หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องผีในพันทิปเมื่อสามสิบปีก่อน

โพสท์โดย แมวมอง

ขอเล่ามั่งดิ่ 

เป็นเรื่องที่เกิดกะตัวเราเองเรย 

เราเองยังไม่อยากเชื่อ 

ว่ามันเกิดขึ้นกะเราจริง ๆ 

เรื่องมันมีอยู่ว่า เราและเพื่อน ๆ ที่ออฟฟิศ ได้รับมอบหมายให้ไปทำงาน ที่จังหวัดแห่งหนึ่ง ทางภาคตะวันออก ไม่บอกชื่อจังหวัดละกันนะ กลัวคนอื่น ๆ ที่ออฟฟิศอ่านเจอ แต่บอกใบ้ว่าเป็นจังหวัดที่สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนเยอะมากละกัน 

ออฟฟิศเราไปเปิดโครงการที่นั่น.... ทางบริษัทได้ให้งบมาเช่าบ้าน แต่เราต้องไปตระเวนหาที่อยู่กันเอง บริษัทเค้าจะไม่หาให้ และในช่วงนั้นเป็นช่วงไฮซีชั่นของที่นั่น ทำให้เราหาที่อยู่ได้ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือ คอนโดก็เต็มหมด 

พวกเราใช้เวลาตระเวนหาที่พักอยู่นาน จนมาได้ที่หนึ่ง เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ แต่ก็มีให้เช่ารายเดือนด้วย อยู่แถวๆ นาเกลือ ซอย 4 เป็นอพาร์ทเมนต์ใหญ่ขนาดร้อยกว่าห้อง พอพวกเราเห็นก็ตกลงใจว่าจะอยู่ที่นี่ทันที เพราะตระเวนมาจนเหนื่อยแล้ว และป้าคนดูแลอพาร์ทเมนต์เค้าก็ใจดีมาก ขออะไรก็ให้ พวกเราไปอยู่กันทั้งหมอ 5 คน ก็เลยขอเช่า 2 ห้อง ขอฟูกที่นอนเค้าเพิ่ม เค้าก็ให้ 

ห้องที่พักจะเป็นแบบห้องที่มีห้องนั่งเล่น 1 ห้อง และห้องนอน 1ห้อง เราอยู่กับเพื่อนสนิท 2 คน ที่ห้องชั้น 10 ส่วนเพื่อนอีก 3 คนอยู่รวมกันที่ชั้น 9 ห้องเราจะตรงกันล่างกับบน 

เราเป็นคนไม่กลัวผีเลย เพราะเป็นคนเที่ยวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งเที่ยวกลางวันและกลางคื่นอะนะ ตอนเรียนก็อยู่บ้านคนเดียวมาตลอด 4 ปีจนจบมหาลัย เวลาไปไหนก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องผีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเพื่อนเรานั่นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเคยเป็นไกด์มาก่อน นอนมาสารพัดที่ ไม่เคยกลัวอะไร เพราะต้องนอนต่างที่จนชิน 

คืนแรกที่นอนที่นั่นก็สบายดี พอเราขนของย้ายเข้าไป เราก็รู้สึกแฮปปี้ว่าที่นี่น่าอยู่มาก พอเราเปิดหน้าต่างหมดทุกบ้าน ห้องเราอยู่หัวมุมเป็นห้องสุดท้าย ลมพัดแรงมาก จนม่านสีขาวในห้องปลิวไสว เรายังพูดกะเพื่อนเราเลยว่าห้องนี้สบายดีจัง คงไม่ย้ายไปไหนแล้วล่ะ 

พอตกกลางคืนเราก็ไปตระเวนราตรีที่ฮาร์ดร็อก กะเพื่อนเราสองคน เมากลิ้งตามระเบียบ กลับมาที่ห้องยึนดูวิว เราก็พูดกะเพื่อนเราว่า ที่นี่วิวดี๊ดี... ข้างหน้าเป็นทะเล ข้างหลังเป็นภูเขา..... แล้วก็นอนหลับครอกฟี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ตอนเช้า เราเจอเพื่อนเรา 3 คนที่นอนอยู่ห้องข้างล่าง เราก็ถามว่านอนสบายมั้ย สามคนนั้นบอกว่าห้องนั้นร้อนมาก ต้องเปิดแอร์ตลอดเลย เรากับเพื่อนสนิทก็งง เพราะห้องมันคนละชั้นกันก็จริง แต่ห้องมันตรงกัน อุณหภูมิมันไม่น่าจะต่างกันเลยนะ 

คืนที่สองผ่านไป.............หลับสนิทดีเพราะเพลียจากการไปเที่ยวคืนแรก 

ทีนี้ล่ะ..... คืนที่สาม 

คืนที่สามเรานอนแต่หัวค่ำเพราะไม่มีอะไรดู หลับ ๆ ไปได้พักใหญ่ ๆ ก็รู้สึกตัวตื่น เพราะเหมือนมีคนมาสะกิดที่ปลายเท้า เรารู้สึกว่าตัวเองลืมตาตื่น แล้วมองไปที่ปลายเท้า ...... ก็ไม่เห็นมีใคร ทีนี้ยังไม่ทันหลับตานอนต่อเลย ก็มีคนมาสะกิดที่ปลายเท้าอีกที...........โดยที่เราไม่เห็นตัวเลยนะ ทีนี้เราอึ้งแระ..... นึกไปถึงเรื่องที่คนเค้าเล่ากัน.......... บอกตัวเองว่า อย่าบอกนะ........ว่ามันคือ........พอเราคิดในใจจบประโยคนี้เท่านั้นแหละ " มัน " ดึงผ้าห่มเราทันที !!! นัยว่าเพื่อเป็นการคอนเฟิร์ม 

เท่านั้นแหละ คนไม่กลัวผีอย่างเรา ก็หันไปมองเพื่อน ฉิหาย เพื่อนหลับสนิทเหมือนตาย แถมกรนอีกต่างหาก 

แต่เรา ไม่มีแรงแม้แต่จะแหกปากเรียกเพื่อน ไม่มีแรงขยับตัว หนึ่งวินาทีที่เผชิญกับ "มัน"ที่เราไม่เห็นตัว มันเหมือนนานมากกกก 

เราเคยได้ยินว่าเจอแบบนี้ ให้เราสวด "อิติปิโส" ใช่มะ 
เราก็เลยสวดมนต์ แต่ด้วยความกลัวมาก ดั้นเจือกลืมบทสวด สวดผิดสวดถูกอยู่หลายจบ รู้สึกว่านานมากๆ นานจนสวดมนต์จบไปหลายบท เราถึงขยับตัวไปเรียกเพื่อนได้ 

