หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กินแหลก แดร็กยับ เกียวโต โอซาก้า

โพสท์โดย sonew

 

"Day 4-5"

วันนี้ออกเดินทางกันแต่เช้า สภาพอากาศอ่ะเหรอ.... 55555 เจอฝนละอองแต่เช้าเลยค่ะ ทำให้อากาศทั้งชื้นทั้งเย็น แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของการเดินทางของเรา

พวกเรามุ่งหน้าไปเที่ยว “เกียวโต” เมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องที่น่าสนใจ เป็นการนั่งรถไฟที่นานที่สุดตั้งแต่มาที่โอซาก้า ประมาณ 45 นาที และแพลนสำหรับวันนี้คือ ที่แรก เราจะไปที่ วัดทอง หรือวัดคินคะคุจิ สถานที่สุดฮิต ที่ถ้าใครมาถึงเกียวโต แล้วต้องมาให้ได้

* * * * * * * * * *

และแล้วเราก็มาถึงที่เกียวโตค่ะ แต่ยังค่ะ เรายังเดินทางกันไม่เสร็จ เพราะว่าการที่จะไปวัดทองได้นั้น เราต้องต่อรถเมล์ ไปกัน ถือว่าเป็นการขึ้นรถเมล์ครั้งแรกที่ญี่ปุ่นค่ะ สิ่งที่ยากที่สุดคือ ไปรอป้ายรถเมล์ ให้ถูกป้ายนั่นเอง แต่ดีที่ทำการบ้านมา ดูสายรถที่ผ่านวัดทอง มาก่อน เลยเดินหลงกันไม่มาก (5555 ไม่ใช่ไม่หลงนะคะ) จากนั้นเราก็ยืนรอรถที่ป้ายค่ะ ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น แต่ก็ยังสู้ !!

**รถเมล์ที่นี่ มาตรงเวลาค่ะ มีตารางบอกเวลาของสายรถที่จะผ่านป้ายทุกสาย จึงทำให้รอแบบมีเป้าหมาย ไม่ใช่รอกันไปตามมีตามเกิดแบบพี่ไทยเรา 555555

เอาหล่ะ...รถมาแล้วค่ะ เราขึ้นรถเมล์ที่นี่ จากประตูหลัง จากนั้นหาที่ยืน เพราะคนค่อนข้างเยอะ ใช้เวลาบนรถประมาณ 15-20 นาที เราก็มาถึงป้ายที่เราต้องลง ใช้บัตร Kansai Thru Pass เสียบที่ตู้จ่ายเงินข้างๆคนขับ แล้วก็ลงรถที่ประตูหน้าค่ะ

ป้ายที่เราลง อยู่ด้านหน้าซอยที่จะมุ่งหน้าไปวัดทองค่ะ ใช้เวลาเดินจากป้ายรถเมล์ไปถึงบริเวณหน้าวัด ประมาณ 5 นาที ..... สวนมอสสีเขียวสบายตา กับต้นไม้ที่มองด้วยตาน่จะมีอายุไม่น้อย ทำให้ 2 ข้างทางที่เราจะเดินไปที่ตัววัด ดูสวยงามมากในวันที่ฝนตกและอากาศครึ้มๆ แบบนี้

แต่เดี๋ยวก่อน ขอแวะแป๊บนึง เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ก่อนเข้าไปเที่ยวดีกว่า ..... ทำธุระส่วนตัวเสร็จ พอดีเลย บริเวณนี้เป็นเหมือนศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยว จะมีห้องน้ำ ที่นั่งพัก ร้านเครื่องดื่ม ร้านซอฟครีม และที่สำคัญร้านขายดังโหงะ ราคาไม้ละ 700 บาท ไม่พลาดค่ะ อยากกินดังโหงะแบบญี่ปุ่นแท้ๆ มานานแล้ว สั่งมาเลย 2 ไม้ ไม้ละ 5 ลูก ดังโหงะร้อนๆ ราดน้ำซอสหอมๆ อร่อยมากๆ ในวันที่อากาศหนาวแบบนี้ แป้งนุ่มๆหนึบๆ เกรียมนิดๆ เคี้ยวแล้วหนุบหนับ น้ำซอสกลิ่นหอม รสชาติหวานๆ เค็มๆ โอ้ยยยยเข้ากั๊นเข้ากันค่ะ อร่อยมากๆๆๆๆๆๆ

