หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตะลุยทะเลทรายมุยเน่ ที่เวียดนาม

เนื้อหาโดย sonew

 

สนุกสุดเหวี่ยงกับดาลัทไปแล้ว ได้เวลาเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะไป “มุยเน่” กัน !!

- - - - - - - - - - - - - - - - -

Day 4 วันที่ 26 ต.ค. 61

อย่างที่บอกไปตั้งแต่เมื่อวานว่า เรื่องตั๋วเรามีปัญหานิดหน่อย เช้าวันนี้เราเลยต้องเดินทางมาที่ The Sinh Tourist สาขาดาลัท เร็วกว่าเวลาเช็คอิน (07.30น.) เรามาถึงหน้าสถานีประมาณ 07.00 น. นั่งรอพนักงาน จนกระทั่ง 07.30 น. พนักงานมาแล้วนะ แต่ยังไม่ให้บริการ . . . รู้ได้ยังไงอ่ะเหรอ ก็เพราะว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้าไปถามเรื่องเที่ยวรถ โดยตะคอกออกมา ว่ายังไม่ถึงเวลา 5555 เห็นมะ บอกแล้วว่าพนักงานสาขานี้ไม่น่ารัก แต่เอาเถอะ เราจะไม่เจอกันแล้ว หยวนๆ

เมื่อถึงเวลา (คุณพนักงานพร้อมให้บริการซะที) เราก็ทำเรื่องเช็คอินตั๋วรถสำหรับเดินทางไปมุยเน่ โดยการยื่นพาสปอร์ต (เราไม่มีตั๋ว แต่ถ้ามีตั๋วก็ยื่นตั๋วได้เลยค่ะ) จากนั้นเราก็ได้ บัตรรถมาเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นเราก็มานั่งรอรถไปมุยเน่ เที่ยว 08.00 น. .... นั่งไปนั่งมาเลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมง แปลกใจทำรถยังไม่มา ไปสอบถามก็ได้ความว่า กุญแจรถเปิดรถไม่ได้ กำลังให้ช่างแก้ไขให้อยู่ โอ้ยยยยย 555 อะไรนักหนา รอต่อไปอีก สรุปรอไป 1 ชั่วโมงถ้วน ที่รถเลท . . . แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้รถมาแล้ว เดินทางกันดีกว่า . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ตารางคร่าวๆ ของเราวันนี้ก็คือ นั่งรถไปถึง มุยเน่ เราก็จะไปซื้อ Half Day Tour ที่ The Sinh Tourist สำหรับนั่งรถจี๊ปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของมุยเน่ นั่นคือ . . .
1.Fairy Stream
2.หมู่บ้านชาวประมง
3.ทะเลทรายขาว White Sand dune
4.ทะเลทรายแดง Red Sand dune

ส่วนโรงแรมที่พักของเรา ค่อนข้างสบายค่ะ เพราะเราเลือกพักที่ The Sinh Tourist Mui Ne (Mui Ne Resort) ที่เราจองผ่าน Agoda ตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย ซึ่งสถานที่ที่ว่ามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ที่ซื้อทัวร์ โรงแรมที่พัก อยู่ตรงที่เดียวกันหมด ง่ายๆ ก็คือ พอรถบัสไปถึงมุยเน่ รถบัสก็จะจอดที่หน้าโรงแรมที่เราพักเลย และที่ซื้อทัวร์ก็อยู่หน้าโรงแรมเหมือนกัน ชีวิตง่ายสุดๆ . . . พร้อมแล้วเดินทางกันค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

มาถึงรถบัสที่เราจะเดินทางไปกัน คราวนี้เป็นรถนอนเช่นกันค่ะ ได้ที่นั่งเบอร์ 17, 18 แถวล่าง
***ถ้าเลือกได้ อย่าเลือกที่นั่งเบอร์ 17 18 19 20 ไม่ว่าจะเป็น แถวบนหรือแถวล่างนะคะ เพราะมันเป็นอะไรที่โคตรไม่สบาย 5555 เพราะมันคือเบาะหลังสุดของรถ และที่สำคัญ มันไม่ได้เป็นเบาะแยกค่ะ เป็นแบบต่อยาวติดกันทั้ง 4 เบาะ นึกถึงฟิลรถเมย์เบาะหลังอ่ะค่ะ ที่ต้องนั่งติดกันแบบนั้นเลย แต่นี่เป็นเบาะนอน คิดดู มันจะครื้นเครงกันแค่ไหน 55555555 ฉะนั้น อย่าเลือก!!!!!!!