เพื่อนลุกขึ้นมาเปิดไฟ ถามเราว่ามีอะไร เราก็เล่าให้ฟัง 
เพื่อนเงียบ ทำหน้านิ่ง ๆ บอกเราว่าไม่มีอะไรหรอก 
แล้วก็ด่าออกมาดัง ๆ ว่า " มาขออาศัยอยู่ เพื่อทำงานที่นี้เท่านั้น ไม่ได้จะมารบมากวนอะไร ต่างคนต่างอยู่ ถ้าจะมาขอส่วนบุญก็มา ขอให้อยู่แล้วให้โชคให้ลาภ แล้วจะทำบุญไปให้ แต่ถ้ามาไม่ดีมารบกวนกันแบบนี้ จะด่าให้ยิ่งกว่านี้อีก" 

เพื่อนหันมาถามเราว่า แค่นี้แหละ นอนได้แล้วนะ จะปิดไฟแล้ว 

แต่เรากลับมีความรู้สึก แปลก ๆ แปลกแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต มันเย็นยะเยือกไปหมด ไม่กล้าให้เพื่อนปิดไฟ ไม่กล้าหลับตานอน จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ถามว่ากลัวมั๊ย เราว่าเราตอบไม่ได้ ตอนนั้นมันไม่ใช่ความกลัว 

เพื่อนเรา มันเห็นเราน้ำตาไหล มันก็รู้แล้ว 
เพราะปกติเราไม่เคยเป็นแบบนี้เลย 

มันเลยบอกว่า "งั้นไป ไม่ต้องนอนแล้ว ไปเรียก 
3 คนข้างล่าง (หมายถึงเพื่อน 3 คนที่อยู่ชั้นล้าง) ให้ตื่น แล้วขับรถไปฟู๊ดแลนด์กัน ไปซื้อของมาจุดธูปไหว้ซะ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น " 

ก็เพราะเพื่อนมันรู้สึกว่าเรากลัวจนไม่เป็นอันหลับนอนไง กลัวว่าพร่งนี้จะตื่นไปทำงานไม่ได้ 

เรากับเพื่อนที่นอนชั้นล่างรวมกันเป็น 5 คน เป็นอันว่าต้องขับรถไปฟู๊ดแลนด์ตอน เที่ยงคืนกว่าเพื่อไปซื้อธูปเทียนมาไหว้ "มัน" หรืออะไรซักอย่างนี่แหละ กันกลางดึก (เที่ยงคืนกว่า) 

ลืมเล่าไปอย่าง ตอนที่เราโทรเรียก 3 คน ข้างล่าง เป็นเวลาเที่ยงคืน 8 นาที นั่นหมายความว่า วินาทีที่ "มัน"มาปลุกเรา เป็นเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ!! อันนี้เพื่อนสนิทที่นอนกะเรามันคอนเฟิร์ม เพราะมันเปิดไฟขึ้นมา มันก็ดูนาฬิกาทันที โดยที่เรายังไม่ได้เราให้มันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น..... 

เราขับรถไปฟู๊ดแลนด์ เราก็เล่าให้เพื่อนสามคนข้างล่างฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกะเรา สามคนนั้นช้อค เพราะพวกคุณ ๆ กลัวผีกันมาก แล้วมันก็เชื่อว่าเราไม่ได้อุปปาทาน เพราะความกลัวไปเอง เพราะในยามปกติ มันรู้ดีว่า เราเฮี้ยนยิ่งกว่าผีซะอีก เพราะทั้งแสบทั้งซ่า ทั้งปากหมา แล้วไม่เคยสนเรื่องแบบนี้เลย พอเรื่องนี้มันออกมาจากปากเรา พวกมันเลยยิ่งโครด ตต ตตต กลัว.... 

ส่วนตัวเราเอง ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ 

ก็เลยไม่อยากคอนเฟิร์ม 

เพราะกลัวสามคนนั้นจะกลัวจนทำงานไม่ได้ 

แล้วโครงการที่ออฟฟิศเรามันยังต้องอีกนาน 

เรากับเพื่อนสนิทเลยได้แต่ปลอบพวกมันว่า 

ไม่มีอะไรหรอก.. เราอาจเหนื่อยมาก.. หรือเป็นตะคริว 

แค่อยากสบายใจ ก็เลยชวนกันไปซื้อของมาไหว้ 

จะได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ก็เท่านั้นเอง (ตอนเที่ยงคืนกว่าเนี่ยนะ พวกมันคงคิดในใจ) 

พอซึ้อของเสร็จ เราก็ขับรถกลับ 
ที่นี้เรากลับคนละทางกะขามา 
เพราะขามา เราวิ่งเส้นใน 
ขากลับ เราเลยวนออกทางถนนสุขุมวิท 
เพราะมันใกล้กว่า 
อพาร์ทเม้นต์ที่เราอยู่มันเข้าซอย จากเส้นสุขุมวิทเข้าไปนิดเดียว 

พอขับไปใกล้ ๆ จะถึงทางซอยเข้าอพาร์ทเม้นต์ 

สายตาเจ้ากรรมของพวกเราทุกคน ดั๊นหันไปเห็นป้ายใหญ่มาก สีส้ม ทางซ้ายมือ ติดกับถนนสุขุมวิทว่า 

"ทางเข้าสุสานเก่า" 

มันบ้ามั๊ยล่ะคุณ 

ก่อนที่พวกเราทุกคนจะมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์นี้ 

เราทำงานที่จังหวัดนี้มาเป็นเดือน ๆ แล้ว แต่พักอยู่ที่อื่น 

แต่ถนนตรงนี้มันใกล้ที่ทำงานเรา 

ซึ่งหมายความว่าก่อนหน้านี้เราต้องขับรถผ่านตรงนี้ทุกวัน 

แต่น่าแปลก ที่เราไม่เคยเห็นป้ายนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว 

เราเงียบ น้ำตามันพาลจะไหลออกมาดื้อ ๆ ขนลุกไปหมด 

เพื่อนสนิทเรา นั่งเม้มปากเงียบ 

เพี่อนสาว 3 คนของเราร้องไห้ 

ยัง........เรื่องมันยังไม่จบเท่านี้
พอไปถึงที่อพาร์ทเมนต์............ 

เรากับเพื่อน ก็เตรียมของอันได้แก่ กล้วย ส้ม ขนม แล้วก็ธูปเทียน เพื่อจะนำไปเซ่นไห้ว 

แต่มอง ๆ ไปก็ไม่เห็นมีศาลพระภูมิหรือศาลเพียงตา อะไรซักอย่างเลย แล้วหมู่เฮาจะเอาไปไห้วที่ไหนฟะ.. 