เอาหล่ะ...เต็มพลังกันเรียบร้อยแล้ว ก็ไปกันต่อ เดินเข้าไปซื้อตั๋วบริเวณทางเข้า ราคาคนละ 400 เยนค่ะ จากนั้นก็เดินเข้าไปชมความงามของวัดทองได้เลย

* * * * * * * * * *

จริงค่ะ... วัดทอง ของจริง ! เพราะตัววิหาร (เรียกงี้ถูกเปล่าไม่รู้) ที่อยู่กลางน้ำ มีสีทองเด่นเป็นสง่าทั้งหลัง และด้วยที่ว่าถูกสร้างอยู่บนน้ำ ที่ใสและนิ่งสงบ จึงทำให้วิหารนี้ยิ่งดูสงบร่มรื่นไปกันใหญ่....
สวนงามตามท้องเรื่องจริงๆค่ะ

ฝนเริ่มซาแล้ว..... ทำให้เราสามารถเดินชมวัดทองและสวนแบบเซนที่ถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามได้อย่างเพลิดเพลิน เดินไปได้สักพัก เราก็พบกันร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ.... เป็นร้านขายเครื่องรางนำโชคต่างๆ แบบฉบับของคนญี่ปุ่น ใครอยากได้ของที่ระลึก เล็กๆ น่ารัก ก็เลือกซื้อกันได้ ตามใจชอบเลยค่ะ

* * * * * * * * * *

ฝนตกอีกแล้ววววววว T T ดูท่า แพลนวันนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนแน่นอน เพราะ ฝนทำให้การเที่ยวไม่ค่อยสนุก เพราะที่ที่แพลนไว้อยู่กลางแจ้งทั้งสิ้น และฝนเองก็ดูจะไม่ลดลาวาศอกเลย ฟ้าอย่างครึ้ม!!! ปรับแผนดีกว่า จากที่เคยจะไปวัดเทนริวจิ / ถนนป่าไผ่ /อุโมงค์เสาโทริอิ จบค่ะ แต่ไม่เป็นไร แฟนเรา เตรียมแผน 2 ไว้ให้น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันค่ะ

* * * * * * * * * *

เพื่อนๆ รู้จักราเมน ไหมคะ อ่ะ..แน่นอน รู้จักอยู่แล้วเนอะ ที่พูดถึงราเมน เพราะว่า เราจะเปลี่ยนแผนไปกินราเมนที่เกียวโตกันค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเซ็งกันแน่เลย 5555 อย่าเพิ่งค่ะ เพราะร้านราเมนที่เราจะไป ไม่เหมือนราเมนที่อื่น เพราะวันนี้เราจะไปกิน “ไฟเออร์ราเมน” หรือราเมนไฟลุก ร้านที่แฟนเรารีเควสนักหนา นั่งรถเมล์ป้ายเยื้องๆ กับที่เราลงก่อนไปที่วัดทองนั่นแหละ .......

นั่งรถเมล์ไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 นาที เราก็มาถึง ร้านราเมนเล็กๆ มองข้างนอกแทบไม่รู้ว่า ที่นี่มีความไฟลุกซ่อนอยู่ แต่เดี๋ยวก่อน!!! ทะเล่อทะล่าเข้าไปในร้านไม่ได้นะคะ เพราะจะต้องกดบัตรคิวที่หน้าร้านก่อน แล้วยืนรอหน้าร้านนั่นแหละ สักพัก คุณลุงไฟเออร์ (เราตั้งชื่อให้แกเอง 555 ) เจ้าของร้าน ก็จะเดินออกมาถามว่าเรามาจากประเทศไหน ตอบไปเลยค่ะว่า “ไทยแลนด์” !!! แต่ก็ยังไม่ได้เข้านะคะ ลุงบอกให้รอก่อน 55555 และอีกแป๊บนึง ลุงก็เรียกให้เราเข้าไป.....

