น่ารักมาก สาวโพสต์ภาพเล่าพาแฟนหนุ่มต่างชาติมาเที่ยวไทยครั้งแรก ติดใจหนักหอบของสำคัญขนกลับประเทศ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดน่ารักที่บอกเลยว่า โซเชียลแห่แชร์ถล่ม ชอบอกชอบใจกันเป็นอย่างมาก เมื่อหญิงสาวรายหนึ่ง เล่าประสบการณ์ดีๆ โดยพาแฟนหนุ่มชาวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยครั้งแรก พาไปพบครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง และเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ อีกทั้งให้ลองกินอาหารไทยจนต้องติดใจ ถึงขนาดขอเอากลับไปกินที่ต่างแดนด้วย
โดยเธอเล่าว่า เดือนเมษายน
เรา: เธอรู้ปะ ที่ไทยนะ ของกินถูกมากกกก แถมอร่อยด้วย เธอต้องชอบแน่ๆ เนี่ยพวกจิ้มจุ่มบุฟเฟต์ถูกๆก็ 6 ยูโร (240 บาท)เอง ที่เบอร์ลินตั้ง 15 ยูโร(600 บาท)แน่ะ
เดวิด: เธอว่าท้องคนยุโรปอย่างฉันจะรับอาหารที่ไทยได้หรอ
เรา: ได้สิ อาหารมันไม่ได้เผ็ดทุกอย่างนะ
เดวิด: เธอกลับไปอีกทีเมื่อไหร่นะ
เรา: ยังไม่รู้เหมือนกัน เธอลาได้กี่วัน?
เดวิด: สองอาทิตย์น่ะ ฉันอยากกินบุฟเฟต์แบบนั้นทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์เลย
เรา: 5555555 งั้นไปด้วยกัน
เดวิด: เดี๋ยวเก็บเงินแล้วนะ
เรา: ลุย!!
นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้แฟนเรา หนุ่มเยอรมัน อายุ 28 (ที่เห็นแก่กิน) ผู้ซึ่งไม่เคยออกนอกยุโรปเลยมาก่อนในชีวิต ตัดสินใจไปเที่ยวไทยกับเรา
เดวิดเป็นคนง่ายๆค่ะ นางเป็นเทรนเนอร์ครอสฟิต เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่ๆแต่อบอุ่น กินอะไรก็ได้ นอนไหนก็ได้ ส่วนเราชื่อ กิ๊ฟ เป็นนักเรียนโท อยู่ที่เบอร์ลินตอนนี้ เราสองคนก็เจอกันที่เบอร์ลินแหละค่ะ
นางเป็นฝรั่งที่เด๋อๆด๋าๆในบางครั้ง ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตรงนี้แหละค่ะที่จะทำให้มีเรื่องเล่าสนุกๆ 5555
เรื่องต่างๆในกระทู้นี้เกิดขึ้นเมื่อเรากลับไทยช่วงสิ้นเดือนธันวาค่ะ ก็ปีใหม่ที่ผ่านมานี้เองงงง
นี่ก็เป็นไฟลท์แรกที่เดได้นั่งยาวๆ (ต่อไปนี้จะเรียกแค่ “เด” นะคะ) จาก Berlin แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Amman มาถึงกรุงเทพ นางบอกว่านางขึ้นเครื่องล่าสุดเมื่อ 5 ปีก่อน นางก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็น เพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าบนเครื่องบินมีทีวี 5555
การมาไทยนี้สิ่งที่เดกังวลมี 3 เรื่อง คือ
1. กลัวพ่อแม่เราไม่ชอบ (เพราะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง)
2. ท้องเสีย (เพื่อนนางเล่าให้ฟังว่าไปไทยแล้วท้องเสีย)
3. ยุงกัด (ที่เบอร์ลินไม่มียุง)
เราก็ได้แต่บอกว่า “โอ้ยยยย” ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลเธอเอง
“ชนแก้วววว ”
พอเราถึงสนามบินปุ๊บ พี่สาวเราก็มารับ แล้วก็ขับตรงไปยันร้านอาหารเลยค่ะ เนื่องจากมันเป็นเวลาอาหารเย็นที่ไทยพอดี เดเลยได้เจอครอบครัวเราครั้งแรกในร้านอาหารซีฟู้ดบ้านๆ (ทั้งๆ ที่ยังตัวเหม็นหลังจากเดินทางกันมา 19 ชั่วโมง 5555)