มอง ๆ ไปเห็นพี่ยาม นั่งดูแลอพาร์ทเม้นต์อยู่ตรงเคาท์เตอร์ เราก็เลยไปถามเค้า 

เค้าคงเห็นพวกเราหน้าซีด ๆ ใส่ชุดนอนเป็นยายเพิ้ง 
เค้าก็เลยถามว่า "ทำไมเหรอ พวกน้องเจออะไรเหรอ" 
เราไม่อยากเล่าให้เค้าฟัง เพราะเราเองก็ไม่แน่ใจ ว่ามันคืออะไรกันแน่ 
เดี่ยวเค้าจะหาว่าเราเพ้อเจ้อ 
เราก็เลยเงียบ 

แต่ 3 เพื่อนสาวเราเด่ะ มันเจือกปากไว 
บอกว่าสงสัยเพื่อนจะเจอผี 
แล้วมันก็ถามพี่ยามว่า "พี่ ถามจริงเหอะ ที่นี่เคยมีอะไรอ๊ะป่าว" 

พี่ยามบอกว่า "ไม่มี๊" (เสียงสูงเชียว) "ที่นี่ไม่เคยมีอะไรนะ ปกติก็มีคนอยู่ตลอด" 

เพิ่อนเรามันมองหน้าแล้วถาม " จิงเหงอ" 

พี่ยามหลบตา แล้วน้องเจออะไรล่ะ 

เพี่อนสนิทเราได้ที เลยหลอกถามทันควัน "แล้วคนอื่น เค้าเจอเป็นยังไงง่ะ" 

ทีนี้พี่ยามเจือกหลุดออกมา " อ่อ! มีหลายแบบ แต่ส่วนมากเค้าเห็นเป็นผู้หญิงกะผู้ชายออกมาจากต้นไม้ต้นนั้นอ่ะ" !!!อุ๊ปส์!!!! แล้วพี่ยามก็ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ ตรงทางเข้าอพาร์ทเม้นต์ 

พวกเราก็เลยถึงบางอ้อ ก็เลยถามเค้าว่ามีศาลพระภูมิ หรือศาลเจ้าที่มั๊ย จะได้เอาของไปไหว้ 

พี่ยามบอกว่าไม่มีหรอก เพราะที่นี่เจ้าของเป็นคริสเตียน แต่ถ้าจะไหว้ ส่วนมากก็เห็นคนเค้าก็เอาไปไหว้ตรงต้นไม้ใหญ่นั่นแหละ 

พวกเราก็เรยย้ายตูด ไปไหว้ปะหลก ปะหลก ตรงต้นไม้ใหญ่นั่น บอกเจ้าที่เจ้าทางว่า เรามาขออาศัย เรามาทำงาน ไม่ได้คิดร้ายอะไร ขอให้คุ้มครองพวกเราด้วย เพราะคิดว่า "สิ่ง" ที่เราเจอ น่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางอะไรซักอย่าง 
แล้วเหตุที่เราเป็นคนเจอ อาจเป็นเพราะว่าเราไม่เคยคิดนับถืออะไร ไม่เคยสวดมนค์ ไม่เคยบอกกล่าวอะไร เวลาไปนอนต่างถิ่นทั้งนั้น เพราะเราห่ามจะตาย ไม่ได้ลบหลู่นะ แต่มันไม่เคยอยู่ในสมองเลยต่างหาก ครั้งนี้เราก็เลยต้องยกมือไหว้ตามที่คนอื่นเค้าบอก ๆ กัน อย่างงง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขื้นกะเรากันแน่ (ยังสงสัย ตามประสาคนไม่เคยเจอ) 

พอไหว้เสร็จ ก็ขึ้นตึกแยกย้ายกันไปนอน 
เรากะเพื่อนสนิทเรานอนห้องเดียวกัน คือ ชั้น 10 
สามสาวนั่นกลับไปนอน ห้องพวกเค้าคือชั้น 9 

พอเรากลับเข้าไปถึงห้อง เราตรงรี่เข้าห้องนอน 
แต่ไม่กล้าปิดไฟนอน รู้สึกไม่สบายใจ แปลก ๆ 

เชื่อมะ..... ขนาดนั่งพิมพ์อยู่นี่ 
ทำไม รู้สึกขนลุก ทางด้านฝั่งซ้ายมือของตัวเองก็ไม่รู้ 
สองครั้งแระ เมื่อวานก็เป็น นี่ตอนกลางวันนะ 
ไม่ได้ขนลุกทั้งตัวนะ แค่ฝั่งซ้ายมือ บริเวณแขน จนถึงข้อศอก ไม่ได้รู้สึกกลัวแล้วขนลุกนะ เพราะตรงที่นั่งพิมพ์อยู่นี่คนเยอะแยะไปหมด แต่มันลุกเหมือนมีไฟฟ้าสถิตย์อะไรซักอย่าง 

อะ เล่าต่อ 

เราไม่กล้านอนหลับเลยทั้งคืน 
ยอมรับว่าหลอน 
กลัว ว่าเวลาเริ่มจะเคลิ้ม ๆ "มัน" จะมาอีก 

ตอนเช้าตื่นไปทำงานตาโหล อย่างกับหมีแพนด้า 
เพราะมานอนหลับลง เอาเกือบตอนร่งสาง 
เพีอนสนิทเรามันก็พลอยนอนไม่หลับไปด้วย 
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กลัว แต่มันเป็นห่วงเรา 

อ๊ะ อ๊ะ..... คิดว่าทุกอย่างคงจบลงแค่นี้ใช่มะ 
ไหว้เจ้าที่เจ้าทางแล้วทุกอย่างคงจบด้วยดี 
ผิด!!!!!
พอตอนเช้าเราตื่นมา 
เราก็เลยออกไปยืนมองตรงหน้าต่าง 
เพราะห้องเราเป็นห้องสุดท้ายของตึกไง 
มันก็จะมีหน้าต่างข้าง ๆ อีก 5 บานใช่มะ 
ตะนี้ เราก็ไปยืนมอง เพราะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืน เราเห็นป้ายทางเข้าสุสาน ก่อนขับรถเข้าซอยอพาร์ทเม้นท์ไง เราก็เลยนึกว่า ถ้างั้นสุสานมันก็อยู่แถว ๆ นี้อะเด่ะฟะ แต่ถ้ามันอยู่แถวนี้ ตัวเรายืนมองวิวตรงนี้ทู้กวัน ทำไมไม่เห็นมีเรยฟะ 

เราก้อเลยกวาดสายตามองไปทั่ว ๆ เห็นแต่สนามหญ้าข้าง ๆ อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งที่ตรงนั้นเป็นที่ว่างแต่มีรั้วซีเมนต์กั้นระหว่างที่ว่างนั้นกะอพาร์ทเมนต์ ซึ่งแปลว่ามันก็เกือบติดกันนั่นแหละนะ 

เราก้อเห็นสนามหญ้า " เอ๊อ ตรงนี้มันก็ดีเนอะ เขียวดี แต่หญ้าขึ้นรกไปหน่อย " แต่พอมองไปนาน ๆ เห่ย!!!!ทำไมหญ้ามันขึ้นเป็นกระจุก ๆ ขนาดเกือบเท่าเตียงนอนคนฟะ เป็นตาราง ตาราง เต็มไปหมดทั้งที่โล่งขนาดเก็บ 2 ไร่นั้นนะ มองดี ๆ อีกที อ้าว ! ก็อันนี้แหละ " สุสานเก่า" ที่ป้ายมันบอกไว้ ... อะจ๊าย ยยยย มันติดกับที่เราอยู่ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย งั้นที่เรานั่งชมวิวทุกวันมันคือ สุสาน นี่เอง แต่ก่อนหน้านี้ เราเจือกไม่เคยรู้เรยยย กระทั่งวันที่เข้ามาดูที่นีวันแรก ก่อนตกลงใจเช่า ก็ไม่มีใครเห็น ทั้งที่ดูดีแล้ว และพอมาอยู่ก็ยืนดูทุกวัน ก็ไม่เคยเห็น 

.........................................................................................................