* * * * * * * * * *

บรรยากาศภายในร้าน ก็เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่น คือนั่งกินแบบเคาเตอร์ ในร้านมีชาวต่างชาติ นั่งอยู่ ฟังๆ ดู น่าจะเป็นคนจีนค่ะ .... และเราก็เข้าใจ ว่าทำไมลุงถึงให้เรารออยู่นอกร้านและต้องถามเราว่ามาจากประเทศไทย เพราะเมื่อเข้ามานั่งที่โต๊ะ ลุงไฟเออร์ ก็หยิบเมนูภาษาไทยมาให้เรา แม่ะ! ดีจริงๆ ที่นี้ก็สั่งราเมนได้แบบไม่สับสนแล้ว . . .

สั่งเมนูได้สักพัก ก็มีฝรั่ง 2 คนเดิน กำลังจะเดินเข้ามาในร้าน ลุงลืมตะโกนบอกฝรั่ง 2 คนนั้นว่า “Please wait outside” ฝรั่งคนนึง ก็พูดสวนออกมาว่า “Hey! Rain fall” แต่ลุงก็ยังยืนยันคำเดิม พร้อมกับที่ฝรั่ง 2 คนนั้น ก็ต้องออกไปรอข้างนอกเหมือนกัน..... ตัดภาพมาที่อีกพักนึง ลุงเดินมายืนหน้าเรากับแฟน พร้อมถือโพยแผ่นใหญ่ ที่ข้างในมีเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย อธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตัวในการกินราเมนไฟลุก (บอกเลยร้านนี้มีทุกภาษา) พอเราอ่านเข้าใจแล้ว ลุงก็เลยให้เด็กในร้านไปพาฝรั่ง 2 คน ที่รออยู่นอกร้านเข้ามา ถามแล้วทราบว่า มาจากประเทศสเปน และก็เหมือนเดิม ลุงหยิบเมนูภาษาสเปนให้ พร้อมทั้งให้อ่านคำแนะนำภาษาสเปนที่ลุงเตรียมไว้ ......

* * * * * * * * * *

รอไม่นานแป๊บเดียวเท่านั้น ราเมนที่เราสั่งมาก็มาวางอยู่ตรงหน้า พร้อมคำกำชับของพนักงานร้านที่บอกว่า อย่าเพิ่งจับ.... แล้วลุงไฟเออร์ ก็เดินมาขอโทรศัพท์ของเราไปแขวงไว้บริเวณครัว เพื่อที่ว่า เวลาที่ไฟลุก จะได้ใช้กล้องมือถือถ่ายวิดีโอ (แหม...ลุงนี้ สุดยอดจริงๆ วางมุมกล้องให้ด้วย)

เพื่อนๆ คงกำลังงงว่า แล้วไฟมันจะลุกตอนไหน เพราะตอนนี้เราก็ได้ราเมนมาแล้ว ไม่เห็นจะไฟลุกเลย ... ยังค่ะ ยัง เพราะกระบวนการไฟลุกกำลังจะเริ่มขึ้น คุณลุงไฟเออร์ ตั้งเตา พร้อมหมอด้ามขนาดใหญ่ ที่ข้างในน่าจะเป็นซุบและน้ำมันอะไรสักอย่าง (เราเห็นเขาตัก) อีกแป๊บเดียว นาฬิกาปลุกที่ตั้งเวลาไว้ ก็ดังขึ้น แสดงว่าถึงเวลาที่ของในหม้อพร้อมจะแสดงโชว์แล้ว

***กฎเหล็กของราเมนไฟเออร์ ก็คือ ระหว่างที่ไฟลุก ห้ามนำกล้องและมือถือขึ้นมาถ่าย เป็นเรื่องของความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ เพราะไฟมีความร้อนสูงมาก ฉะนั้น เชื่อลุงเขาเถอะ ลุงบอกห้ามร้องโหวกเหวกด้วย 55555 โอเคค่ะลุง

