เปิดจดหมายสุดท้ายลาตายสุดซึ้ง ของนักบินกามิกาเซ่ ก่อนเข้าโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์
Letter from the sun : หัวใจนักรบ
สมรภูมิในแปซิฟิกกำลังระอุ ทหารญี่ปุ่นตามที่ต่าง ๆ กำลังถูกไล่บดขยี้อย่างไม่ปราณี
ศพทหารญี่ปุ่นบนเกาะลูซอน
การโจมตีแบบเดิมล้วนไม่ได้ผลเพราะสหรัฐมีเรดาห์ที่ทันสมัยสามารถจับตำแหน่งของเครื่องบินญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ระยะไกลและส่งเครื่องบินขึ้นสกัดกั้นได้อย่างทันท่วงที
จิตวิญญาณเร่าร้อนของโลกตะวันออกถูกดับลงด้วยเทคโนโลยี
แต่ถึงกระนั้นทหารญี่ปุ่นก็ยังยอมสู้ตายดีกว่ายอมจำนน
กองบัญชาการญี่ปุ่นเริ่มตระหนักถึงความพ่ายแพ้ที่กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกิดแนวคิดที่ว่า "ถ้าการโจมตีแบบเดิมไม่ได้ผลก็ขับเครื่องบินพุ่งเข้าชนเรือมันเลย" โดยเรียกการโจมตีนี้ว่า "คามิกาเซ่" หรือสายลมแห่งพระเจ้า
นักบินถูกคัดเลือกจากความสมัครใจและเรือเอกยูคิโอะ เซกิกับลูกทีมอีก 4 นายยินดีจะทดลองแนวความคิดนี้ให้ ฝูงบินพลีชีพได้รับการคุ้มกันจากเหล่าเสืออากาศผู้มากประสบการณ์เพื่อรับประกันผลสำเร็จ
เรือเอกเซกิ คนซ้ายสุด
การโจมตีนั้นก็สำริดผล เครื่องของร้อยเอกเซกิสามารถพุ่งเข้าชนเรือบรรทุกเครื่องบินคุ้มกันเซนต์โลและจมมันได้ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดขวัญกำลังใจฮึดขึ้นอีกครั้งและคิดว่าเครื่องบินแค่หนึ่งลำก็สามารถจมเรือข้าศึกได้
เรือบรรทุกเครื่องบินเซนต์โลกำลังระเบิด
ชายชาวญี่ปุ่นต่างแห่กันเข้าสมัครด้วยความคิดที่อยากปกป้องประเทศชาติและคนที่พวกเค้ารัก จำนวนคนสมัครนั้นมีมากกว่าจำนวนเครื่องบินด้วยซ้ำ
ในความคิดของอเมริกาพวกนี้เป็นแค่พวกเสียสติที่เอาชีวิตตัวเองมาทิ้งแต่อะไรล่ะที่อยู่ในหัวพวกเค้าก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นเครื่องบินไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะไม่มีวันได้กลับ
วันนี้ผมจะพาพวกคุณไปดูจมหมายฉบับสุดท้ายที่พวกเขาส่งกลับบ้านกันครับ
จดหมายฉบับสุดท้ายของเรือตรี คิโยชิ โอกะวะ นักบินกามิกาเซ่ ก่อนเข้าโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Bunker Hill ในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.1945 ซึ่งทำให้คิโยชิเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 22 ปี
"ถึงคุณพ่อและคุณแม่
ได้มีคำสั่งแน่ชัดแล้วว่าผมจะได้เข้าร่วมการโจมตี ในฐานะสมาชิกอันทรงเกียรติของหน่วยฝูงบินปฏิบัติการโจมตีพิเศษ เมื่อผมมองย้อนไป มือทั้งสองของบุพการีที่ได้เลี้ยงดูอุ้มชูลูกคนนี้จนเติบโตมากว่า 20 ปี ทำให้ผมรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ผมยังเชื่อเป็นแน่แท้ว่าคงไม่มีใครที่มีชีวิตอย่างเป็นสุขได้เหมือนผมอีกแล้ว และผมจะตอบแทนพระคุณอันเมตตานี้แด่คุณพ่อและสมเด็จพระจักรพรรดิของเราอย่างแน่วแน่
เบื้องหลังหมู่เมฆสีขาวอันไร้พรมแดนเหล่านั้น ผมจะเข้าโจมตีศัตรูด้วยจิตใจอันสงบนิ่ง ผมจะไม่คิดสิ่งอื่นใด ไม่แม้กระทั่งความเป็นหรือความตาย คนเราแม้ตายได้เพียงครั้งเดียว แต่วันแห่งเกียรติยศนี้จะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
คุณพ่อ คุณแม่ ได้โปรดยินดีแก่ผมด้วยเถิด
สุดท้ายนี้ ผมขอให้คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วย ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขความเจริญ แม้สุดท้ายดวงวิญญาณของผมจะต้องไปที่ศาลเจ้ายะสุกุนิ ผมจะยังคงอยู่เคียงข้างคุณพ่อและคุณแม่เสมอ และขอภาวนาให้ความสุขจงมีแก่พวกท่าน
ผมจะไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งในวันปฏิบัติหน้าที่นั้น และตลอดไป
โอกะวะ คิโยชิ"
....................................................................................................................................