เราเลยเล่าให้เพื่อนสาวสามคนที่อยู่ข้างล่างฟัง 
พวกมันเลยไปมองตรงหน้าต่าง มันก็เห็นเหมือนกัน 

สามคนนั้นเป็นคนขี้กลัวมากอยู่แล้ว 
พอมาอยู่ที่นี่วันแรกพวกมันก็ไม่ยอมเข้าไปนอนในห้องนอน ทั้งที่ 1 ใน 3 คนนั้น เป็นคนชอบนอนคนเดียวมาก มันยอมไปลากเอาฟูกที่นอนจากในห้องนอน มานอนรวมกันทั้ง 3 คนในห้องนั่งเล่น เรากะเพื่อนสนิทลงไปดูห้องพวกมัน มันก็บอกว่า กลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่คืนแรกแล้ว ไม่อยากนอนในห้องนอน ห้องนอนมันแปลก ๆ 

ลืมเล่านิดนึง ว่าเพื่อนสนิทเรา มันเป็นหัวหน้าของพวกเราทุกคน ซึ่งมันมีหน้าที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อย ความเป็นอยู่ของพวกเรา ซึ่งมีแต่ผู้หญิง และด้วยความที่มันอายุมากกว่าใคร ๆ และก็ไม่ใช่คนขี้กลัว มันก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้ เพราะมันกลัวว่า ถ้ามันไม่เป็นหลักให้ พวกเราซึ่งมีแต่ผู้หญิงจะกลัวจนทำงานไม่ได้ 


เรื่องราวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี อีก 2 วัน 

แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ทุกคนลืมเรื่องนี้กันหมดแล้ว 

ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้อีก 

แต่ทุกคนพอกลับเข้ามาอยู่ในห้อง จะรู้สึกเหนื่อย ๆ ไม่อยากออกไปไหน 

เราเองรู้สึกว่าห้องนี้ นอนยังไง ก็ไม่พอ จะรู้สึกง่วงนอน อยากนอนอยู่ตลอดเวลา 

ไอ้สามตัวห้องข้างล่างก็เหมือนกัน มันบอกว่าห้องนี้อยู่แล้วเหนื่อย ๆ บอกไม่ถูก เหมือนมีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา 

ขนาดว่ามีอยู่วันนึง เพื่อนสนิทเรา มันออกไปทำธุระแต่เช้า ทิ้งเราไว้ไนห้องคนเดียว เราตื่นมาตอน 9 โมง อาบน้ำ ทำธุระอะไรไปตามปกติ ก็บอกแล้วไงว่าเราเป็นคนไม่คิดอะไร เพื่อนสามคนห้องข้างล่างมันก็เดินขึ้นมาหาเราชั้นบน มันบอกกะเราว่า "อยู่ได้ไงคนเดียว ห้องนี้น่ากลัวกว่าห้องมันอึก ดูเด่ะ " แล้วมันก็ชี้ชวนกันดู แต่พวกมันก็แปลกใจว่าทำไม่ห้องเรามันลมเย็นมากขนาดนี้ เย็นขนาดที่คุณคุณลอง จินตนาการ ถึงภาพห้องนั่งเล่นสีขาว ที่มีชุดรับแขกหวายแบบโบราณ (ก็อพาร์ทเมนต์มันเก่าน่ะ สร้างมาน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ปี สมัยก่อนมันคงหรูมากนะแบบนี้ เราว่า) มีม่านขนาดใหญ่สีขาวติดอยู่ที่หน้าต่างทุกบาน และตรงประตูกระจกริมระเบียงซึ่งเปิดออกได้ 

ตอนเช้านะ ห้องมันจะเงียบ บ บบบ มีแต่ลมพัด ผ้าม่านทุกอันปลิวอยู่ตลอดเวลา มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องเข้ามา 
แต่สำหรับเรานะ มันโคตระน่ากลัวเลย น่ากลัวกว่ากลางคืนอีก เพราะมันให้ความรู้สึกแบบ เหมือนมีพลังงานอะไรไม่รู้ผ่านเข้าออกเต็มไปหมด 

แค่ทุกคนก็พยายามลืม 

.............................................................................................................

ตอนเช้าของวันที่ 6 เวลา 9 โมงเช้า 

เราอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำแบบที่อยู่ในห้องนอน เราเป็นคนที่ไม่ชอบปิดประตูห้องน้ำเวลาอาบ ทีนี้ตรงจุดที่อาบมันจะเป็นอ่างอาบน้ำ ซึ่งต้องเข้าไปยืนอยู่ในอ่าง เพราะฝักบัวมันจะอยู่ตรงนั้น เราก็เข้าไปยืนอาบโดยไม่ปิดประตู แต่รูดม่านพลาสติกในอ่างเพื่อกั้นไม่ให้น้ำกระเด็น เรารูดม่านจนสุด........ 

เรากะลังสระผมอยู่ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนสนิท ตะโกนถามว่าเราอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น เพราะตัวมันไม่ค่อยขอบอาบน้ำตอนเช้าไง มันก็เลยลองถามดู ถ้าน้ำอุ่นใช้ไม่ได้ มันจะได้ไม่อาบ 

เราก็เลยตอบมันไป ว่าเราอาบน้ำเย็น แต่น้ำอ่นน่ะ มันใช้ได้ ไม่หนาวหรอก 

เราได้ยินเสียงมันตะโกนถามไกล ๆ ประมาณว่า มันอยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วตะโกนถาม 

แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร 

พอสระผมเสร็จ เราก็นวดผมต่อ 

ขณะที่เรากำลังยืนนวดผมอยู่เพลิน ๆ 

ก็มี มือ มือหนึ่ง ยื่นผ้าเช็ดหน้าแบบผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ เข้ามาให้เรา โดยมือนั้นแหวกม่านพลาสิกเข้ามา ตรงที่เรายืนอาบ (ใกล้ ๆ กะฝักบัว) 

เราไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทเรา มันคงยื่นเข้ามาให้เราชุบน้ำให้ วันนี้มันคงขี้เกียจมาก ไม่อย่ากอาบน้ำ แต่จริง ๆ แล้วข้างนอก (ภายในห้องน้ำ) มันก็มีอ่างล้างหน้า ทำไมมันไม่เอาไปชุบเองวะ (ในเมื่อมันเดินเข้าออกได้อยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้ปิดประตูห้องนำ) 

