10 สุดยอดปลาญี่ปุ่น ที่ต้องกินให้ครบ
ปลาที่พบในประเทศญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมีหลายชนิดมากๆ และ ยังแตกออกไปอีกหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็นิยมรับประทานปลากันเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะด้วยพื้นที่อยู่อาศัย เหมาะแก่การจับปลา และ ภูมิประเทศเป็นเกาะ ติดกับทะเล และ ยังคงเป็นทะเลที่สวยงาม สาเหตุก็เพราะคนญี่ปุ่นเน้นเรื่องการรักษาวัฒนธรรมการจับปลาให้ยั่งยืน โดยจับในปริมาณที่พอกิน และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทะเลจึงมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลามีคุณภาพที่ดี และ อร่อย ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศทำให้ปลาปรับตัวไปตามฤดูกาล เพราะฉะนั้นความอร่อยของปลาแต่ละภูมิประเทศก็จะแตกต่างกันไป
ซึ่งประเทศญี่ปุ่นนั้น โดดเด่นในเรื่องของความสด และ ความอร่อยแบบเป็นธรรมชาติ จนเป็นที่มาว่าทำไมปลาที่มาจากประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นที่นิยมกันมาก เราจึงขอหยิบยกสุดยอดปลาญี่ปุ่น ที่ติดอันดับ Top 10 แบบที่คุณไม่ควรพลาดมาให้รู้จักกันครับ... ใครยังไม่เคยลอง เชื่อว่าถ้าคุณได้ลิ้มลองแล้วจะต้องติดใจแน่นอน
1. ปลาซัมมะ (Sanma)
ปลาซัมมะอยู่ในตระกูลปลาแมกเคอเรล พบได้ในเขตซับแอนตาร์กติกในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ญี่ปุ่นจรดก้านตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ มีปลาเพียง 4 ชนิดทั่วโลกที่อยู่ในวงศ์เดียวกับปลาซัมมะ และ มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่พบได้ในญี่ปุ่น ปลาซัมมะมีอายุอยู่ได้เพียงปีเดียวและโตได้ราว 40 เซนติเมตร (16 นิ้ว) หลังจากนั้นมันก็ตายหลังวางไข่ได้ 2 - 3 ในแง่สารอาหารนั้น ปลาซัมมะเป็นหนึ่งในปลาไม่กี่ชนิดที่มีไขมันมากกว่าโปรตีน เพราะก่อนถึงฤดูหนาว ปลาซัมมะจะเก็บสะสมไขมันไว้สู้กับอากาศที่หนาวเย็นของญี่ปุ่น จึงทำให้มันเป็นปลาที่เหมาะกับการย่างอย่างที่สุด หรือ จะทานแบบดิบๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งของอร่อยในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเลยก็ว่าได้
2. ปลาอายุ (Ayu)
ปลาที่ใครๆ ต่างรู้กันดีถึงรสชาติที่ทั้งหวาน และ อร่อยมากๆ นิยมรับประทานในช่วงฤดูร้อน ผิวหนังของปลาอายุจะมีสีขาว สะอาด และ ไม่มีสารพิษเจือปน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งสายน้ำ” ปลาชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในตระกูลเดียวกับปลาแซลมอน เนื่องจากปลาอายุจะว่ายตามน้ำลงสู่ทะเลในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพื่อใช้ชีวิตในทะเลช่วงฤดูหนาว ก่อนจะทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรก็ดี ปลาอายุสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้นเอง จึงเป็นปลาที่มีราคาสูง และ หายาก โดยโตเต็มที่ได้ราว 10 นิ้ว ต่างจากปลาแซลมอลที่มีอายุเฉลี่ย 2 - 5 ปี ชาวญี่ปุ่นบริโภคปลาอายุมานับ 100 ปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะมีวิธีการเฉพาะในการจับปลาชนิดนี้นับร้อยวิธีทั่วประเทศ ปลาอายุสดสามารถรับประทานได้ทั้งดิบๆ (ถ้าปลาสดมากๆ จะมีกลิ่นรสของแตงโมแฝงอยู่!) ไม่คาวแม้แต่นิดเดียว แต่วิธีการรับประทานที่นิยมกันที่สุดก็คือ ย่างเกลือจะอร่อยมากๆ
3. ปลาโนโดกุโระ (Nodoguro)
ปลาโนโดกุโระ หรือ ปลากะพงสีชมพูจากญี่ปุ่น (Rosy Seabass) เป็นปลาเนื้อขาวที่มีไขมันอัดแน่น แต่เป็นไขมันที่ดี หนึ่งในปลาเกรดบนที่มีราคาค่อนข้างสูงมากในตลาดเนื่องจากอยู่ในทะเลน้ำลึกจึงหายากมาก แต่ด้วยความที่มีรสชาตินุ่ม เนียน และ หวาน หอม แบบที่เมื่อนำไปย่างไฟไขมันจะละลายจนชุ่มฉ่ำ อร่อยสมกับราคา และ สำหรับใครที่เคยทานปลา Kinki แล้วชื่นชอบ บอกเลยว่า ต้องลองปลาโนโดกุโระให้ได้ ไม่ว่าจะนำไปย่างเกลือบนเตาถ่านร้อนๆ หรือจะต้มซีอิ๊ว ก็อร่อยจนหลายคนจัดให้เป็นเนื้อปลาที่อร่อยขั้นเทพ !