เมื่อขึ้นรถ และปรับตัวกับเบาะนอนของเราเสร็จแล้ว ก็นึกในใจว่า ขอให้หลับ ขอให้หลับ ขอให้หลับ จะได้เป็นการลดเวลาที่เราจะต้องตื่นมาเจอกับความลำบากของที่นอนของเราครั้งนี้ 55555 เป็นอย่างที่คาด เบาะนอนโคตรไม่สบาย เวลารถกระเด้งที หัวแถบชนกับฝ้าด้านบน แต่เอาเถอะๆ ทนๆ ไป เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ประมาณ 4 ชั่วโมง

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เราหลับๆ ตื่นๆ หลายรอบ แต่มันมาตื่นแบบพีคสุดก็คือ ตอนที่ รถมันตกหลุม แล้วตัวเราโยนจนหัวเราไปกระแทกกับฝ้า เท่านั้นแหละ ตื่นเลย . . . เออ..แต่ตื่นมาก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้รู้ว่า ทำไมรถมันขับไม่นิ่มเลย . . ก็เพราะว่า เส้นทางที่รถใช้วิ่งจากดาลัทไปมุยเน่ มันเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะตามภูเขา ที่บางช่วงก็ยังเป็นดินแดง พื้นไม่เรียบ หลุม บ่อ มีพร้อม ความชัดไม่ต้องพูดถึง คนขับต้องเซียนจริงๆ ถึงจะเอาอยู่ บางโค้งคือ ลงเขามาแล้วโค้งหักศอกจนรถเอียงเลยก็มี . . . ซึ่งนอกจากทางที่โหดแล้ว วิวข้างทางก็โหดด้วยยยย แม่เจ้าโว้ยยยย!! จากจุดที่รถวิ่งมองลงไปพื้นล่าง อย่างสูงงงงงงงง แต่ว่า สวยโคตรรรรรร เพราะอย่างที่ว่า ดาลัทคือเมืองที่อยู่บนเขา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเขาที่สูงขนาดนี้ เรามองลงไปเห็นวิวข้างล่าง เป็นผืนป่าสีเขียว และเนินเขาน้อยใหญ่ สลับลดหลั่นกันไป เป็นภูมิประเทศที่แปลกตามาก แต่ก็สวยมากๆ เช่นกัน อากาศเย็นๆ ของดาลัทเมื่อเช้า ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอากาศอุ่นๆ ถึงร้อน ของมุยเน่ จากวิวภูเขา เราเริ่มเห็นวิวทะเลอันกว้างใหญ่ เนินทรายที่ใหญ่โต และแล้วเราก็มาถึงซะที “มุยเน่”

- - - - - - - - - - - - - - - - -

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นค่ะว่า รถที่เรานั่งมาจะมาจอดที่หน้าโรงแรมที่เราพักเลย เมื่อรถจอดเสร็จ เราจึงรีบไปเช็คอินกับทางโรงแรม เพื่อที่จะเอาของไปเก็บในห้อง แล้วออกมาจองตั๋ว เนื่องจากตอนที่ออกมาจากดาลัท เราออกมาค่อนข้างเลท ดังนั้นเวลาของเราก่อนที่จะไปทัวร์ก็จะเหลือน้อยลง มาพูดถึงการซื้อทัวร์กับบ้าง เราเลือกเป็น Half Day Tour ค่ะ โดยจะมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน คือ
1.ทัวร์แบบรวม คือ นั่งรถมินิบัส ไปพร้อมกับคนอื่น แบบนี้จะไม่ได้เที่ยว Fairy Stream แต่เป็นทัวร์แบบถูกสุด น่าจะประมาณ 90,000 กว่าดอง (ประมาณ 126 บาท) จำตัวเลขไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้ถ่ายรูป
2.ทัวร์ส่วนตัวแบบนั่งรถจี๊บ (นั่งได้ 4 คน) ได้เที่ยวทุกที่ แต่ไม่ได้พาเราขึ้นทะเลทรายขาว ต้องหาเช่ารถจากที่นั่นขึ้นไปเอง ราคาประมาณ 139,000 ดอง (194 บาท)
3.ทัวร์ส่วนตัวแบบนั่งรถจี๊บ (นั่งได้ 4 คน) ได้เที่ยวทุกที่เหมือนกัน แต่แบบนี้จะรวมพาเราขึ้นไปบนทะเลทรายขาวด้วย ราคาประมาณ 239,000 ดอง 334 บาท)
ตอนแรกเราก็ลังเลระหว่างแบบ 2 กับ แบบ 3 ว่าจะเอาแบบไหนดี แต่เผอิญ เหลือบไปเห็นว่า แบบ 3 มันเขียนว่า ที่จะพาขึ้นไปบนทะเลทรายขาวน่ะ ขึ้นไปแค่ 300 เมตรเอง !!! ดังนั้น เราเลยเลือกแบบ 2 ค่ะ . . .