เราเลยตะโกนถาม เพื่อนเราว่า 
"เอามาให้ทำไมเหรอ" แต่เราไม่ได้รูดม่านออกไปถามนะ เพราะมือเราเลอะครีมนวดผม 
คำตอบคือ "................." เงียบ เพื่อนเราไม่ตอบอะไร 
เราก็เลยถามซ้ำว่า 
"ฝากชุบน้ำให้เหรอ" 
"....................." เงียบอีก 
".....วันนี้มันมาแปลก....." เรานึกในใจ แค่ก็ชุบน้ำให้มันแบบงงงง 

ซักแป็บนึงไม่ถึงอึดใจ เราได้ยินเสียงเหมือนคนแปรงฟันอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ เรานวดผมเสร็จแล้ว ก็เลยล้างมือ รูดม่านพลาสติกออกไป หยิบผ้าเช็ดหน้า ผืนที่เราเพื่งชุบน้ำเสร็จ ส่งให้มัน เพื่อว่ามันจะได้รีบ ๆ เช็ดตัว แล้วรีบ ๆ ไปทำงาน จะได้ไม่เสียเวลา 
"อ่ะ" เรายื่นผ้าให้มัน 
เพื่อนเรามันกะลังยืนแปรงฟันอยู่ แทนที่มันจะรับผ้าจากมือเรา มันดันทำหน้างง ๆ ใส่ มือก็ถือแปรงสีฟันแหย่ไว้ในปาก แปรงฟันกุล่ก กุลุ่ก ไปด้วย มันก็เลยพูดอู้อี้ไม่เป็นภาษาคน " เอามาทำอะไอ ? อ๋อ เอาไออี้ " ( เอามาทำ อะไร อ๋อ เอาไปดี้) เราก็งงว่ามันตอบอย่างนี้ทำตะบักอะไรฟะ เอามาให้เราชุบน้ำให้แท้ ๆ เออ..ช่างมัน ถ้ามันยังไม่ใช้ ก็เอาไว้ตรงขอบอ่างอาบน้ำนี่แหละ 

แล้วเราก็อาบน้ำต่ออย่างสบายอารมณ์ 

แล้วพอเราอาบเสร็จ เพื่อนเรามันก็ เข้ามาอาบน้ำสระผม ต่ออีกคนนึง 

แล้วพวกเราก็ไปทำงาน 

...........................................................................................

6 โมงเย็น ของวันเดียวกัน 

เพื่อนสนิทเรา ได้รับโทรศัพท์ จากสามสาวห้องข้างล่างว่าให้ลงไปที่ห้องมันด่วน 

เรากะเพื่อนเราตกใจมาก คิดว่า มีใครในนั้นป่วยเป็นอะไรกระทันหัน 

เรากะเพื่อนสนิทรีบวิ่งลงบันไดหนีไฟลงไปเลย เพราะห้องเราเป็นห้องสุดท้าย ติดกะบันใดหนีไฟ 

พอลงไปภาพที่เห็นก็คือ 1 ใน 3 คนนั้น สมมุติว่าชื่อแดง ละกัน (กัวเจ้าตัว เค้าว่า เอาเรื่องเค้าไปเล่าให้คนฟัง) กำลังนั่งร้องไห้แบบสติแตก ย้ำ สติแตก อยู่บนฟูกที่นอน ที่พวกมันลากมานอนในห้องรับแขก 

"ฮือออออ..ก๊าซซซ .......ไม่อาวแล้ว จากลับบ้าน นนนน พี่หนูไม่อาวแล้ววว จากลับ ง่า...." 

เพื่อนสนิท เราตกใจ คิดว่ามันโดนอะไร เลยถาม 
"อะไร อะไร เป็นอะไร !!!" 

เพื่อนสาวคนนั้นไม่ยอมตอบ อีก 2 คนที่เหลือ ก็นั่งหน้าซึด เราถาม 2 คนนั้น สองคนนั้นก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน นั่งแทะเม็ดทานตะวันกันอยู่บนที่นอนดี ๆ นังแดง ( นามสมมุติ ) มันก็บ่น ว่า ร้อน ร้อน (ทั้ง ๆ ที่เปิดแอร์ ) คนอื่นร้อนเหมือนมันมั้ย แล้วแป้บเดียวจู่ ๆ มันก็ร้องกรี๋ดขึ้นมา แล้วก็ร้องไห้ แบบนี้แหละ 

พวกเรานั่งปลอบนังแดง ให้มันใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ เล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

เราเองเป็นคนขี้รำคาญอยู่แล้ว ใครมาทำอะไรแบบนี้ เราจะไม่ชอบ แล้วรู้สึกหงุดหงิด รู้สึกว่ามันเรียกร้องความสนใจ 

พอนังแดง มันใจเย็นลงแล้ว (หรือไม่ก็มันเห็นเรานั่งทำหน้ายักษ์ก็ไม่รุ มันเลยรีบใจเย็นลง ) 

มันก็เล่าให้พวกเราฟังว่านั่งแทะเม็ดทานตะวัน ดูละครน้ำเน่าตอนเย็น หัวเราะกันอยู่ดี ๆ อยู่ดี ๆ มีนก็รู้สึกร้อนวูบที่ข้างหลัง ร้อนเหมือนยืนข้างหม้อก๋วยเตี่ยว ทั้ง ๆ ที่เปิดแอร์อยู่ นังแดงมันก็เลยหันไปดูข้างหลัง แล้วก็เห็น........... 

เห็นเงาดำปิ๊ดปี๋ ดำแบบดำมิดเลยนะ เป็นเหมือนเงาผู้ชาย ยืนอยู่ข้างหลังมัน แล้วก็ค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ลงมาตรงที่ "มัน"ยืนนั้นแหล่ะ 

เท่านั้นแหละ นังแดงมันเลยได้สติกรี๊ดออกมา แบบไม่รู้ตัว 

เราได้ฟังเรื่องนี้ เราเงียบ เพื่อนสนิทเรายิ่งเงียบใหญ่ 
รู้สึกเหนื่อยใจ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มันมีแต่เรื่องบ้อ ๆ บอ ๆ ทุกวัน แบบไม่มีเหตุผลที่พิสูจน์ได้ด้วยนะ ทำงานเราก็เหนื่อยพอแล้ว อยู่ที่นี่แต่ละคืนถึงไม่มีอะไร มันก็นอนหลับไม่ค่อยสนิท ไม่รู้ทำไม

...............................................................................................

