดให้มีอิสริยยศสูงขึ้น นอกเพียงจากพระขนิษฐาและพระราชธิดาของพระองค์ทั้ง 2 ที่กล่าวมา ทั้งนี้ก็เพื่อให้พระขนิษฐาและพระราชธิดาได้มี ข้าคนบริวารและเมืองส่วย เป็นของตนเอง นั่นเอง
.
มาตอนปลายสมัยอยุธยาก็ยังปรากฏการสถาปนาเจ้านายให้ทรงกรมกันอีกหลายพระองค์ต่อเนื่องมา ซึ่งพอจะลำดับออกมาว่าเจ้านายที่ทรงกรมนั้นก็มียศชั้นลดหลั่นกันลงไปอีก กล่าวคือ เท่าที่พบจะมีกรมที่มีอำนาจแบ่งสรรแตกต่างกันไปตามเกียรติยศของเจ้านาย แบ่งออกเป็น 
.
กรมพระ
กรมหลวง
กรมขุน
กรมหมื่น
.
กรมพระนั้นจะแต่งตั้งให้กับ พระพันปีหลวง หรือพระราชมารดาขององค์กษัตริย์ รวมไปถึงตั้งให้แก่ พระมหาอุปราช(วังหน้า)และวังหลัง
กรมหลวง มักปรากฏว่าเป็นพระมเหสี หรือเจ้านายฝ่ายในเสียมาก เหมือนสม้ยสมเด็จพระนารายณ์
กรมขุน จะเป็นเจ้านาย ชั้น เจ้าฟ้าราชกุมาร
และ กรมหมื่น สถาปนาให้กับเจ้านายชั้นพระองค์เจ้ารองลงไป
เมื่อสถาปนาแล้วมักไม่เลื่อนให้สูงขึ้นแล้ว ยกเว้นแต่พระราชมารดา ที่ก่อนนี้อาจเป็น กรมหลวงอยู่ เมื่อพระราชโอรสได้เป็นกษัตริย์ ก็สถาปนาเลื่อนพระราชมารดาให้ทรงกรมพระแทน หรืออีกตำแหน่งคือเลื่อน เจ้านายผู้ที่จะได้เป็นอุปราช มาให้เป็นกรมพระ เท่านั้น
...
เริ่มเห็นภาพกันบ้างแล้วนะครับ แต่นั่นปรากฏในสมัยอยุธยา มาในสมัยรัตนโกสินทร์ มีปรากฏการณ์ใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 นั่นคือพระองค์ทรงสถาปนาพระพี่นางของพระองค์ 2 พระองค์ให้ขึ้นทรงกรมพระคือพระพี่นางไม่ใช่พระราชมารดา หรือไม่ใช่วังหน้าวังหลังแต่ได้รับการสถาปนาให้ทรงกรมพระ นั่นคือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า กรมพระศรีสุดารักษ์ 
.
ต่อมามีการอ้างกันว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ทรงเลื่อนอิสริยยศที่มีอยู่ให้สูงขึ้นอีก โดยปรากฏให้เรียกพระราชชนนีของพระองค์ให้เป็น “กรมสมเด็จพระ” คือให้สูงกว่ากรมพระ เดิม และมีพระราชพิธีสืบต่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ที่ให้เลื่อนพระองค์เจ้าทรงกรมชั้นผู้ใหญ่ให้เป็น “กรมสมเด็จพระ” ได้อีก
.
แต่มาปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่า "กรมสมเด็จพระ" พระองค์แรกน่าจะเป็น "กรมสมเด็จพระเดชาดิศร"ในรัชกาลที่ 4 มากกว่า ซึ่งตรงนี้ต้องตรวจสอบกันอีกชั้นหนึ่งครับ
.
และต่อมาเพื่อให้ลงตัวยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ก็ทรงให้แก้ไข “กรมสมเด็จพระ” ให้เป็น “กรมพระยา” ตัวอย่างเช่น “สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ” เป็นต้น 
.