โอเคๆๆๆๆ เรายังพอมีเวลาเหลือ เราเลยขอดำเนินการเรื่องตั๋วเที่ยวรถสำหรับกลับโฮจิมินห์พรุ่งนี้ของเรา เนื่องจากเราไม่มีใบสำหรับเช็คอินตั๋วรถ (เนื่องจากพนักงานจากโฮจิมินห์ลืมให้เรามา) เราจึงอธิบายเรื่องราวให้ พนักงาน The Sinh Tourist ที่สาขามุยเน่ฟัง ซึ่ง พนักงานก็น่ารักมาก ทำการจัดแจงปริ้นตั๋วใบใหม่ให้เรา แล้วก็แจ้งเวลาสำหรับการขึ้นรถกลับโฮจิมินห์พรุ่งนี้เช้า เป็นอันเสร็จเรียบร้อย คือน่ารักมากๆ (เราบอกแล้วว่า พนักงาน The Sinh น่ารักทุกสาขา ยกเว้นที่เราเจอทที่ดาลัทนั่นแหละ) หลังจากจัดการเรื่องตั๋วเสร็จสิ้น ก็เหลือบดูเวลา ตอนนี้ประมาณ 13.20 น. ซึ่งรถที่เราจองสำหรับเที่ยวมุยเน่จะมารับตอน 14.00 น. ยังพอมีเวลา ไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน เพราะตอนนี้หิวมาก ไม่ต้องไปไหนไกลค่ะ ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามนั่นแหละ หากถามว่าอร่อยไหม ตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะกินด้วยความรีบ กลับไม่ทันรถ พอกินเสร็จ รถจี๊บที่เราของไว้ก็มาถึงพอดี ทีนี้เราก็พร้อมจะไปลุย มุยเน่ แล้ววว !!!

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ที่แรกที่เราจะไปกัน คือ “Fairy Stream” ค่ะ ดูจากรีวิวก็ดูสวยดี เลยว่าต้องไปถ่ายรูปสักหน่อย ขับออกมาจากที่ที่เราขึ้นรถไม่ไกลเลย จอดรถแล้ว เรายังไม่รู้เลยว่าที่นี่มันคือที่เที่ยว 55555555 แต่เมื่อรถจอด คนขับ ก็หันมาพูดกับเราว่า “1 hour” พร้อมกับกดเครื่องคิดเลขให้เป็นตัวเลข 15,000 แล้วก็ชี้ พร้อมบอกว่า “only this and no chart” เราก็เข้าใจได้ว่า เสียค่าเข้า 15,000 แล้วก็ไม่มีเพิ่มแล้ว โอเค พอได้ข้อมูลแล้ว เราก็ลงจากรถเพื่อไปที่ Fairy stream กัน . . .