จากนั้นลุงไฟเออร์ ก็เดินถือหม้อด้ามมา แล้วเอื้อมไปกดบันทึกวิดีโอกล้องมือถือของเรา จากนั้นก็บรรจงเทน้ำที่อยู่ในหม้อลงไปในชามราเมนของเรา จากนั้นก็....................พรึ่บบบบ ลูกไฟสีส้มขนาดใหญ่ลุกโชนขึ้นจากชามราเมนเรา ความร้อนถือว่าร้อนจัดจนต้องเบี่ยงหน้าหนี เป็นการเสิร์ฟราเมนที่ตื่นตาตื่นใจมาก ไฟลุกอยู่ในชามประมาณ 5 วินาที ทุกอย่างก็สงบลง พร้อมกันกลิ่นหอมของราเมนซุบไก่ที่ลอยมาเตะจมูก จากนั้นพนักงานร้านก็เดินมาพร้อมกับยื่นอุปกรณ์การกิน จากนั้นราเมนไฟเออร์ชามนี้ก็มานอนแอ้งแม้งอยู่ในท้องเรา ..... อีกแป๊บก็มีคณะนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลประมาณ 6 คนเดินเข้ามา เราเลยได้ดูโชว์ไฟลุกรัวๆ อีก 6 ถ้วยติดๆ กัน ตื่นตาตื่นใจไปอีก .....

ถึงแม้ไม่ได้เที่ยวตามแพลนที่วางไว้ แต่ก็ประทับใจ ราเมนของลุงมากๆ ตื่นเต้น แล้วก็อร่อยเช่นเดียวกัน กับ “ไฟเออร์ราเมน”ค่ะ

* * * * * * * * *

นั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Nipponbashi (สถานีใกล้ที่พัก) แล้วมุ่งหน้าต่อที่ตลาดคุโรม่ง เพราะเรายังไม่ได้มาเดินเที่ยวที่นี่เลย ได้แค่เดินเฉี่ยวๆ ในวันแรก ตอนที่จะมาเอา Osaka Amazing Pass เอาหล่ะ วันนี้จะได้มาเดินชิล ช้อป ชิม ที่นี่อย่างเต็มที่ซะที.....

ประเดิมด้วยร้านแรก ไข่แซลมอนดองประกายวิบวับราคา 500 เยน 1 กล่อง อันนี้เอาไว้กินที่ห้อง เดินไปอีกหน่อย ว้าวววววววว ซาชิมิสีสันสดใสกำลังร้องเรียกให้เราเข้าไปซื้อ เลยจัดไป 1 ชุด ราคา 4,800 เยน มีแซลมอน โอโทโร่ กุ้งหวาน หอยอาคะไก และเนื้อปลาอีกชนิดนึง ไม่รู้จัก แต่อร่อยดี จ่ายเงินแล้วก็ถือเข้าไปนั่งกินด้านในร้าน โคตะระฟิน อร่อยมากๆ ทุกอย่างหวาน และไม่คาว และคำใหญ่ และดี 10 10 10 !! ไปเลยค่ะ ไม่พอ แฟนเราเดินไปซื้อ ปลาไหลย่างเสียบไม้เป็นชิ้นๆ มาอีก (น่าจะเป็นส่วนหางปลาไหล) ราคาถูกมาก ประมาณ 5 ไม้ ไม้ละ 7 ชิ้น ราคา 500 เยน กินแล้วเฉยๆ ก็เลยคิดว่าจะเอากลับไปเวฟที่ห้องแล้วค่อยกิน น่าจะอร่อยกว่า .....

ก่อนกลับ สายตาเราก็เหลือบไปเห็น อุ๊ย! นั่นอะไร 500 เยนอ่ะ ..... นั่นมันหอยเซลยักษ์ย่างนี่นา.... ต้องจัดสิคะ รออะไร รอคิวแป๊บเดียวเราก็ได้มาค่ะ เป็นหอยเซลตัวใหญ่ที่ถูกนำมาย่างแบบสดๆ จากนั้นปรุงรสด้วยโชยุและมิริน (น่าจะใช่) จากนั้นใช้กรรไกรตัดใก้เป้นชินเล็กๆ พอคำ แล้วย่างต่อจนสุก บอกเลยว่าเป็นร้านที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เห็นว่ามัน 500 เยน ก็เลยลองกินดู แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า ....................... มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก เนื้อหอยหวานและหนึบมาก รสชาติกำลังดี ถ้าไม่ติดที่ว่าอิ่มจาก ซาชิมิแล้ว ต้องมีเบิ้ล แต่ตอนนี้อิ่มมาแล้วจริงๆ ถ้ามีโอกาสกลับไปจะไปกินอีกแน่นอน ฮือๆๆๆ อร่อยมากๆ