ที่นี้เพื่อนร่วมงานดันมาจิตตกอีก 

เราก็เลยปลอบนังแดงจนหายตกใจกลัว 

แล้วเรากะเพื่อนสนิทก็กลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง 

"เซ็งเนอะ " เราบอกเพื่อนสนิทเรา 

"ไม่น่าไปเล่าให้มันฟังเลยอ่ะ เรื่องคืนแรกน่ะ ไม่น่าไปปลุกพวกมันไปฟู๊ดแลนด์เลย ดูดิ์ มันยิ่งขึ้กลัวกันอยู่ด้วย แมร่ง มันเลยบ้าไปเลย สงสัยมันจะหลอน" เพื่อนเราก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย 

แล้วก็ไปยืนดูวิวถนนสุขุมวิทอยู่ตรงระเบียง 

"ไอ้........" เพื่อนเรามันตะโกนเรียกชื่อเรา เสียงมันมาจากห้องน้ำในห้องนอน 

เราก็เลยเดินเข้าไปหามัน " ไมเหยอ " เราถามมัน 

แล้วมันก็ชี้ไปที่ผ้าขนหนูเปียก ๆ ขยุกขยุย ที่เราวางไว้ที่อ่างอาบน้ำเมื่อเช้า "ทำไม่ ใช้แล้วไม่เอาไปตาก ซกมก" มันด่าเราเฉยเลย 

เราก็โกรธอะดิ มาดูถูกความเป็นลูกผู้หญิงอันเรียบร้อยของเราได้ไงฟะ ถึงเราจะห่าม แต่เรื่องอื่นเราเรียบร้อยนะเฟ้ย 
และอีกอย่าง ผ้าขนหนูผืนนั้น มันนั่นแหละที่เป็นคนใช้ เพราะผ้าผืนนี้เป็นของมัน ก็เมื่อเช้า มันยังมีมือยื่นให้เราเข้าไปชุบน้ำอยู่เลย แต่ตอนนี้ มันกลับมาหาว่าเราเป็นคนเอามาใช้ 

"อาไร ก็แกอะแหล่ะ ยื่นมือเอาเข้ามาให้ในห้องน้ำ ชั้นไม่ได้ใช้ แกใช้แล้วทำไมแกไม่เอาไปตาก " 

เพื่อนเราเงียบ...... " เออ ๆ เอาไปตากซะ " มันเปลี่ยนอารมณ์หน้าตาเฉย เราก็เลยเอาผ้าผืนนั้นไปตากตรงระเบียง 

แล้วเราก็กลับมานอนเล่นเกมมือถือในห้องนอนสบายใจเฉิบ 
.......................................................................... 

ขออนูญาติพักก่อนนะ พิมพ์มานานแล้ว 

อยากเล่าอย่างละเอียดอ่ะ 

เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะเรา แบบทำให้เราจำได้ทุกเม็ดเลยนะ และเราคงจะไม่มีวันลืม 

เลยอยากให้ทุกคนเห็นภาพอย่างละเอียด 

อย่าพึ่งเบื่อนะ 

แต่ตอนนี้ ขอไปฉี่ก่อน ปวดมาก... พิมพ์มา 2 ชมแล้ว....

ไปฉี่มาเรียบร้อยละ

เล่าต่ออ่ะนะ  ต้องรีบเล่า เพราะช่วงนี้เจ้านายไม่อยู่ ไปทำงานต่างจังหวัด  เด๋วพรุ่งนี้ก็กลับมาละ

ระหว่างที่เรากำลังนอนเล่นเกมอยู่ในห้องนอนนั้น
เราก็ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเรา มันกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกะใครไม่รู้ อยู่ตรงระเบียง เราไม่ได้สนใจ

ซักแป๊บนึง เราก็ได้ยินว่า มันกำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วยว่า " เออ ๆ เก็บแต่ของมึค่าก่อนนะ เออ เออ แค่นี้นะ "

เราก็เลยเลิกเล่นเกม แล้วเดินออกไปหามัน

มันบอกกะเราว่า " แต่งตัวให้เรียบร้อย ยังไม่ต้องอาบน้ำหรอก  เก็บแต่ของมีค่าติดตัวไป เราต้องไปนอนโรงแรม"

เราก็งง เลยถามมันว่าพวกสามคนข้างล่างมันกลัวขนาดนั้นเลยเหรอ  ถึงกับต้องไปนอนโรงแรมเลยเหรอ  นังแดงมันคงกลัวจนอยู่ไม่ได้ใช่มะ  พวกนี้นิ ขี้กลัวจิง ๆ 

เพิ่อนเรามันกำลังเก็บชุดนอนกะของมีค่าใส่ถุง  มันเงยหน้ามามองเราช้า ๆ แล้วบอก ว่า " เออ" 

เออ ไปก็ไปวะ เรานึกในใจ แต่ตัองชะงักเมื่อมันพูดต่อว่า

"มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ  แต่เรื่องจริงง่ะ ก็คือ...............  เมื่อเช้านี้อ่ะ...........ฉัน.....ไม่ได้....เป็นคน....ส่ง.....ผ้าขนหนู.....ให้แก!!!!!!"    เพื่อนพูด  หน้ามันเสียมากเลย

เราได้ยินถึงกับอึ้ง  ขนลุกซู่  เหมือนก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย  น้ำตามันพาลจะไหลออกมาเอง

แล้วเราก็เก็บของทันที โดยไม่พูดอะไรกันอีก

เพื่อนสามคนข้างล่างเก็บของเสร็จ ก็วิ่งกรูกันขึ้นมาที่ห้องเรา  ไม่มีใครพูดอะไร หน้าทุกคนเหมือนจะร้องไห้  คืนนี้พวกเราทั้ง 5 คน ต้องระเห็จไปนอนโรงแรมกัน  เพื่อนสนิทเราบอกว่า เมื่อกี้ มันคุยโทรศัพท์กับหัวหน้าที่ออฟฟิศใหญ่ที่กรุงเทพทันทีที่รู้เรื่องผ้าขนหนู  เพราะมันคิดว่าแบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นคนส่งผ้าขนหนูให้เรา แล้วใครล่ะที่เป็นคนส่ง.....พวกมันถามเราว่าเราไปรับผ้าขนหนูนี่มาได้ยังไง ไม่กลัวเหรอ

เราจะกลัวได้ไงฟะ

ก็ในตอนนั้นเราเห็นแต่มือนี่หว่า  มือที่มันเป็นมือจริง ๆ ดูเหมือนมีเลือด มีเนื้อ มีชีวิต จริง ๆ แต่เราไม่เห็นหน้า เพราะเราไม่ได้แหวกม่านไปดู ก็เราคิดว่าเป็นเพื่อนเรานี่นา

พวกเราพากันขับรถเข้าไปหาโรงแรมในเมือง
ทุกคนตกลงกันว่า จะไปอยู่โรงแรมไหนก็ได้ ขอให้มีคนเยอะ ๆ  ถ้าไม่มีที่นอน คืนนี้จะกินเหล้าให้มันสว่างคาตาเลย  เพราะทุกคนโดยเฉพาะเรากะเพื่อนสนิทเราเครียดมาก ๆ แบบสุด ๆ เลย เพราะไม่เคยคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้

ในใจเราอ่ะนะ คิดแต่ว่า จริงเหรอ จริงเหรอ วนเวียนไปมาในหัว นึกไปถึงเรื่องมือในห้องน้ำเมื่อเช้า