พอไปถึงหน้าทางเข้า เจอผู้ชายใส่ชุดเหมือนเจ้าหน้าที่ของเวียดนามตั้งโต๊ะนั่งอยู่ และข้างหลังมีป้าย เขียนเป็นภาษาเวียดนามและตัวเลข 5,000 เราก็เข้าใจว่า เราต้องเสียเงินตรงนี้ก่อนเป็นเบื้องต้น 5,000 ดอง ก็เลยจ่ายไปคนละ 5,000 จากนั้นก็เอารองเท้าที่เราใส่ไปวางไว้ที่ชั้น ที่อยู่ข้างๆ ทางเข้า (Fairy Stream เราต้องเดินลุยน้ำสูงขนาดตาตุ่มไปเรื่อยๆ) เราก็งงๆ กับการจ่ายเงินครั้งนี้มาก แต่ก็มาอ๋อ ตอนที่เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ กำลังเดินถือรองเท้าลุยน้ำอยู่ ว่าไอ้ที่เราเสียเงินไปเมื่อกี๊ มันคือค่าฝากรองเท้า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องฝากก็ได้ ก็ถือเดินเข้าไปเลยก็ได้ เอาเป็นว่าโดยฟัน ไปตั้งแต่ยังไม่เข้า 555 นี่ขนาดคนขับรถบอกแล้วนะ พลาดเองจนได้ แต่ก็ไม่เป็นไร มองโลกในแง่ดี เราจะได้ไม่ต้องถือรองเท้าเกะกะ จะได้ถ่ายรูปได้สะดวกๆ 55555 เดินเข้ามาได้สักนิด ก็เจอที่สำหรับขายตั๋ว ที่นี่แหละ ที่เราต้องเสียเงินอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นค่าเข้า Fairy Stream ตกคนละ 15,000 ดอง ( 21 บาท) จากนั้นเราก็เดินเข้าไปได้ . . .

Fairy Stream สำหรับเรา ขอเรียกว่า ทางน้ำไหล หรือ ร่องน้ำไหล หรือ ทางระบายน้ำ น่าจะเข้าท่ากว่า 55555 สำหรับเราจริงๆ คือไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เพราะเนื่องด้วยอากาศที่ร้อน เย็นอยู่อย่างเดียวคือเท้าที่แช่น้ำ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไฮไลท์ของที่นี่น่าจะคือ ผาหินทรายรูปร่างแปลกตาสีแดงๆ ส้มๆ ขาวๆ ที่อาจจะเกิดจาการกัดเซาะของน้ำและลม เราสารภาพเลยว่า เราเดินไปไม่สุดทาง ซึ่งไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เราใช้เวลาเดินจากทางเข้ามาถึงที่เวิ้งผากว้างๆ ประมาณ 20-30 นาที เราก็ตัดสินใจว่าพอดีกว่า ก็เลยเน้นถ่ายรูปตรงนั้นจนพอใจ แล้วก็ถอยทัพกลับมาที่รถ เพื่อเดินทางไปที่ “หมู่บ้านชาวประมง” ต่อ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ออกมาจาก Fairy Stream ไม่นาน เราก็มาถึง “หมู่บ้านชาวประมง” เอาจริงๆ คือ ยังไม่ถึงหรอก เรียกว่า ถึงจุดที่ถ่ายรูปหมู่บ้านชาวประมงได้สวยที่สุดถึงจะถูก เพราะจุดที่เรามาจอดรถ เป็นจุดที่เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านชาวประมงได้ในมุมกว้าง คนขับของเราบอกว่ามีเวลา สำหรับ ตรงนี้ 15 นาที เอาหล่ะๆ ไปถ่ายภาพสวยๆ กัน . . . ไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือ เรือประมงหลายร้อยลำ ที่ลอยลำอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง สีสันของเรือที่จัดจ้านกระทบกับแสงแดดจัดๆ ช่วงบ่าย ทำให้สีสันของวิวตรงหน้ายิ่งน่าสนใจมากขึ้น เราใช้เวลาตรงนี้ไม่นาน เนื่องจากความแผดเผาของแดด กดรูปได้ 4-5 รูป ก็ต้องยอมแพ้ พาร่างกรอบๆ จากการโดนแดดเผากลับมาขึ้นรถ เพื่อไปต่อกันที่ สุดยอดของ ไฮไลท์สำหรับการเที่ยวมุยเน่ของเราในครั้งนี้ นั่นคือ “ทะเลทรายขาว หรือ White Sand dune” นั่นเอง