จากที่เราสอนเดพูด “สวัสดีครับ” กับ “ขอบคุณครับ” ไป พอนางได้พูดจริงบนโต๊ะอาหาร พ่อแม่ก็ชอบใจ ขำใหญ่ 5555 แต่จริงๆ พ่อแม่เราเป็นคนน่ารักค่ะ ก็เทคแคร์นางดีอยู่ มีตักอาหารให้ แกะกุ้งให้ ชวนคุยบ้าง
ทั้งโต๊ะนอกจากนี่ก็มีแม่เรา ที่พูดอังกฤษได้อยู่คนเดียว แบบพอถูไถ
เดบอกดีใจมากที่มีคนคุยด้วยได้
เดก็บอกว่าถ้านางทำอะไรผิดให้เตือนนางด้วย (เช่น แบบ สั่งน้ำมูกบนโต๊ะอาหารเงี้ย ที่ยุโรปคือทำได้ แต่ที่ไทยทำไม่ได้)
แล้วเวลาชนแก้วที่เยอรมนีคือต้องมองตากันตอนชน
ทีแรกพ่อไม่มองตาเด นี่เลยเล่าให้พ่อฟังว่า มันต้องมองตาด้วย เป็นธรรมเนียม
พ่อเลยบอก โอเค ไว้รอบหน้าค่อยมองตา
พอรอบต่อไปมา พ่อก็บอกให้นี่อัดวิดีโอตอนชน แล้วก็แบบในวิดีโออ่ะ พ่อก็มองตาเดแบบทื่อๆ 555555
ปล. เดคือชอบอาหารทุกอย่าง กินข้าวผัดเกือบหมดจานคนเดียว ไหนจะหมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำ(นางบอกไม่เผ็ดมากสำหรับนางนะ) แล้วก็เป็นการกินหอยแครงครั้งแรก ทีแรกนึกว่าจะไม่ชอบ แต่ที่ไหนได้จ้วงเอาๆ 5555
“ ฝันดีน้อย ”
ประมาณ 23:00 น.
เดเผลอหลับไปแต่ยังไม่ได้แปรงฟัน เราเลยปลุกนางให้มาแปรงฟันด้วยกัน
ระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นบน นางก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ชั้นล่าง
อิเด: ใครอยู่ข้างล่างอ่ะ
นี่: พ่อฉัน
อิเด: พ่อเธอชื่ออะไรนะ
นี่: น้อย
อิเด: ชะโงกหน้าไปตรงบันไดพร้อมส่งเสียง “ฝานดีคาบนอย” (ฝันดีคับน้อย)
พ่อ: กู๊ดไนท์ๆ
555555 เรียกพ่อซะน่ารักเลย เดผู้ถ่ายรูปกอดคอกับตาน้อยเสมือนเพื่อน
“ ภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ ”
เช้าวันนึงเรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่แม่ทำกัน พร้อมเม้ามอยกันอยู่สักพักใหญ่ ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องชีวิต บลาๆๆ โดยมีเราเป็นล่าม แม่ก็พยายามพูดภาษาอังกฤษด้วยตลอด แม่พูดดีอยู่นะ (แม่เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ) แต่ด้วยสำเนียงที่ไทยมาก บางทีเดก็ฟังไม่ออก
แต่เราก็บอกแม่ว่ามันเป็นเรื่องปกติ คนพูดจะไม่รู้ว่าตัวเองมีสำเนียง
ตาน้อยพูดไม่ได้แต่ก็นั่งฟัง แล้วคอยถามคำถามแล้วให้เราแปลให้เดฟัง 5555
แล้วแม่ก็ขนอัลบั้มรูปสมัยเราเด็กๆมาโชว์เด
แม่ก็เม้าใหญ่ว่านี่ตอนเด็กๆน่ารัก สมัยก่อนผอม เดี๋ยวนี้อ้วน อิเดก็ขำใหญ่ พร้อมกับเออ ออ เห็นด้วย
นี่ก็เล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อวันก่อนเดบอกพ่อว่า “ฝันดีน้อย” แม่ก็ขำ 5555
แล้วแม่ก็สอนนาง “อินไทยแลนด์ ยู คอล มัม แอนด์แดด”
“อาหารฝีมือแม่ ”
เค้าว่ากันว่า “อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกนั้น คืออาหารฝีมือแม่”
สำหรับเด คงจะต้องเป็น “อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกนั้น คืออาหารฝีมือแม่..และแม่ของแฟน”
ก็เพราะว่าทุกๆเช้าที่แม่ทำอาหารนั้น ไม่ว่าจะเป็น ผัดเห็ด หมูทอด ผัดผักบุ้ง ไข่เจียว ผัดดอกกะหล่ำ กุนเชียง น้ำพริกปลาร้า ต้มจืด ไข่ตุ๋น และสารพัดอาหารฝีมือแม่
…นางชอบกินหมดเลย!