ไอ้สามสาวนั่นนั่งรถไปก็ร้องไห้ไป

พอได้โรงแรม เราทุกคนนอนในห้องเดียวกันหมด
นั่งคุยกันกะสามคนนั้น ก็รู้ว่าทุกคนปกติแล้วก็เป็นคนขี้กลัวผีนั่นแหละ  แต่ไม่ได้กลัวมากถึงขนาดจะหลอนตัวเองได้ขนาดนั้น เพราะสามคนนี้เป็นคนต่างจังหวัด  ตอนเรียนมหาลัยก็อยู่หอคนเดียวมาตลอด  เราเชื่อพวกมัน เพราะทำงานด้วยกันมา 4 ปีแล้ว  แล้วก่อนจะย้ายมาที่นี่เราก็อยู่บ้านเช่าที่เป็นทาวเฮาส์ซึ่งเจ้าของเป็นฝรั่ง อยู่แถวเขาพระตำหนกซอย 4 มาก่อน เพราะเรามาอยู่ที่จังหวัดนี้ได้เป็นเดือนแล้ว  ซึ่งจริง ๆ แล้ว บ้านหลังแรกที่เราอยู่น่ากลัวกว่านี้อีก
เพราะเป็นบ้านหลัง  ตกแต่งแบบที่ฝรั่งชอบน่ะ อึมครึมจะตาย โดยเฉพาะห้องที่เราอยู่นะ  เปิดประตูห้องมาก็เจอกระจกบานบะเร่อเท่อ  เรายังไม่เห็นกลัวเลย  คนอื่นก็ไม่กลัว  โดยเฉพาะนังแดง  มันยังอยู่ห้องของมันคนเดียวแบบไม่นอนรวมกะใครเลยนะ  เพราะบ้านหลังนี้มันมีหลายห้องไง ถ้ามันเป็นคนประสาท  มันคงประสาทไปตั้งแต่บ้านหลังนี้แล้วล่ะ

.......................................................................................................................

ส่วนเรากะเพื่อนสนิทเราอ่ะเหรอ
เชื่อใจกันมากแน่นอน  
ไม่มีใครอำใครหรอก
เรารู้จักมันดี

เพื่อนสนิทเรามันอยากกินกาแฟ
เรากะมันก็เลยชวนกันไปเดินข้างนอก
นั่งกินกาแฟที่สตาร์บัค

เพื่อนสนิทเรามันบอกกะเราว่า  มันรับไม่ได้ว่ะ
เรื่องผ้าขนหนูนี่รับไม่ได้จริง ๆ
เราก็ถามมันว่า มันแน่ใจนะ ว่ามันไม่ได้จำผิด  มันอาจเป็นคนหยิบผ้าขนหนูให้เราก็ได้  เราพยายามรื้อฟื้นความทรงจำมัน เผื่อว่ามันลืม  เพราะที่นี่ถ้าอยู่ไม่ได้แล้วพวกเราจะลำบากมาก  เพราะที่นี่หาบ้านยากมาก ๆ เพราะมันเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่บอกไปตอนแรกแล้วอ่ะนะ  แล้วอีกอย่าง มันเป็นคนที่รับผิดชอบโครงการนี้โดยตรง  ถ้าคนใดคนหนึ่งกลัวจนอยู่ไม่ได้  ก็จะพากันใจเสีย กลับกรุงเทพกันหมด แล้วมันนั่นแหละที่จะฉิหาย

มันยังยืนยันว่ามันจำไม่ผิดแน่นอนเพราะ

1. ตอนที่เราอาบน้ำอยู่แล้วมันตะโกนถามว่าน้ำอุ่นมั๊ย นั่นน่ะ  มันอยู่ในห้องนั่งเล่น  อันนั้นเราก็รู้

2. พอมันถามเราเสร็จ โทรศัพท์มันก็ดังทันที ปรากฎว่าเป็นเจ้านายโทรมาจากกรุงเทพ  มันก็เลยออกไปยืนสูบบุหรีคุยตรงระเบียง แล้วเจ้านายก็คุยกับมันนานมาก จนเราอาบน้ำเสร็จนั่นแหละ  ข้อนี้เรายื่นยัน เพราะออกไปจากห้องน้ำ เราเอาผ้าเช็ดผมเราไปตากตรงระเบียง เราเห็นมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่

3. ฉะนั้น มันไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเราในห้องน้ำทั้งสิ้ง

4. วันนั้นน่ะ มันตั้งใจจะอาบน้ำสระผม  มันถึงถามเราเรื่องน้ำว่าอุ่นไหม  ฉะนั้น เรื่องที่จะเอาผ้าขนหนูผืนนั้นมาเซ้ดตัวตัดไปได้เลย

5.ที่สยองกว่านั้นก็คือ ผ้าขนหนูผืนนั้นน่ะ มันอยู่ในลิ้นชักเล็กในตู้เสื้อผ้า ซึ่งมันขยุกขยุยอยู่ เราจำได้ เพราะเราเป็นคนเอาเข้าไปเก็บในนั้นเอง  แต่เพื่อนเรา มันไม่ได้เป็นคนจัดตู้เสื้อผ้า มันจะไม่รู้ว่าอะไรของมันอยู่ตรงไหน  ทุกทีเวลามันจะเอาอะไรมันจะถามเราทุกครั้ง

6.เพื่อนเรามันจบโบราณคดีมา  มันรู้ว่าเรื่องแบบนี้มีแน่นอน แต่มันไม่กลัวเพราะมันชิน มันเข้าใจ แต่เรื่องนี้มันบอกว่ามันรับไม่ได้เพราะถ้า "มัน" แรงขนาดหยิบผ้าขนหนูได้  "มัน"ก้น่าที่จะแรงจนทำให้ใครต่อใครมีอันเป็นไปได้
โดยเฉพาะ นังแดง ที่ดูเป็นคนจิตอ่อนไหว  เพื่อนเรากลัวว่ามันจะตกใจจนโดดระเบียงได้ เพราะดูจากสภาพนังแดงแล้ว   ก็เลยต้องย้ายที่นอนในบัดดล

7.อยู่ที่อพาร์ทเมนค์นี้ทีไร รู้สึกกระสับกระส่าย ตอนเย็นทำงานเสร็จก็ไม่อยากกลับห้อง  พอกลับเข้าไปอยู่ในห้องทีไรรู้สึกเหนื่อยมันอยู่ในที่คนเยอะทุกที  ทั้ง ๆ ที่ในห้องก็มีแต่เรากับเพื่อนสนิทแค่สองคนเท่านั้น

8. ห้องที่เราอยู่เราไม่เคยปิดหน้าต่างด้านนอกซึ่งเป็นห้องรับแขกกับประตูระเบียงเลย เราจะเปิดให้ลมผ่านตลอดทั้งวันทั้งคืน  เพราะตอนนอนเราจะเข้าไปนอนในห้องนอน 
แล้วเปิดแอร์     เป็นไปได้ไหมที่ห้องเราจะเป็น "ทางผ่าน"ของอะไรบางอย่าง เพราะอพาร์ทเม้นต์เราอยู่ข้างสุสานเลย  แล้วตอนที่เรามาทำงานที่นี่แรก ๆ ลูกค้าเราที่เป็นคนท้องถิ่น เค้ายังบอกเราเลยว่า  แถวนาเกลือนี่นะ  ตะก่อนเป็นป่าช้าทั้งหมดและน้อง