* * * * * * * * * *

กลับมาถึงห้อง เวลาก็ยังเหลือๆ เลยนึกขึ้นได้ว่า มีอีกหนึ่งอย่างที่เราตามหาร้านมาตั้งแต่วันแรก แต่ก็ไม่เจอ แต่วันนี้เราจะไม่พลาดอีกแล้ว เพราะเราต้องชิมมันให้ได้ นั่นก็คือ ชีสเค้ก ในตำนาน ที่เขาว่ากันว่า อร่อยนุ่มนิ่ม ละมุนเหมือนฝัน นั่นคือ “Rikiro Ojisan Cheesecake” ค่ะ .... พร้อมแล้วไปกันเล้ยย ชีสเค้ก ! ชีสเค้ก ! ชีสเค้ก ! ….

ถึงกับต้องเปิด Google map หาร้านกันเลยทีเดียว และแล้ว ..... และแล้วเราก็มาถึง ปลื้มปริ่มน้ำตาไหล เราหาเจอแล้ววววววว !!! รีบไปต่อแถวเลยกลัวหมดก่อน 555 จากนั้นพนักงานก็ออกมาเดินแจกบัตรคิว แล้วเราก็ได้ยินเสียงกระดิ่งกริ๊งๆๆๆๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่า ชีสเค้ก ร้อนจากเตาอบพร้อมเสิร์ฟแล้ว <3 ….. กลิ่มมันหอม หอมอะไรอย่างนี้ แล้วเนื้อมันก็เด้งดึ๋งมาก อยากกินแล้วๆๆๆ อดใจไว้ก่อน เดี๋ยวเอากลับไปกินที่ห้อง ถือกลับห้องแบบมีความสุขที่สุด (นี่ขนาดเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกินเบเกอรี่นะเนี่ย ยังอดใจไม่ไหว)
***สำหรับใครที่ไม่อยากรอ และไม่ได้มายด์ที่จะต้องกินชีสเค้กแบบที่เพิ่งออกจากเตา ที่ร้านก็มีทางเลือกให้ค่ะ เพื่อนๆสามารถเดินเข้าไปซื้อชีสเค้กที่อบเสร็จตั้งแต่เมื่อ 2 ชม.ที่แล้วได้ คิวสั้นมาก แต่เขาก็คอนเฟิร์มว่า ความอร่อยไม่ลดแน่นอน แต่ด้วยที่ว่าเราต้องการฟิวล์แบบฟังเสียงกระดิ่ง อบใหม่ๆควันฉุยออกมาจากเตาก็เลยขอต่อแถวรอค่ะ

* * * * * * * * * *

กลับมาถึงห้องพัก ก็มารื่นรมกับชีสเค้กในตำนาน คุณพระ! .... ทำไมมันอร่อยจัง ทำไมมันอร่อยกว่าคนอื่นเค้า โอ้ยยยย อร่อยจังวุ้ย!!! คือตอนที่เอานิ้วบิเนื้อชีสเค้กออกมา มันดังเหมือนเราเอามือบัดฟองน้ำ คือเนื้อมันละเอียดมาก พอเอาเข้าปาก มันนุ่มละมุนลิ้น ละลายในปาก แล้วก็หอมชีสมาก ที่เราชอบที่สุดคือ รสชาติเขาทำออกมาหวานไม่มาก เรียกได้ว่า ยิ่งกินยิ่งอร่อย ยิ่งอยากกินอีก นึกขึ้นได้ ในตู้เย็นเราซื้อสตรอเบอรี่ไว้ เอามากินด้วยกันน่าจะดี แล้วมันก็ดีจริงๆ ค่ะ หวานเปรี้ยวกำลังดี หอมทั้งสตรอเบอรี่และชีส นัวในปากมาก555 นี่นั่งพิมพ์ไปนึกแล้วก็ยังอยากกิน ฟินมากๆเลยค่ะ