4.ปลาคิงกิ (KINKI)
เป็นปลาที่มีสีแดงสด ขึ้นชื่อว่า " เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราจากท้องทะเล " ปลาชนิดนี้อาศัยในน้ำที่เย็นจัด และ อยู่ในทะเลน้ำลึกถึง 200 เมตรของญี่ปุ่น ซึ่งความพิเศษคือ เป็นปลาธรรมชาติที่ไม่สามารถเพาะพันธุ์เลี้ยงได้ ต้องจับในช่วงฤดูหนาว จึงมีราคาแพง เนื้อปลาคิงกิมีรสสัมผัสที่นุ่ม และ แน่น มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ความพิเศษนี้จะถูกนำมาปรุงเป็นเมนูเลิศรสตามแบบฉบับของเชฟ เช่น ปลาคิงกิต้มซีอิ๊ว หรือ ปลาคิงกิย่างเกลือ
5.ปลามาได (Madai)
เป็นปลาในตระกูล “ไท่” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็ คือ ปลากระพงแดงญี่ปุ่น ปลามาไดนี้ชาวญี่ปุ่นได้ทานกันมาแล้วตั้งแต่ยุคต้นๆ ถือเป็นปลามงคล นิยมเสิร์ฟในงานเฉลิมฉลองต่างๆ เช่น พิธีมงคลสมรส และ งานขึ้นปีใหม่ มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ เนื้อปลามีลักษณะสีขาวนวล รสชาติที่หวานของ มาได จะแทรกอยู่ในเนื้อปลา ซึ่งความหวานนี้สามารถกระตุ้นขึ้นมาได้ด้วย เครื่องปรุงพื้นฐาน เช่น เกลือ และ มะนาว ปลาเนื้อขาวอย่าง มาได จะไม่นิยมเสิร์ฟแบบสดๆ ภายในวันที่จับมาได้ แต่จะนำไปบ่ม (Aging) ประมาณ 1-3 วันเพื่อให้ เอนไซมน์ เริ่มย่อยสลายโปรตีน ในเนื้อปลา ซึ่งจะทำให้เนื้อปลา หวาน นุ่ม และ ฉ่ำ ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
6.ปลาคิมเมได (Kinmedai)
คิมเมได หรือ (ปลากะพงแดงตาโต หรือ อัลฟอนชิโน) มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยดวงตาขนาดใหญ่ และ ลำตัวสีแดงสดใส ปลาคินมะไดเป็นปลาทะเลน้ำลึก ปกติจะอาศัยอยู่ที่ระดับความลึกตั้งแต่ 200 ถึง 800 เมตร (650 ถึง 2700 ฟุต) ในมหาสมุทร นี่ คือ เหตุผลทำให้ดวงตาของมันใหญ่กว่าปกติเพราะต้องใช้ในการรับแสงที่มีอยู่น้อยมากที่ความลึกขนาดนั้น ปลาชนิดนี้จะเติบโตมีขนาดราว 12 นิ้วภายใน 3 ปี และ สามารถโตได้ถึง 24 นิ้ว ปลาคินเมะไดมีอายุขัยยืนยาว เชื่อกันว่าได้ถึง 14 ปี ฤดูกาลที่เหมาะสมสำหรับคิมเมะได คือ ฤดูหนาว ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคมจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เนื้อขาวๆ รสจัดจ้านของมันจะอุดมด้วยไขมัน เหมาะสำหรับการปรุงอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิ ย่างเกลือ ลวก ทอด หรือ นึ่ง ที่ร้านของเรา จะปรุงด้วยการราดน้ำเดือดลงบนหนังปลาสีแดงสวยงาม เพื่อให้หนังนิ่มพอสำหรับรับประทานไปพร้อมๆ กับเนื้อปลาแสนอร่อย
7. ปลาโฮโบ (houbou)