ตึกแถวนี้นะ เค้าสร้างทับทั้งนั้นแหละ  ตอนนั้นเราไม่ใส่ใจ เพราะเราคิดว่าลูกค้าคงตั้งใจจะแขวะโครงการเรานั่นแหละ เพราะโครงการเราอยู่สุดหาดนาเกลือเลย    แต่ตอนนี้มานึกย้อนเรื่องที่เค้าพูดอีกทีก็ เอ้อ....
เพื่อนสนิทเรามันเลยโทรไปเล่าให้อาจารย์ที่คณะฟัง ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สนิทกะมัน  ถึงเรียนจบไปนานแล้ว ก็ยังติดต่อช่วยเหลือกันมาตลอด  อาจารย์พอได้ฟังเค้าก็บอกว่าเค้าเชื่อนะ  เพราะเค้าอยู่มาจนแก่หัวหงอกปานนี้ ในโลกนี้มันมีเรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้  และบางคนก็ไม่มีวันรู้ แต่บางคนก็ดันได้รู้  ฉะนั้นอาจารย์เค้าก็แนะนำให้พวกเราไปวัดกันก่อนในตอนเช้าวันพรุ่งนี้  ไปทำสังฆทาน รดน้ำมนต์ซะ เล่าให้พระฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกะเรา
ก่อนจะเข้าไปเก็บของเพื่อย้ายที่อยู่ ซึ่งพวกเราตั้งใจจะย้ายอยู่แล้วล่ะ เพราะแบบนี้มันจงใจจะไม่ให้อยู่ชัด ๆ ถึงเราจะยังไม่มีที่อยู่เราก็จะย้าย

ถึงตอนนี้ เราคิดว่าสิ่งที่เราเจอ มันคงจะไม่ใช่เจ้าที่เจ้าทางแล้วล่ะ ก็เล่นรบกวนกันแบบเลว ๆ ขนาดนี้
แล้วพลังงานพวกมันก็เยอะล้นเหลือ
เราคงอยู่ผิดที่
ที่นี่คงเป็นที่ของ "พวกเค้า" แน่นอนว่าไม่ได้มีตัวเดียวหรอก

หรือพวกนี้เป็นวิญญาณขี้แกล้ง แค่เข้ามาล้อเล่น

หรือเค้าไม่อยากให้พวกเราอยู่ที่นี่  แต่ทำไมห้องอื่นเค้าอยู่ได้ล่ะ

หรือ การที่เราเป็นคนเจอทั้งสองครั้ง  ทั้งครั้งแรกและเรื่องผ้าขนหนู  เราเองนั่นแหละที่เป็นคนทำให้เค้าต้องแสดงออก   เค้าเป็นใครซักคนที่รอเราอยู่ เพราะมีแต่เรากะนังแดง ซึ่งได้เจอเป็นเงา ๆ ซึ่งมันอาจจะตาฝาดก็ได้  แต่สำหรับคนอื่นไม่เคยเจอจะจะอย่างนี้  แค่รู้สึกสังหรณ์ประหลาดเท่านั้น

ช่วยคิดหน่อยนะ  เรื่องนี้น่ะ

แล้วจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรต่ออีก

5 วันนรกของเรานี่นะ

ง๊า าาาาา 

อิจฉาจังง่ะ 

แอบมาเล่นเน็ตที่บ้านเพื่อนอะ 

เข้ามาเห็นรูปเลยอะ 

เรื่องผีก็ยังเล่าไม่จบ 

มีตติ้งก็บ่ได้ไป 

ใครจะอาภัพเท่าเราหนอ 

จากคุณ : Triaumh (Triaumph) 

โพสโดยคุณ : If I Could Turn Back Time ในพันทิป

ผ่านไปสิบกว่าปีเหมือนคุณ Triaumh จะเลิกเล่นพันทิปไปแล้ว

 

##ยาวแต่ได้อารมณ์เลยครับ ลองอ่านดู สำหรับคนที่ชอบเรื่อง"ลี้ลับ" อิอิ

โพสท์โดย: แมวมอง
แหล่งที่มา: http://pantip.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
แมวมอง's profile


โพสท์โดย: แมวมอง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: ลุงเคลิ้ม, แมวมอง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แก๊งน้ำไม่อาบ ประสบอุบัติเหตุสังเวยชีวิตแล้ว 6 ราย หลังชนท้ายรถพ่วงและร้านค้าของชาวบ้านกลัวการขาดมือถือ เล่นมือถือทั้งวัน วันไหนไม่ได้เล่นเหมือนจะขาดใจ คุณอาจเป็น “โนโมโฟเบีย (Nomophobia)”ช็อก! "กงยู" พระเอกสุดฮอตเผยเป็นทายาทรุ่นที่ 79 "ขงจื๊อ"ขยี้ตาแรง! "นิวเคลียร์" หน้าใหม่เป๊ะเวอร์ ผ่านไป 3 เดือนจำแทบไม่ได้ในประวัติศาสตร์จีน ชีวิตของภรรยาทหารที่เสียชีวิตในสงครามชีวิตจะเป็นอย่างไร?"ไวรัลชุดเชียร์ลีดเดอร์คณะพายุ: ชุดหรือศิลปะ?"แฮกเกอร์ชื่อ 0Mid16B อ้างว่าขโมยข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก The1 กว่า 5 ล้านรายหนุ่มเดินขายลอตเตอรีระหว่างขึ้นภูกระดึง ได้เที่ยว ได้ตังค์ นี่มัน work and travel ของแท้ไวรัลหมูเด้ง: "ทำไมหมูเด้งถึงกลายเป็นขวัญใจคนไทย?"อาม ชุติมา คว้ามงกุฎ “มิสแกรนด์แพร่ 2025” ฝันเป็นจริงกับเส้นทางนางงามพิซซ่าหน้ากบ พิซซ่าหน้าเต่าของพิซซ่าฮัท10 ความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้ำดื่ม ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปตลอดกาล
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อาม ชุติมา คว้ามงกุฎ “มิสแกรนด์แพร่ 2025” ฝันเป็นจริงกับเส้นทางนางงามพิซซ่าหน้ากบ พิซซ่าหน้าเต่าของพิซซ่าฮัทหนุ่มเดินขายลอตเตอรีระหว่างขึ้นภูกระดึง ได้เที่ยว ได้ตังค์ นี่มัน work and travel ของแท้10 ความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้ำดื่ม ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปตลอดกาลแก๊งน้ำไม่อาบ ประสบอุบัติเหตุสังเวยชีวิตแล้ว 6 ราย หลังชนท้ายรถพ่วงและร้านค้าของชาวบ้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ดูดวง เรื่องลึกลับ
ดูดวงจีน ตาม 12 นักษัตรปีเกิด ในเดือนธันวาคม 2567การพบเห็น UFO ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกคุณคิดว่า "มนุษย์ต่างดาว" มีจริงไหมเรื่องราวปริศนาการหายตัวไปของ "ลาร์ส มิตแทงค์"
ตั้งกระทู้ใหม่