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ระยะทางจากหมู่บ้านชาวประมง มาถึง ทะเลทรายขาว น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 กว่า กม. เห็นจะได้ และก็เหมือนเดิม วิว ทิวทัศน์ 2 ข้างทางสวยจริงจัง นั่งรถชมวิวกันเพลินๆ ได้เลย แต่ทว่า . . . เหมือนจะมีงานเข้า! เพราะนั่งรถไปได้สักพัก เราสังเกตเห็นมีตำรวจตั้งด่านอยู่ข้างหน้า คนขับรถของเรารีบตบไฟเลี้ยว เลี้ยวรถไปจอดข้างทาง เมื่อจอดรถเสร็จ คนขับก็หันมาพยายามสื่อสารกับเราว่า เขาต้องขอเงินเรา 200,000 ดอง เพื่อนำไปเคลียกับตำรวจ เฮ้ย! คือเราก็งง ว่าทำไมต้องมาขอ สงสัยจะโดนคนขับเล่นซะแล้ว ในใจก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเขาต้องฮั้วกับตำรวจแน่ๆ พาเรามาฟันค่าปรับ บลาๆๆๆ แต่พอคนขับบอกว่า ขอเงินก่อน แล้วหลังจากจบทริป เขาจะคืนเงินทั้งหมดให้เต็มจำนวน โอเค! แบบนี้เราโอเค จากนั้น เราก็เอาเงินให้เขาไป 200,000 ดอง พอรถวิ่งมาถึงด่าน (คือมันเป็นด่านลอย มีตำรวจอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น) คุณตำรวจก็โบกรถให้หยุดจริงๆ จากนั้น คนขับก็ลงไปเคลียให้พร้อมกับเงินที่เราให้ไป ใช้เวลาประมาณ 5 นาที คนขับก็กลับมาที่รถพร้อมกับบอกว่า “It’s OK now!!”

***ฉะนั้น เที่ยว มุยเน่ ไม่ควรเช่ารถขี่เอง เพราะเจอด่านลอยเรียกค่าปรับแน่นอน ซื้อทัวร์ดีกว่า สบายใจสุดค่ะ

แล้วเราก็ออกเดินทางกับต่อ จากจุดด่านตรวจนั่งรถไปอีกประมาณ 15 นาที เราก็ถึงทางเข้า “ทะเลทรายขาว” ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งจุดนี้เราต้องเช่ารถ เพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบนค่ะ . . . เราจึงเดินไปถามพนักงานที่เป็นคนจัดคิดรถ ก็ทำให้ทราบว่า มีรายละเอียดดังนี้
1.รถ ATV นั่งได้ 2 คน คิดราคา คนละ 200,000 ดอง ( 280 บาท) เราไป 2 คน ก็เท่ากับต้องเสีย 400,000 ดอง ( 520 บาท)
2.รถจี๊บใหญ่ นั่งได้ประมาณ 4-6 คน เหมาคัน ตกประมาณคันละ 600,000 – 700,000 ดอง (ประมาณ 800-1,000 บาท)
ดูจากราคาค่าเช่าทั้ง 2 แบบ คือค่อนข้างแพง ด้วยสภาวะกระเป๋าตังค์ใกล้ฉีก เพราะเป็นการเที่ยวช่วงวันท้ายๆ ของทริป เราจึงตัดสินใจเดินไปถามคนขับรถที่มาส่งเราว่า เราไม่อยากเช่ารถ แต่จะเดินไปแทนได้ไหม? คนขับก็บอกว่า ได้! เอาล่ะเว้ยยยย เข้าทางอิช้อยยย ขอเที่ยวแบบประหยัด ด้วย 2 ขาของข้านี่แหละ . . .

เรากับแฟนจึงเดินไปเรื่อยๆ และอยากจะบอกว่า เดินขึ้นไม่ไกลเท่าไหร่ และยังไม่ทันเหนื่อย เราเลยลองหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป . . . เฮ้ย ! รูปก็สวยอยู่นะ อาจจะขึ้นไปไม่ถึงยอดด้านบน แต่รูปที่ได้ เราโอเคมากๆ ถ้าสมมติเน้นถ่ายรูป และอยากประหยัด เดินเองดีกว่าค่ะ ตามความคิดเรานะ แต่ถ้าแบบอยากผจญภัย หวาดเสียง ซิ่งบนทะเลทราย ก็เช่ารถโลด และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพื่อความสวยและคูล สำหรับรูปของเรา นั่นคือ พร็อพค่ะ ควรมีผ้า หรือ เสื้อคลุม ที่มีความพริ้วไหว ติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะจะได้สยายผ้า สะบัดเสื้อคลุมถ่ายรูปกัน ส่วนผมเผ้าก็ดูแลให้ดี เพราะลมค่อนข้างแรงค่ะ 5555