ด้วยเหตุนี้ ในสมัยหลัง ชั้นของกรมเจ้านายเลยกลายเป็น 5 ชั้น คือมี กรมพระยาหรือสมเด็จกรมพระ เพิ่มขึ้นมาเหนือสุด ไล่รองลงไปก็เป็น กรมพระ กรมหลวง กรมขุน กรมหมื่น
.
กรมพระยาหรือสมเด็จกรมพระ นั้นนับเป็นเจ้านายชั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้ได้สถาปนาให้แก่ สมเด็จพระเทพฯ เป็น “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี”
.
กรมพระ นั้นเป็นเช่นเดิมคืออาจเป็นพระราชมารดาหรือวังหน้าวังหลัง และอาจสถาปนาผู้อื่นได้ ดังเช่นที่รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนาพระพี่นางของพระองค์ และปรากฏในครั้งนี้เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอให้ทรงกรมนี้ นั่นคือ “สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี จากเดิมที่เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี” นั่นก็คือสถาปนาให้สูงกว่าปกติ 
.
กรมหลวง นั้นสถาปนาให้กับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ได้ทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิง ดังที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นต้น
.
กรมขุน สำหรับเจ้าฟ้าชั้นเล็ก ในเวลาต่อมาอาจได้เลื่อนเป็นกรมหลวงได้
.
ส่วนกรมหมื่น โดยพื้นฐานจะสถาปนาให้กับเจ้านายชั้นพระองค์เจ้า ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้สถาปนาให้กับ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ จากเดิมที่เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ”
.
ประเพณีการเฉลิมพระยศ นั้นมักจะมีการสองอย่างที่สำคัญนั่นคือ การอภิเษก โดยพระเจ้าแผ่นดินจะรดน้ำให้บนศีรษะ และการพระสุพรรณบัฏ เป็นแผ่นทองจารึกพระนามของเจ้านายพระองค์นั้น พระเจ้าแผ่นดินจะพระราชทานจากพระหัตถ์ให้แก่เจ้านายพระองค์นั้น ดังภาพที่นำมาประกอบครับ
.
หวังว่าจะอ่านแล้วเข้าใจกันนะครับ เรื่องนี้เขียนยากกลัวจะตกหล่น และต้องเรียบเรียงให้อ่านง่าย เลยยากนิด หากผิดพลาดต้องของอภัยครับ ที่เขียนเพราะหวังแค่ได้ให้เพื่อน ๆ ได้พอเข้าใจและเห็นภาพในพระราชประเพณีกันเท่านั้นครับ

เครดิต เริงวุฒิ มิตรสุริยะ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Ciphatha's profile


โพสท์โดย: Ciphatha
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: เยี่ยหัว, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทบ.มีคำสั่งให้ พล.ท.ณรงค์ สวนแก้ว เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ถูกย้ายจากตำแหน่ง หลังเกิดกรณีซ้อมที่รุนแรงเปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่""ผู้บริหารมาม่าไขปริศนา ยอดขายพุ่งเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือแค่คิดไปเอง?""เต๋า ทีวีพูล" ลั่น สินค้า "แอน จักรพงษ์" ขายหมดเกลี้ยง Miss Universe 2024 กระแสเกินต้าน6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจ"สภาพพังยับ! ยูทูบเบอร์สาวทำเล็บที่อินเดีย รู้ราคาแล้วอยากร้องไห้"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะครูสงสัยทำไม นร.ชายใส่กระโปรง..รู้เหตุผลแล้วบอกเลย ใจนายแมนมาก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เกาหลีใต้ส่ายหน้า การท่องเที่ยวขาดดุลหนัก แม้ K-Culture จะปังไปทั่วโลกไทยแลนด์ปังสุด คว้าอันดับ 1 ประเทศน่าเที่ยวแห่งปี 2024 พร้อมเหตุผลที่ฝรั่งหลงรักวิชาลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์
ตั้งกระทู้ใหม่