แม่บอกว่า คนแบบนี้น่าทำอาหารให้กิน เพราะกินอะไรก็อร่อยไปหมด 5555
ข้าวสวยนี่ต้องอย่างน้อย 3 จาน สำหรับมื้อเช้าของเด
กุนเชียงนี่คือนางชอบมาก ของโปรด ขนกลับมาเยอรมนีด้วย 555
เวลากินเสร็จเดก็จะชอบพูดกับแม่ว่า “ขอบคุณครับ” และ “อร่อยมาก”
“อะเมซิ่ง ท้ายแลนนนนนด์ ”
สายระโยงระยาง
เดถามว่า ถ้ามีอะไรเสียขึ้นมา จะหาเจอได้ไงว่าสายไหนเป็นสายไหน
นี่บอก โอ้ยยยช่างไทยเค้าโปรเฟซชั่นนั่ล
ศาลพระภูมิ
เรา: เธอรู้ไหมนี่คืออะไร
เด: วัดเล็กๆปะ ไว้เป็นของตกแต่ง
55555555
ไปเที่ยวกัน
จริงๆแล้วทริปนี้ แม้ว่าเป้าหมายหลักคือการมากิน (5555) แต่เราก็ไปเที่ยวบ้างเหมือนกันนะ
ด้วยความที่เรามาอยู่กันแค่ 2 อาทิตย์ แล้วพอดีมีพายุปลาบึกที่ภาคใต้ แพลนที่วางไว้ว่าจะไปทะเลใต้ก็เลยต้องล่มไป สถานที่เที่ยวต่างๆของเราจึงไม่ไกลจากกรุงเทพมาก เกาะเกร็ด
ไว้มาใหม่นะ
2 อาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก
เดบอกว่า เหมือนได้มาอยู่เป็นเดือน เพราะได้ลองทำอะไรมากมายเหลือเกิน
วันสุดท้ายเราใช้เวลากับครอบครัว กินข้าวกันที่ร้านอาหารไทย ซึ่งเดขอเป็นเจ้ามือเลี้ยง
ก่อนจากกัน เดคิดประโยคขอบคุณ และให้เราสอนเด
เดพูดบนโต๊ะว่า “คอบคุณคราบ พอ แอลแม แอลพี” (ขอบคุณครับ พ่อ และแม่ และพี่) (แอล=และ) ไม่เรียก “น้อย” แล้ว 55555
แล้วเราสองคนก็นั่งแท็กซี่ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังกินเสร็จ
นับว่าเป็นทริปที่เดบอกว่า “มีความสุขมากๆ” แล้วเดี๋ยวจะกลับมาอีกแน่นอน ยิ้ม
ปล. สรุปแล้ว ทริปนี้นางไม่ท้องเสียนะจ๊ะ อิอิ
โปรโมชั่น Qatar Airways ส่วนลด Shopee ส่วนลด Nokair ส่วนลด Lazada
https://pantip.com/topic/38455954
ติดตามต่อได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/aMillionMilesStory