ส้มตำ-ทุเรียนของโปรด !! ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ‘เห่อแฮน เนีย’ มิสเวียดนาม จัดเต็มอาหารไทย
ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ‘เห่อแฮน เนีย’ มิสเวียดนาม จัดเต็มอาหารไทย (ชมภาพ)
เห่อแฮน เนีย (H’Hen Nie) TOP5 Miss Universe 2018 ได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยค่ะ และล่าสุดมีแฟนนางงามได้เจอเธอที่กรุงเทพฯด้วย แฟนนางงามท่านไหนเจอเธอ ฝากกอดและบอกเธอด้วยนะคะว่าพวกเรารักเธอมาก
แม้ผ่านพ้นการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ (17 ธ.ค.) ด้วยตำแหน่งสาวงามที่สุดในจักรวาล ตกเป็นของ แคทรีโอนา เกรย์ ตัวแทนจากฟิลิปปินส์
แต่สาวงามที่กำลังเป็นพูดถึงในโลกออนไลน์อีกคน คือ สาวแกร่งผมสั้น เฮอ เฮิน เนีย มิสยูนิเวิร์สเวียดนาม ที่สามารถผ่านด่านสาวงามจาก 90 กว่าประเทศ เข้าไปถึงรอบ 5 คนสุดท้ายได้
นอกจากเธอจะกลายเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเวียดนามนับตั้งแต่เธอได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สเวียดนามแล้ว
มาวันนี้ เธอกลายที่รู้จักของคนทั้งโลก ไม่เพียงเพราะภาพลักษณ์ของเธอเท่านั้น เรื่องราวที่มาของเธอก็ทำให้บรรดาสื่อต่าง ๆ ต่างรายงานว่า เธอมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุด
นางงามวัย 26 ปี ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศว่า เมื่อจบภารกิจในฐานะตัวแทนประเทศแล้ว
จะเดินทางกลับภูมิลำเนา หมู่บ้านของชนชาวเขา “เอเด” ในแถบที่ราบสูงทางตอนกลางของเวียดนาม เพื่ออยู่กันพร้อมหน้ากับครอบครัวและญาติมิตร
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะกลับสู่อ้อมอกของครอบครัว เธอบอกว่าสิ่งแรงที่จะทำคือขอบคุณบรรดาผู้สนับสนุนเธอให้มาถึงจุดนี้
“สิ่งแรกที่ฉันจะทำเมื่อเดินทางถึงเวียดนาม คือเดินสายให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะพวกเขาสนับสนุนฉันอย่างมาก ในช่วงที่เข้าร่วมการประกวดในกรุงเทพฯ” เธอกล่าวพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณแฟน ๆ นางงามในไทยที่ส่งเสียงเชียร์ให้เธอมาโดยตลอด
โจทย์ต่อไปคือขับเคลื่อนกระแสมีทู (Me Too) สิ่งที่เธอจะนำกลับบ้านเกิด ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจในฐานะตัวแทนเวียดนาม ที่สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายเป็นคนแรกเท่านั้น
เธอบอกว่า ความท้าทายหลักคือการเป็นแรงส่งเสริมการพิทักษ์สิทธิสตรี หรือ กระแสมีทู (#MeTooMovement) ในเวียดนาม โดยเฉพาะในเมืองดาลัด บ้านเกิดของเธอ
เมื่อถามว่า การขับเคลื่อน มีทู นั้นเกินเลยไปไหม ตอบคำถามอย่างหนักแน่น ในรอบ 5 คนสุดท้าย
“สำหรับฉัน มันยังไปไม่ไกลพอ เพราะการคุ้มครองความเป็นอยู่ของผู้คนจากการล่วงละเมิดทางเพศ การพิทักษ์ผู้หญิง เป็นสิทธิอันล้ำค้า พวกเราทุกคนต้องการการคุ้มครอง ชีวิตเราจำเป็นต้องมีเสรีภาพ” เธอตอบ
เธอมาจากชนเผ่าที่หญิงสาวแต่งงานเมื่ออายุยังเด็ก สื่อหลายสำนักทั้งในไทยและต่างประเทศต่าง รายงานว่า ชีวิตของเธอเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ
และไม่เหมือนกับนางงามจากชาติอื่น ๆ เพราะเธอมาจากชนกลุ่มน้อย ที่มีธรรมเนียมปฎิบัติที่แปลกประหลาด
“ในชนเผ่าของฉัน เป็นเรื่องปกติที่เด็กสาวจะแต่งงานตั้งแต่ อายุ 14 ปี”