ทำไมไม่บอกแต่แรก เมื่อพี่ยามหน้าหมู้บ้าน ถามผมว่า จะเข้าไปบ้านนี้ ได้แขวนพระกันหรือเปล่า
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง แถวย่านบางนา เมื่อประมาณเจ็ดเดือนที่ผ่านมา คุณมีนทำอาชีพเกี่ยวกับติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องครัว มีอยู่เคสหนึ่ง ที่ต้องไปติดตั้งให้กับบ้านฝรั่งในย่านบางนาชุดติดตั้งจะมีทั้งหมดสามคน มีหัวหน้า คุณมีน และคนขับรถ ไปถึงหมู่บ้านแห่งนี้ประมาณเก้าโมงเช้า แต่ต้องทำการแรกบัตรที่ป้อมยามก่อน ยามก็ได้ถามว่า “บ้านเลขที่อะไรครับ” หัวหน้าก็ตอบว่า “บ้านเลขที่…”
ยามแสดงอาการตกใจเล็กน้อย แล้วถามออกมาเบาๆว่า “พี่ ห้อยพระอะไรเหรอ ได้ใส่พระหรือเปล่า” หัวหน้าและคุณมีนหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง คิดในใจว่าทำไมยามต้องถามอะไรแบบนี้ แล้วยามก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ตรงเข้าไปนะครับ เลี้ยวซ้าย พอถึงลูกกอล์ฟให้ตรงเข้าไปอีก แล้วเลี้ยวขวา”
ทุกคนจึงขับไปตามทางเรื่อยๆ จนไปถึงบ้านของลูกค้า ลักษณะเป็นบ้านทรงฝรั่ง มีสามชั้น หลังจากลงจากรถ คุณมีนก็สังเกตเห็นความผิดปกติของหัวหน้า คือหัวหน้ายืนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนบ้าน เหมือนกับว่ากำลังจ้องอะไรสักอย่าง แต่เมื่อคุณมีนลองมองขึ้นไปดู ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
หัวหน้าก็พูดขึ้นว่า “ปะ รีบขนของเข้าไปข้างใน แล้วทำงานให้เสร็จดีกว่า จะได้รีบๆกลับ” ซึ่งคุณมีนคิดว่า นี่ก็เป็นอาการผิดปกติของหัวหน้าอย่างหนึ่ง เพราะทุกครั้งเวลาออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าจะไม่พูดอะไรในทำนองนี้ จึงช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน
โซนหน้าจะเป็นห้องรับแขก บันไดจะอยู่กลางบ้าน โซนขวาจะเป็นห้องครัวเปิดโล่ง ถัดจากห้องครัวจะเป็นห้องน้ำ ตกแต่งสีโทนทึบทั้งหมด ทั้งๆที่ข้างนอกก็ใช้สีขาวปกติ ดูรวมๆแล้วเหมือนกับว่าเป็นบ้านเก่า แต่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ มีกลิ่นอับเหมือนกลิ่นของธูปหอม ลอยฟุ้งกระจายทั่วบ้าน ทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
ในขณะที่คุณมีนกำลังแกะอุปกรณ์ออกมาประกอบ อยู่ๆก็รู้สึกเย็นที่สันหลังวาบ เหมือนมีคนคอยจ้องอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่ภายในบ้านมีกันอยู่แค่สามคน แต่ความรู้สึกมันกลับฟ้องว่า มีคนอยู่ที่นี่มากกว่านี้ ทุกคนช่วยกันทำงานไปได้สักพัก ในจังหวะที่คุณมีนยกเอาประตูตู้สแตนเลสขึ้นมาประกอบ แต่ปรากฏว่าเห็นเงาสะท้อนจากในประตูตู้สแตนเลส เห็นเป็นเงาดำๆ ค่อยๆเดินลงมาจากบันไดทางด้านหลัง
คุณมีนตกใจรีบหันกลับไปดู แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่บันไดวางเปล่า ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ แต่คุณมีนก็พยายามไม่คิดอะไรมาก รีบทำงานให้เสร็จ แต่หางตามันกลับเห็นเงาดำๆลักษณะเดิม ยืนอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำทำให้คุณมีนสะดุ้งตกใจอีกครั้ง รีบหันไปมองทันที แต่เห็นเป็นรูปปั้นผู้หญิงฝรั่งแขนกุด ยืนก้มหน้า ตั้งอยู่ข้างๆประตูห้องน้ำ คุณมีนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะคิดฟุ้งซ่านเกินไป จึงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
แต่ในจังหวะที่เดินเข้าไปใกล้รูปปั้นหน้าห้องน้ำ กลับรู้สึกเย็นวาบ จนขนลุกตั้งไปทั้งตัว ความกลัวในอะไรบางอย่างมันผุดขึ้นในตัวเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ คุณมีนค่อยๆก้าวผ่านรูปปั้นเข้าไปในห้องน้ำ โดยพยายามบังคับไม่ให้หางตามองไปที่รูปปั้น เพราะรู้สึกไม่ดีทุกครั้ง ในเวลาที่มองหน้ามัน
(ภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ คุณมีนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่พบหัวหน้ากับคนขับรถ ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ ยังนั่งทำงานกันอยู่ในบ้าน จึงเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ก็เห็นว่าหัวหน้ายืนอยู่นอกประตูรั้วบ้าน แล้วมองเข้ามาในบ้าน เหมือนกำลังจ้องอะไรสักอย่างที่อยู่ในบ้าน ส่วนขนขับหนีไปนั่งอยู่ในรถ
ด้วยความปลกใจ คุณมีนจึงพูดว่า “อ่าวพี่ ออกไปกันทำไมเนี่ย ยังไม่เสร็จเลย” หัวหน้าตอบว่า “เอ็งเข้าไปจัดการให้เสร็จละกัน พี่ขอดูดบุหรี่ก่อน” คุณมีนจึงจำเป็นต้องเข้าไปนั่งทำงานต่อให้เสร็จ จนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คุณมีนไล่เอาแอลกอฮอล์เช็ดสแตนเลสต่างๆ เพื่อให้มันใสสะอาด ในระหว่างที่กำลังนั่งเช็ดอยู่ ปรากฏว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วโน้มตัวเอาหัวลงมาอยู่ข้างๆคุณมีน ซึ่งมันสะท้อนจากประตูตู้สแตนเลส
ลักษณะเป็นผู้ชายตัวอ้วนๆ ไม่มีผม ไม่มีแขน ลูกกะตาเห็นเป็นสีดำๆ แม้ว่าจะมองไม่เห็นลูกกะตา แต่คุณมีนรู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง กำลังจ้องมองคุณมีนอยู่ ในระยะที่เรียกว่าเผาขนได้เลย คุณมีนสะดุ้งสุดตัว หันหลังควับทันที แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่บันไดวนขึ้นไปชั้นบน คุณมีนรู้สึกกลัวจนนั่งไม่ติดพื้น คิดในใจว่าหรือนี่จะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้หัวหน้าและคนขับรถหนีออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
(ภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
คุณมีนไม่รอช้า รีบเก็บงานให้เร็วที่สุด แล้วรีบเก็บของออกไปนอกบ้าน ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ ทุกคนจึงขับรถออกไปจากบ้าน จนไปถึงป้อมยามด้วยความสงสัย คุณมีนจึงถามกับยามว่า “พี่ ผมถามจริงๆเถอะ ที่ถามพวกผมว่าห้อยพระอะไรเนี่ย มันมีอะไรหรือเปล่า” ยามตอบกลับมาว่า “คงจะเจอกันแล้วสิ” คุณมีนคะยั้นคะยอว่า “เล่าให้ฟังหน่อยเถอะ อยากรู้มากเลย”
ยามเล่าว่า แต่ก่อนบ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านของคนไทย แต่สามีถูกขโมยขึ้นบาน เอาไม้ทุบเข้าที่หัว เสียอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ ภรรยาจึงไปคบกับฝรั่ง แล้วทำการตกแต่งบ้านใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะขาย เพราะฝรั่งบอกกับผู้เป็นภรรยาว่าอยู่ไม่ได้โดยให้เหตุผลว่า กลางดึกของทุกคืน จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ชั้นล่าง พอเดินลงไปดู ปรากฏว่าเห็นรูปปั้นค่อยๆเคลื่อนตัว กลับไปยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำตามเดิม เหมือนกับว่าเมื่อครู่ มันเพื่งจะเดินไปเดินมาภายในบ้าน และเวลาที่เผลอหลับในช่วงกลางวัน จะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้ง และในช่วงที่กำลังสะดุ้งตื่น จะเห็นเป็นผู้ชายร่างท้วมๆ เดินขึ้นบันไดไปข้างบน เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนอยู่ไม่ได้
จากนั้น หัวหน้ามาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนที่ไปถึงบ้านหลังนั้นช่วงแรกๆ หัวหน้าได้มองขึ้นไปบนชั้นสาม บนห้องชั้นสามจะมีหน้าต่างบานใหญ่ๆ แต่ปรากฏว่าเห็นผู้ชายยืนเอาเท้าเหยียบเพดาน ห้อยหัวลงมามองหน้า และตอนที่ล้วงมือเข้าไปใต้ซิงค์วางของ อยู่ๆก็มีคนจับมือแล้วดึงเข้าไป จนหัวหน้าตกใจ รีบสะบัดมือออก แล้วเดินออกจากบ้านทันที
ส่วนคนขับรถเล่าว่า ตอนที่กำลังนั่งต่อสายยางซิงค์ล้างจาน หางตาเห็นเหมือนผู้ชาย นั่งมองอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอเดินไปดูก็ไม่พบใคร และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
แหล่งที่มา: ขอบคุณเรื่องเล่าจากเพจ คนอ่านผี https://www.pop-share.com