เราใช้เวลาที่ทะเลขาว เกือบๆ ชั่วโมงค่ะ เพราะถ่ายภาพเพลินมาก แดดร้อนนะคะ แต่มีลมโกรกตลอดเวลา ความร้อนเลยไม่สามารถทำอะไรเราได้ สะบัดผ้าถ่ายรูปเสร็จ เราก็เดินกลับลงมาที่รถ บนรถที่เรามาคนขับจะเตรียมน้ำดื่มเป็นขวดเอาไว้ให้ หยิบมาดื่มได้เลย และมีทิชชูเปียกเอาไว้ให้เราเช็ดหน้า ก็ถือว่า โอเค เพราะ หน้าเมือกมากๆ เอาหล่ะ! ที่นี้เราไปกันต่อ ที่ “ทะเลทรายแดง” เดี๋ยวจะไม่ทันตอนพระอาทิตย์ตกดินค่ะ

***การเที่ยวทะเลทรายขาว สามารถเดินขึ้นไปเองได้ ไม่ต้องเช่ารถ ถ้าเน้นประหยัด 
***เออลืมบอกไป เงิน 200,000 ดอง ที่คนขับต้องเอาไปจ่ายให้ตำรวจ เขาเอามาคืนเราก่อนที่เราจะเดินขึ้นทะเลทราย ตอนแรกแอบต่อว่าคนขับในใจ แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารเขาแทน เพราะเราว่า จริงๆ ตำรวจคงไม่ได้ตั้งด่านทุกวัน วันนี้แจ็คพอต คนขับเลยต้องเข้าเนื้อ . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

รถขับมาถึงทะเลทรายแดง ก็น่าจะเกือบ 6 โมงแล้ว ดูเหมือนว่า พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที ระหว่างที่เรากำลังลงรถ คนขับหันมาบอกว่า ให้ระวังกระเป๋าและของมีค่า เพราะจริงๆ แล้วที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมิจฉาชีพ ยังไงอย่าวางอะไรทิ้งไว้ หรือเวลามีใครมาประชิดตัว ก็ให้ระมัดระวังให้มากๆ นะคะ

ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยว แม่ค้า เด็กๆ ที่จะมาให้เช่ากระดานลื่น เอาไว้เล่นกับเนินทราย ดูคึกครื้นดี เราไม่ได้เดินไปบนยอดของทะเลทราย ซึ่งเป็นที่ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เพราะสำหรับเรา การเที่ยววันนี้โอเคมากๆ แล้ว ที่ทะเลทรายแดง เลยแบบของชิลๆ ดีกว่า ถ่ายรูปเล่นจนกระทั่งแสงหมด ก็เป็นอันว่าจบ Half Day Trip มุยเน่ ของเราในวันนี้ ในเวลาประมาณ 18.00 น.

คนขับก็ขับรถมาส่งเราที่หน้าโรงแรม ระหว่างทางกลับ เราเลยถามคนขับว่า เราอยากกินอาหารทะเล มีร้านดีๆ แนะนำบ้างไหม ด้วยความที่คนขับก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ก็พอสื่อสารได้ เลยแนะนำร้าน BIBO ให้ พร้อมบอกว่า ร้านนี้ อร่อย ราคาไม่แพง เย็นนี้เราเลยปักหมุดไว้ว่าร้านนี้แหละ เหมาะที่สุดสำหรับมื้อเย็นของเรา

- - - - - - - - - - - - - - - - -

กลับมาถึงที่พัก (ที่พักติดทะเลจ้า ดีเว่อ) ได้มีโอกาสออกไปเดินเล่นริมหาดภายใต้บรรยากาศแสงสลัวของดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว บรรยากาศของทะเลจีนใต้ในช่วงโพล้เพล้ สวยดีเหมือนกัน แต่มองๆ ดู ก็คล้ายๆ ที่หัวหินเหมือนกันนะ 55555 ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนพอใจ เสียงท้องก็เริ่มเตือนว่า หาอาหารเย็นมาให้ข้ากินได้แล้ว !! เราจึงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง และออกเดินทางเพื่อไปตามหาร้านอาหารทะเล BIBO ที่คนขับรถแนะนำค่ะ . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ดูเส้นทางจาก Google map ทำให้รู้ว่าร้าน BIBO อยู่ห่างจากโรงแรมที่เราพัก ไม่ไกลค่ะ ประมาณ 700 เมตร เลยถือโอกาสเดินเล่น ดูนู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็มาถึง . . .