จดหมายของร้อยตรีฮารูโอะ อารากิถึงภรรยาชิเกโอะที่เพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน
ชิเกโอะ
เธอเป็นอย่างไรบ้าง?เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันเหมือนฝันดีที่ผมจำใจต้องตื่นขึ้นมา พรุ่งนี้ผมจะออกโจมตีเรือข้าศึกและจะพาพวกอเมริกันข้ามแม่น้ำแห่งความตายไปกับผมบ้างไม่มากก็น้อย
ผมมองย้อนกลับไปและรู้สึกเสียใจที่ทำตัวแย่ ๆ กับคุณและในตอนนี้ผมเพียงหวังอยากให้คุณให้อภัย ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะสลายทุกครั้งเมื่อคิดว่าคุณจะอยู่อย่างไรต่อไป จงทำใจให้เข้มแข็งและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลังจากผมจากไปแล้วฝากดูแลคุณพ่อของผมแทนผมด้วย
ปกป้องประเทศจากศัตรูนับเป็นเกียรติยศนิรันดร์
ร้อยตรีฮารูโอะ อารากิหนึ่งวันก่อนเสียชีวิต ร้อยตรีฮารูโอะ อารากิเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่วันที่ 11 พฤษภาคม ปี 1945 ส่วนชิเอโกะได้ให้กำเนิดบุตรชายในวันคริสต์มาสในปีเดียวกันและตั้งชื่อว่า “อิคุฮิชา” แปลว่า “นิรันดร”
.............................................................................
จดหมายจากนาวาเอกมาซาโนบุ คูโน
ถึง มาซาโนริและคิโยโกะ
แม้ว่าลูกอาจไม่เห็นหน้าพ่อแต่พ่อคอยมองลูกอยู่ตลอด ขอให้เชื่อฟังแม่และอย่าดื้ออย่าซนมากนะ เมื่อลูกโตขึ้นจงไปตามทางที่ลูกปรารถนาและเป็นชาวญี่ปุ่นที่ดี อย่าอิจฉาครอบครัวอื่นที่มีพ่ออยู่ด้วยเพราะพ่อนั้นอยู่กับลูกเสมอ ลูกทั้งสองต้องตั้งใจเรียนและคอยอยู่ช่วยงานแม่ด้วย พ่ออาจไม่ได้เป็นม้าให้พวกเจ้าได้ขี่ พ่อต้องไปขับเครื่องบินทิ้งระเบิดลำใหญ่เพื่อออกจัดการกับข้าศึก เมื่อพวกลูกโตขึ้นมาได้โปรดล้างแค้นให้พ่อด้วย
จากพ่อ
ภรรยาของมาซาโนบุได้รับจดหมายไม่นานก่อนหน้าที่จะให้กำเนิดลูกอีกคนนึงโดยมาซาโนบุไม่เคยรู้เลยว่าภรรยาตั้งท้อง เขาออกไปทำภารกิจในวันที่ 25 พฤษภาคมและไม่เคยหวนกลับมา...
......................................................................