* * * * * * * * * *

มาต่อวันที่ 5 กันเลยเนอะ 
“Day 5”
ตามแพลนวันนี่เราจะต้องเดินทางไปนารา แต่ว่ามาคิดดู เราอัดการเดินทางแบบเต็มสตรีมมาตั้งแต่วันแรก เที่ยวแบบเต็มที่ จนรู้สึกว่าเหนื่อนเกินไปไหม วันนี้ก็เลยเปลี่ยนแผน ขอไม่ไปนารา แต่ขอเที่ยวอยู่แถวโซนในเมืองก็แล้วกัน ดังนั้น แพลนของวันนี้ก็คือ Umeda – Namba – Shinsaibashi – Dotonbori – Airport เนื่องจากตั้งใจว่าจะเดินทางไปที่สนามบินตั้งแต่วันนี้เลย (กำหนดการเดิม คือ ไปสนามบินพรุ่งนี้เช้า แกลัวไม่ทัน) เราจึงตัดสินใจกับแฟนว่า จะยอมทิ้งที่พักที่นี่ 1 คืน เพราะว่าไม่อยากกุรีกุจอช่วงเช้าพรุ่งนี้ ก็เลยต้องทำการจองโรงแรมใกล้ๆสนามบิน เอาไว้นอนคืนนี้ นั่นคือที่ Hotel Nikko Kansai Airport พอจองเสร็จเรียบร้อย ค่าห้องประมาณเกือบ 5,000 กว่าบาท ซีดเลย แต่ก็ยอมแรกกับความสะดวกที่ไม่ต้องเดินทางไกลแบบรีบๆในช่วงเช้า (กลัวตกเครื่อง) ก็ถือว่าคุ้มค่ะ จากนั้นเราก็ไปเที่ยวตามแพลนใหม่กันต่อเลย ......

* * * * * * * * * *

Umeda (อีกครั้ง) อันนี้มาตามรีเควสของแฟนค่ะ เพราะว่าเขาอยากมาดูรองเท้าที่ร้านในห้าง Hep Five พอมาถึง Umeda ไหงมาโผล่ที่ที่ไม่คุ้นเคย ตรงนี้มันคือตรงไหนกันนะ สงสัยจะออกช่องทางหมายเลขผิด แต่ก็ไม่เป็นไร ขึ้นไปข้างบนแล้วทางมันก็เชื่อมกันอยู่ดี ...... ขึ้นบันไดเลื่อน มาเรื่อยๆ ปรากฎว่า ทางที่เราขึ้นมามันเป็นห้างค่ะ ห้างที่มีชื่อ Yadobashi ศูนย์รวมเครื่องมืออุปกรณ์ไอทีทุกสิ่งทุกอย่างสวรรค์ของแฟนเราเลย มาได้เพราะหลง ก็เข้าทางเลย เดินเพลิน ดูเกมส์ ดูอุปกรณ์ไอที สุดท้าย ได้ลำโพง Google Home mini มา ตัวนี้ไม่เข้าไทย นางเลยดีใจซื้อมาเลยไม่รอช้าในราคา 3,999 เยน เดินเล่นอยู่อีกสักพัก ก็มุ่งหน้าไปที่ Hep Five กันต่อ เพื่อดูรองเท้า แต่ว่ามีให้เลือกน้อยมาก ก็เลยกลับไป Namba ดีกว่า เพราะเราจะเดินเที่ยวย่านนี้ และซื้อของฝากก่อนกลับให้หนำใจ.....

* * * * * * * * * *

มาถึงก็หาของกินก่อนเลย สรุป มากินที่ร้าน Yoshinoya ข้าวหน้าเนื้อแสนอร่อย แถวๆ ย่าน Shinsaibashi เพราะเราตั้งใจว่า พอกินข้าวเสร็จ จะเดินไปที่กระเป๋า anello ที่ช้อปตรง ย่าน Shinsaibashi ค่ะ (จริงๆ แถว Namba-Dotonbori ก็มีหลายร้านที่ขายนะคะ แต่แบบเอาจริงๆ เราไม่แน่ใจว่าของจริงไหม เลยเดินไปซื้อที่ช้อปเลยแล้วกัน สบายใจ)...........ได้กระเป๋ามาสมใจก็ย้อนกลับมาแถว Namba อีกครั้ง เพราะจะต้องเอาของไปเก็บ เพื่อพาตัวเปล่าๆ ออกมาซื้อของฝากที่ร้านดองกี้ อีกที ขากลับก็ผ่านร้าน Pablo Cheesetart ก็ต้องแวะสิคะ ซื้อแบบชึ้นเล็กมา 2 ชิ้น แล้วก็ยืนกินหน้าร้านเลย โอ้วโห้ววววว อร่อยมาก ชีสเต็มๆค่ะ หวานๆ เปรี้ยวนิดๆ เค็มหน่อยๆ รวมกันอย่างลงตัว อร่อยจุงเลย  ปะๆๆ เอาของไปเก็บแล้วออกมาซื้อของฝากกัน