ร้าน BIBO เป็นร้านขายอาหารทะเล 1 ในหลายๆ ร้านในระแวกนั้น ที่ขายของในลักษณะเดียวกัน มีเตาย่าง ตู้กระจกที่มีปลา มีปู เป็นๆ ว่ายน้ำอยู่ในตู้ มีกะละมังใส่หอย มีกล่องโฟม ที่ใส่อาหารทะลมากมาย สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ เดินเข้าไปสอบถามราคาของอาหารทะเลแต่ละชนิด ส่วนใหญ่ก็จะขายเป็นกิโล ราคาสำหรับเราว่า ไม่แพงนะ เพราะแต่ละอย่างสดๆ เป็นๆ อยู่เลย แต่อย่างล็อบสเตอร์ (แบบตายแล้วนะ แต่แบบเป็นก็มี เราไม่ได้ถามราคามา) จะอยู่ที่ กก.ละประมาณ 700,000 ดอง (980 บาท) แต่เราจะสั่งแบบเอาแค่ตัวเดียวก็ได้ ถ้ากลัวกินไม่หมดไรงี้ จากนั้นก็แจ้งพนักงานไปว่า อาหารทะเลแต่ละอย่าง จะเอาไปทำอะไร เช่น นึ่ง ผัด ย่าง ก็แล้วแต่ชอบเลยค่ะ จากนั้นเมื่อสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็ไปหาโต๊ะนั่งได้เลย

วันนี้ที่เราสั่งก็คือ . . .
1.หมึกย่าง ครึ่งโล
2.กุ้งย่าง 1 กก.
3.ปูม้านึ่ง ครึ่งโล
4.ล็อบสเตอร์ผัดซอส 1 ตัว

ระหว่างที่รอก็สั่งข้าวเปล่ารอเอาไว้ก่อน และนี่แหละ คือสิ่งที่เราประทับใจ มันเริ่มจากตรงนี้ . . . ด้วยความที่ เมนูเป็นภาษาเวียดนามซะส่วนใหญ่ เราเลยดูรูปแล้วสั่ง ซึ่งข้าวที่อยู่ในรูปมันเหมือนข้าวที่ถูกตักเอาไว้ในถ้วย เราจึงสั่งข้าวสวยไป 2 ที่ ซึ่งพอเราสั่งไป พี่คนรับออร์เดอร์ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นเจ้าของร้าน ก็หันมาบอกกับเราว่า สั่งแค่ 1 ที่ ก็เพียงพอสำหรับ 2 คนแล้ว แค่นั้นไม่พอ น้องพนักงานที่รับออเดอร์อาหารทะเลเรา ตั้งแต่ตอนแรก ก็เดินมาบอกว่า กุ้งที่เราสั่งไป 1 กก. มันอาจจะเยอะไป ลองสักครึ่งโลก่อนไหม ถ้าไม่พอแล้วค่อยสั่งเพิ่ม เราก็ตอบตกลง ซึ่งเราประทับใจตรงนี้มากเพราะ เราว่าร้านนี้ เขาไม่ได้สักแต่ขาย เพื่อที่จะได้กำไรเยอะๆ ลูกค้าซื้อเยอะยิ่งดีใจ แต่เขาดูปริมาณของที่สั่งกับลูกค้าด้วยว่า โอเคกันไหม และยินดีที่จะแนะนำให้อย่างเหมาะสม . . .

ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาแนะนำจริงๆ อาหารแต่ละอย่างที่มา คือเยอะมาก ยิ่งกุ้งย่างที่เราสั่งไปนะ ถ้ายังคงเป็น 1 กก. เหมือนเดิม รับรองกินไม่หมดแน่ๆ และที่สำคัญ คือ อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลย 555555 อันนี้คือจริงๆ ไม่อวย อร่อยก็บอกอร่อย อาหารสด และรสชาติดีมากๆ เลย ยิ่งล็อบสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเขารีวิวกัน จะสั่งแบบอบ แบบย่างไรงี้ใช่ป่ะ แต่เราสั่งแบบผัดซอส ซึ่งรสชาติเลิศมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหมึกย่าง ปูนึ่ง กุ้งย่าง เนื้อหวานและเด้งสุดๆ และที่สำคัญ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า น้ำจิ้มที่ดีที่สุดในการกินครั้งนี้ก็คือ “น้ำปลาเวียดนามใส่พริกซอยและบีบมะนาว” (เราปรุงเอง ขวดน้ำปลาจะอยู่บนโต๊ะ ส่วนพริกกับมะนามเขาจะเสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารค่ะ) จิ้มแค่นี้แหละ เลิศเลอมากๆ เลยค่ะ อิ่มหนำสำราญมากๆ และที่สำคัญ คือราคาไม่แพง มื้อนี่อยู่ที่ 899,500 ดอง (1,300 บาท) ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เอาเป็นว่าร้าน BIBO เป็นร้านที่เราอยากแนะนำมากๆ เพราะประทับใจ ทั้งพนักงาน เจ้าของร้าน คุณภาพอาหาร รสชาติ และราคา ซึ่งเราว่าร้านนี้แหละ เด็ดจริง!