เรือเอกอูเอมูระเสียชีวิตในภารกิจคามิกาเซ่เหนือทะเลฟิลิปปินส์ในวันที่ 26 ตุลาคมปี 1944 ด้วยอายุ 25 ปี
จดหมายจากเรือเอกซาเนะฮิสะ อูเอมูระ
โมโตโกะ
ลูกมักมองหน้าพ่อ, ยิ้มให้พ่อและหลับใหลในอ้อมแขนพ่อ พ่อยังจำเวลาที่พ่ออาบน้ำให้ลูกได้ เมื่อลูกโตขึ้นพ่ออยากให้ลูกรู้เรื่องราวของพ่อบ้าง ลูกอาจไปถามแม่หรือป้าคาโยะก็ได้
พ่อได้เก็บอัลบั้มรูปของพ่อไว้ที่บ้านเผื่อว่าลูกอยากเปิดมันดู ความหมายของชื่อ “โมโตโกะ” ที่พ่อตั้งให้นั้นคือ หัวใจที่อ่อนโยนและการเป็นสุภาพชน
พ่ออยากมั่นใจว่าเมื่อลูกโตขึ้นลูกจะมีความสุขและเป็นเจ้าสาวที่สง่างาม แม้ว่าพ่อจะตายโดยที่ลูกอาจจะไม่รู้จักพ่อจงอย่าเศร้าโศกไป
เมื่อเวลาใดที่ลูกอยากเจอพ่อให้ลูกมาที่สุสานคูดาน และถ้าลูกลองตั้งสมาธิสวดมนต์ดี ๆ พ่อมั่นใจว่าลูกจะเห็นหน้าพ่อคอยอยู่กับลูกตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดลูกมีใบหน้าคล้ายพ่อมากจนใครต่อใครมองแต่แวบแรกก็บอกว่าเหมือนพ่อทั้งนั้น ลุงกับป้าจะคอยดูแลลูก จงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้จะไม่มีพ่อก็อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า ตัวพ่อนั้นคอยปกป้องลูกอยู่ตลอดและขอให้ลูกโตขึ้นด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น วันใดที่ลูกคิดถึงพ่อขอให้ลูกอ่านจดหมายฉบับนี้
......................................................
จดหมายจากสิบโทคิโยชิ โออิชิ
ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องบอกลากัน พี่ต้องออกไปทำภารกิจแล้ว ตอนที่น้องได้รับจดหมายฉบับนี้ตัวพี่เองก็คงนอนอยู่ใต้ทะเลสีครามของโอกินาวาแล้ว พี่ขอโทษจริง ๆ ที่ต้องทิ้งน้องไว้คนเดียว พี่ไม่คิดว่าพ่อกับแม่เราจะจากไปกระทันหันแบบนี้ได้โปรดยกโทษให้พี่ด้วย
พี่ทำการโอนชื่อบัญชีธนาคารกับธนบัตรให้เป็นชื่อน้องเรียบร้อยแล้วถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากพี่แล้วกัน จงใช้มันเพื่อเป็นทุนการศึกษาตอนน้องเข้าม.ต้นนะ พี่ยังส่งดาบกับนาฬิกาของพี่ไปให้ด้วยโดยฝากไว้ที่ลุงคิโนชิตะเอาของพวกนี้ไปขายซะอนาคตของน้องนั้นสำคัญกว่าที่จะเก็บไว้ดูต่างหน้าพี่
ใบพัดเริ่มหมุนแล้วมันถึงเวลาที่พี่ต้องไป อย่าร้องไห้นะเซอิจัง พี่ขอให้น้องโชคดี
.............................................................
วันที่ 15 เมษายน ปี 1945
ถึง คุณพ่อ,คุณแม่และน้องสาว
ผมขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่มอบให้กับผมมาทั้งชีวิต ตอนนี้ผมได้ถูกเรียกให้ไปทำภารกิจโต้กลับพวกอเมริกาที่น่ารังเกียจที่เกาะโอกินาว่า
เมื่อผมมองกลับไปชีวิตของผมล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ มากมาย ตลอด 18 ปีที่ผมได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่นั่นทำให้ชีวิตผมมีความหมายแต่ก็ต้องไปทำหน้าที่รับใช้ชาติ หลังจากยุทธเวหาที่ไต้หวันผมรู้สึกอายต่อเพื่อน ๆ ของผมที่เสียชีวิตไปก่อนและผมหวังที่จะตอบแทนคุณต่อคุณพ่อคุณแม่และเพื่อน ๆ ในการโจมตีครั้งนี้โดยการเอาตัวพุ่งเข้าชนเรือข้าศึกโดยจะไม่นึกเสียใจภายหลังเลย ผมหวังว่าทุกคนที่บ้านเกิดจะอยู่ดี ผมฝากทักทายเพื่อน ๆ ของผมทั้งที่ฟาร์มกับที่ทำงานด้วยและก็อย่าลืมบอกลุงนาคามูระด้วยล่ะ จดหมายฉบับนี้คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายของผม คุณพ่อคุณแม่และน้องได้โปรดรักษาตัวเองด้วย ขอให้โชคดี โยชิอากิ
วันต่อมาจดหมายมาถึงมือของแม่โยชิอากิ เธอรีบจองตั๋วขึ้นรถไฟไปหาลูกทันทีทั้งวันทั้งคืนแม้จะมีสัญญาณเตือนภัยทางอากาศก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ในที่สุดเธอก็มาถึงและได้พบหน้าลูกชายทันก่อนที่จะขึ้นเครื่องไป โยชิอากิหันกลับมาพูดกับแม่ของเค้าเป็นประโยคสุดท้ายว่า "ผมยังไม่อยากตาย" แต่เครื่องของโยชิอากิก็ไม่เคยกลับลงมาอีกเลย
.........................................................