* * * * * * * * * *

มุ่งหน้าไปที่ดองกี้ค่ะ ดีหน่อยมาช่วงเย็นๆ คนไม่ค่อยเยอะ (สงสัยกำลังอยู่ในร้านอาหารกินมื้อเย็นกัน เพราะเคยมาตอนกลางคืนประมาณ 3-4 ทุ่ม คนเยอะ จนต้องล่าถอยไม่ไหวจริงๆ) ก็ได้ของฝากเป็นพวกขนมกับพวกเวชสำอางนิดหน่อย จากนั้นกลับห้องพัก เอาของฝากแพ็คลงกระเป๋าเดินทาง.......แล้วก็ออกมากันอีกรอบ (ใช้เวลาให้คุ้มค่าสุดๆไปเลย 5555)

ทีนี้เป็นการออกมาเพื่อหาของกินค่ะ เราตัดสินใจว่าจะหาของกินแถวๆ สี่แยก Namba โดยการสุ่มร้าน แล้วเราก็เจอร้านที่เราสนใจค่ะ เป็นร้านข้าวหน้าปลาดิบ ที่ราคาโอเคเลย (ร้านจะอยู่เยื้องๆกับร้านมัตสึโมโตะสาขา Namba ค่ะ) เข้าไปในร้านด้วยความหิว จัดข้าวหน้ารวมมาคนละชาม ว้าวววววว พอพนักงานเอามาเสิร์ฟ สีสัน หน้าตาดูน่ากินมากๆ แต่ก็พลาดนิดนึง คือที่โต๊ะ จะมีขวดตั้งอยู่ 2 ขวด ขวดที่ 1 เป็นน้ำสีดำๆ เราก็อนุมานได้ว่า น่าจะเป็นโชยุ ส่วนขวดที่ 2 เป็นน้ำสีดำๆเหมือนกัน แต่เหมือนกับผสมอะไรบางอย่างที่ถูกปั่นจนละเอียด เราเดาไม่ออกจริงๆ ก็เลยหยิบ ขวดที่เป็นโชยุเทราดข้าวแล้วก็กิน ตอนที่กินไปเกือบครึ่งชามแล้ว ปรากฎว่า คนไทยที่เข้ามากินข้าวที่ร้านนี้เหมือนกัน เขาก็พูดขึ้นมาว่า (เขาคุยกันเองในโต๊ะ แล้วเราแอบได้ยิน 5555) ขวดที่เหมือนกับมีอะไรผสมอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือ โชยุผสมวาซาบิ ป๊าดดดดดดด รีบหยิบมาราดแถบไม่ทัน แต่ก็ราดมากไม่ได้ เพราะจะเค็มเกินไป เนื่องจากก่อนหน้าเราราดโชยุแบบเพรียวๆ ไปแล้ว ไม่งั้นนะ จะอร่อยมานี้มากเลย กินกันจนอิ่มแปร้ ก็ต้องบอกเลยว่าถ้าใครอยากกินอาหารรสชาติญี่ปุ่นแบบแท้ๆ ที่นี่เราแนะนำ มันคือข้าวหน้ารวมที่รวมทะเลไว้ในชามแบบเต็มพิกัด เราไม่รู้ว่าคนอื่นมากินจะว่าไงนะ แต่เราว่า มันอร่อยแบบญี่ปุ่น คือไม่ปรุงแต่งอะไรมาก ปลาคือปลา อุนิคือทะเล 5555 อะไรแบบนี้เลย ถือว่าให้ผ่านค่ะ..... เอาหล่ะ อิ่มแล้ว แสดงว่าพร้อมแล้วกับการเดินทางไปที่สนามบินค่ะ….