อิ่มแล้ว ก็เดินย่อยกลับที่พักกัน พอไปถึงก็อาบน้ำ จัดกระเป๋า พรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางกลับเข้าโฮจิมินห์ แล้วก็เดินทางกลับบ้านเราไทยแลนด์แดนสนธยา กันต่อ วันนี้ขอพักผ่อนก่อน แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

 

เนื้อหาโดย: sonew
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sonew's profile


โพสท์โดย: sonew
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เพจดัง โพสต์ เตือน ใครปล่อยเช่าบ้านให้นระวังสาวฝรั่งวัย 60 ช้ำใจ! โดนมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นหนุ่มฝรั่งสุดหล่อหลอกให้รัก เสียเงินไปแล้ว 8 แสนกว่าบาท!สุดช็อก"หนุ่มแต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีอะไรด้วย สะกดรอยตามจนรู้ความจริง เข่าทรุดทันทีสะเทือนใจ! ป้าแต๊งเปิดใจกลางสื่อ กรณีถูกหาว่า 'เกาะน้องกิน' – เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้"หินแปลกๆจากชายหาด กลายเป็นขวานมือของมนุษย์ยุคหิน อายุกว่า40,000ปีเอส กันตพงศ์ เฉียดตาย รอดมาได้อย่างปฏิหาริย์ เตรียมบวชต้อนรับปีใหม่ทำไมน้ำแข็งชุบแกลบถึงละลายช้ากว่าปกติ?งานแต่งเจมส์ & โฟม กับชุดเจ้าสาวและล็อคเก็ตสีทองที่ซ่อนความหมายพิเศษเอาไว้เสนาหอย เตือนอย่าลืมจมูกคนอื่นหายใจ ใช้หนี้หลักหร้อยล้าน แสนทรมานเผยสาเหตุ โนโรไวรัส แอลกฮอล์ยับยั้งไม่อยู่แล้วนะตลาดนัดมือสองรอบกรุงเทพฯ : โลกใบใหม่แห่งการซื้อสินค้าที่รอคุณไปค้นหาน้องปายไม่ทน! ลุงขอยืมเงิน พ้อทำไมตอนหนูลำบากไม่เคยช่วย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เพจดัง โพสต์ เตือน ใครปล่อยเช่าบ้านให้นระวังทำไมน้ำแข็งชุบแกลบถึงละลายช้ากว่าปกติ?อั้ม อธิชาติไม่ทน! ถูกเกรียนคีย์บอร์ดกล่าวหานอกใจอดีตภรรยา จ่อเปิดใจสู้กลับตลาดนัดมือสองรอบกรุงเทพฯ : โลกใบใหม่แห่งการซื้อสินค้าที่รอคุณไปค้นหาสุดช็อก"หนุ่มแต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีอะไรด้วย สะกดรอยตามจนรู้ความจริง เข่าทรุดทันที
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
"Pedra da Gávea: จุดเซลฟี่ที่อันตรายที่สุดในโลก"10 เคล็ดลับดูแลรถง่ายๆ ให้เหมือนใหม่ตลอดเวลา! งานนี้ไม่อายสาวๆแน่นอนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากช่วงน้ำป่าเชี่ยวกราก 15 ธันวาที่ผ่านมา 🏔️ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี นครศรีธรรมราช ชุมชนเล็กๆ🏔️🏡🏠สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง! วางแผนเที่ยวยังไงให้เที่ยวแบบฟินๆ!
ตั้งกระทู้ใหม่