“สายัณห์ นิรันดร” จากนักร้องชื่อดัง ชีวิตขาลง ผันตัวเป็นพ่อค้าส้มตำ ไม่สนแม้ถูกว่า “ตกอับ”
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปติดตามเรื่องราวชีวิตของนักร้องชื่อดังในอดีต “สายัณห์ นิรันด”ร เจ้าของเสียงเพลงรองเท้าหน้าห้อง และเพลงสุโขทัยระทม ที่โด่งดังในอดีต ในปัจจุบันนี้เจ้าตัวได้หันมาทำอาชีพพ่อค้าส้มตำ ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงอยู่ที่บ้านเกิด ไม่สนแม้ถูกด่าว่าตกอับ
สายัณห์ นิรันดร หรือ นายสมศักดิ์ ภู่มาก นักร้องลูกทุ่งชื่อดังแนวเสียง ของสายัณห์ สัญญา ผู้ล่วงลับมีพื้นเพเป็นชาวอำเภอจัตุรัส จ.ชัยภูมิ ในวัย 50 ปี จากผลงานที่สร้างชื่อเสียงและแจ้งเกิดกับเขาจนโด่งดังทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงเมื่อปี พ.ศ. 2535
ต่อมาประสบความสำเร็จด้วยบทเพลงสุดฮิต คือ รองเท้าหน้าห้อง จากปลายปากกาของ ครูสลา คุณวุฒิ และมีผลงานออกมาต่อเนื่องกับ ”ท็อปไลน์ มิวสิค” ค่ายเพลงต้นสังกัด
ก่อนถึงช่วงขาลง เพราะเริ่มเกิดปัญหาสุขภาพ มีโรครุมเร้าหลายอย่างตามมา จนไม่สามารถออกรับงานเพลงได้และต้องเงียบหายออกไปจากวงการเพลง
และกระทั่งเมื่อปี 2559 มีกระแสข่าวว่านักร้องคนดัง ตกอับไปขับวินมอเตอร์ไซค์เลี้ยงชีวิตและเปิดเพิงเล็กๆขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครกับครอบครัว
โดยล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มีข่าวอีกครั้งว่า สายัณห์ นิรันดร ป่วยหนักต้องกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านเกิดถือว่าเป็นช่วงลำบากและเป็นช่วงขาลงสุดของชีวิตนักร้องชื่อก้อง และได้หันหน้าเข้าขออาศัยผ้าเหลืองบวชที่บ้านเกิดในอ.จัตุรัส ของจ.ชัยภูมิ หลังจากนั้นข่าวคราวของสายัณห์ นิรันดร ก็เงียบหายไป
จนกระทั่งล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพบกับ อดีตนักร้องดังอีกครั้งหนึ่งโดยบังเอิญเขาพาร่างที่กร้านดำร่างกายค่อนข้างผ่ายผอมในวัย 50 ปี กำลังตำส้มตำให้บริการลูกค้าอยู่ภายในร้านส้มตำชื่อว่า ครัวอิสาน ริมถนนสาย 201 ช่วงจัตุรัส-หนองบัวโคก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ
ซึ่งทุกคนยังแทบจำไม่ได้ ถ้าเขาไม่เข้าไปทักทาย และแนะนำตัวว่า คือสายัณห์ นิรันดร เจ้าของเสียงร้องบทเพลงดัง ร้องเท้าหน้าห้อง ที่เคยโด่งดังในอดีตเมื่อเกือบ 20 ปี ที่ยังครองใจคนคอเพลงลูกทุ่งมาจนถึงวันนี้
โดย สายัณห์ นิรันดร บอกว่า หลังจากงานร้องเพลงลดน้อยลง มีชีวิตค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่คิดยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตจึงไปขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ต้องหยุดไปจึงไปหาที่เปิดเพิงร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใน กทม.
แต่ก็ไม่ประสพความสำเร็จอีก จึงเดินทางกลับบ้านตั้งหลักช่วงแรกก็ทำไร่มันสำปะหลังเลี้ยงชีพ ที่บ้านเกิดใน อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ
กลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ 10 กว่าปีแล้วหลังได้บวชเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ไม่นานพอเริ่มมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ซึ่งก็ต้องสึกของมาดูแลครอบครัว และทำไร่มันสำปะหลัง ทำนาเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แม้สภาพร่างกายดูหม่นหมองไม่มีสง่าราศีเหมือนสมัยเป็นขวัญใจมหาชน
ผมทำใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ เพราะไม่เคยยึดติดกับชื่อเสียง ไม่เคยคิดว่าตัวเองดัง เป็นคนธรรมดาที่มีใจรักร้องเพลง พอกลับคืนสู่สามัญทุกอย่างก็เหมือนเดิม เหมือนตอนที่เรายังเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเรื่องธรรมดา
มันจะเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ชื่อเสียงเราไม่ได้มีมาแต่เกิด ที่ได้เพราะแฟนเพลงเขาให้ เราเป็นคนธรรมดา ไม่เครียดอะไรชีวิตจะขึ้นหรือลง ญาติพี่น้องเขาเข้าใจ พร้อมเผยว่า บังเอิญได้พบและรู้จักกับผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งได้กรุณาเมตตายกที่ดินให้ปลูกร้านขายส้มตำ
ซึ่งตอนแรกก็ทำเพิงร้านเล็กๆ ขายส้มตำ แต่ต่อมาผู้ใหญ่ท่านนี้ก็มาลงทุนก่อสร้างร้านให้ใหญ่ขึ้น หมดค่าก่อสร้างไปหลายแสนบาทโดยที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนและไม่คิดค่าเช่าที่ดินแม้แต่บาทเดียว
ขณะนี้ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาทานที่ร้านครัวอิสานทั้งลูกค้าประจำและขาจร ที่ร้านมีส้มตำก๋วยเตี๋ยวอาหารตามสั่ง และอาหารอีสานบริการทุกวัน
ซึ่งถ้าวันไหนว่างๆ ไม่มีงานร้องเพลงหรือติดธุระตนเองก็จะมาตำส้มตำให้ลูกค้าทานกันตลอดไม่ให้ขาด บางคนก็จำได้บ้างก็จะให้ร้องเพลงให้ฟัง อย่างไรก็ตามพี่น้อยยอมรับว่า
ในใจลึกๆ ยังแอบหวังว่า จะมีโอกาสได้ทำเพลงจริงจังอีกสักครั้ง หากยังมีบุญมีวาสนา อยากกลับมาจับไมค์เดินสายมอบความสุขให้มิตรรักแฟนเพลงเหมือนเดิมอีกครั้งของชีวิตด้วยเช่นกัน