ปลาโฮโบ เป็นปลาบินสายพันธุ์หนึ่ง มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีผิวสีแดง และ ส่วนของครีบจะเป็นสีน้ำเงินฟ้า เป็นปลาที่แปลกชนิดหนึ่งเพราะมีเท้าที่เอาไว้คุ้ยหาอาหารตามพื้นทราย และ ยังใช้เดินได้อีกด้วย โฮโบนั้น เป็นปลาเนื้อขาวอมชมพู เนื้อจะเด้ง และ กรอบ มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อนำเข้าปากแล้วจะได้รสชาติออกหวานที่ปลายลิ้น นิยมนำมาทำเป็นซาซิมิเพราะจะได้สัมผัสกับความหวานของ โฮโบได้อย่างเต็มที่
8. ปลาโคได (Kodai)
เรียกอีกอย่างว่า Baby Snapper หรือ ลูกปลามาได หรือ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อปลากระพงแดง หายาก และ มีราคาแพง อยู่ในน้ำทะเลที่ลึก และ เย็นจัด เป็นปลาที่กินกุ้งเป็นอาหารจึงทำให้มีตัวสีแดง พบได้ในทะเลหรือมหาสมุทรในเขตร้อน และ เขตอบอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิค มหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแอตแลนติก เนื้อปลาจะมัน และ หอม ความสดทำให้เนื้อปลามีรสหวาน รสชาติคล้ายกับปลามาได แต่ได้สัมผัสที่นุ่มกว่า แต่มีไขมันไม่เยอะเท่ากับปลามาได
9. ปลา ชิมะ-อาจิ (Shima aji)
ชื่อในภาษาอังกฤษของปลาชนิดนี้ คือ "striped jack fish" หรือแปลตามตัวว่าปลาคาดลาย (อยู่ในวงศ์ปลากะมง) ที่มีชื่อเช่นนี้เพราะมันแถบสีเหลืองกลางลำตัว ปลาชิมะ อะจิปกติจะอยู่เป็นฝูง และ พบได้มากทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีขนาดโตได้ถึง 1 เมตร (30 ฟุต) และ ถือเป็นปลาที่แพงที่สุดในวงศ์ปลากะมง แม้จะจัดอยู่ในกลุ่มปลากะมง แต่รสของมันคล้ายคลึงกับปลาหางเหลืองที่มีความนุ่มรสเข้มข้นมากกว่าปลากะมงชนิดอื่นๆ โดยปกติเราจะแนะนำปลาชนิดนี้ให้กับลูกค้าที่ชอบปลารสชาติเข้มข้นเช่นปลาหางเหลือง ปลาโทโร่ และ ปลาคันปาชิ
10. ปลาฮามาจิ (Hamachi)
ปลาหางเหลืองอยู่ในตระกูลปลากะมง และ บางครั้งก็เรียกกันว่าปลาสำลีน้ำลึก แม้ว่าชื่อดังกล่าวจะหมายถึงปลาอีกชนิดในตระกูลปลากะมงก็ตาม ปลาหางเหลืองมีถิ่นฐานอยู่ตลอดชายฝั่งแปซิฟิก ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียใต้ยาวไปถึงประเทศชิลี ตลอดจนอีกฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่ประเทศนิวซีแลนด์ถึงญี่ปุ่น ปลาหางเหลืองโตได้ถึง 80 ปอนด์ (36 กิโลกรัม) แต่ขนาดเช่นนี้หาได้ยาก ที่พบมากคือขนาด 40 ปอนด์ (18 กิโลกรัม) เป็นปลาที่มีลักษณะสวยงาม มีความรวดเร็ว และ เปี่ยมหลังอย่างแท้จริง ญี่ปุ่น ฤดูกาลที่เหมาะสำหรับปลาชนิดนี้ คือ ฤดูหนาว