* * * * * * * * * *

เดินดุ่มๆ กลับที่พัก เก็บกระเป๋าแล้วอำลาห้องพักที่แสนสบาย แล้วก็มุ่งหน้าเดินทางเพื่อไป สนามบินกัน ...... ขึ้นรถไฟ เปลี่ยนสาย ไป มา จนมาถึงที่ สถานี Umeda ซึ่งเป็นสถานีสำหรับเชื่อมโยงสายรถไฟ อ่ะ...เจอแล้ว รถไฟไปสนามบิน เรารีบขึ้นไป นั่งรอสักพัก แล้วรถไปก้เคลื่อนตัวไปตามราง.....

20 นาที ผ่านไป . . . 30 นาที ผ่านไป . . . เอ... ทำไมรถไฟมันวิ่งช้าจัง ช้ากว่าตอนขามามากๆ และที่สำคัญ จอดทุกสถานี สถานีเล็ก สถานีใหญ่ จอดหมด ! เริ่มไม่แน่ใจ ว่าเราขึ้นรถไปถูกขบวนหรือเปล่า จนสุดท้าย คุณพี่พนักงานขับรถไฟ ต้องเดินมาบอกว่า พวกเราต้องเปลี่ยนขบวนที่สถานีนี้ เพื่อขึ้นรถไฟไปที่สนามบินกันต่อ .... คือซึ้งใจมาก ไม่งั้นเราคงนั่งไปเรื่อยๆ แบบเอ๋อๆ ไม่รู้จะไดถึงไหน หรือถึงกี่โมงก็ไม่รู้ ..... 55+

พอเปลี่ยนขบวนรถไปเท่านั้นแหละ..... โอ้วโห้ววววว วิ่งเร็วฉิวเลย นี่สิ รถด่วนที่เราเคยนั่งตอนที่ออกมาจากสนามบิน อุ่นใจ ขึ้นมา ว่ายังไงก็ถึงสนามบันคันไซแน่ๆ

แล้วเราก็มาถึงสถานีสนามบินคันไซ ปะ...ไปเช็คอินที่โรงแรมกัน จากนั้นขึ้นมาเก็บของที่ห้องพัก แล้วก็ตัดสินใจว่า จะเดินลงไปที่สนามบินเพื่อดูเคาเตอร์เช็คอินสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าจะได้ไม่เสียเวลาเดินหา .....

ออกมานอกโรงแรม รู้สึกว่าอากาศหนาวมาก เช็คอุณหภูมิ คุณพระ! 0 องศาละจ้า 55555+ ถึงว่าทำไมมันหนาวขนาดนี้ ..... เดินเข้าไปใน Terminal ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยว ต่างเลือกพื้นที่ม้านั่งจับจองเพื่อนอนพักผ่อน สำหรับคนที่ไม่ได้จองโรงแรมไว้ เดินเล่นแป๊บๆ ก็กลับที่พักดีกว่า เพราะเกือบ 5 ทุ่มแล้ว ก่อนขึ้นห้องแวะ Lawson ซื้อของกินกรุบกริบขึ้นไปลองท้องสักหน่อย เอาหล่ะ รีวิวโรงแรมสั้นๆ ห้อง ดี! ห้องน้ำ ดี! เตียงนอน โคตะระดี! (มีระบบอุ่นที่เตียงด้วยนอนสบายมากกกก เสียดายได้นอนแป๊บเดียว) ภาพรวมของโรงแรม ดี! ฉะนั้น ถ้าใครคิดจะไปพัก มีงบที่พักมากหน่อย ที่นี่โอเคเลยค่ะ สบายแน่นอน ใกล้สนามบินมากๆๆๆๆๆๆๆ ด้วย..... ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว

* * * * * * * * * *

เช้าวันก่อนกลับ เข้าไปเช็คอินที่เคาเตอร์สายการบินเรียบร้อย เลยออกมากินข้าวหน้าเนื้อ ที่อยู่ชั้น 2 ของตึก โรงแรม Nikko ร้านนี้เปิด 24 ชม. ค่ะ อร่อย และถูกดี มีคุณป้าน่ารัก เป็นบริกรค่อยเสิร์ฟอาหารให้เราค่ะ คุณป้าตัวเล็ก แต่คล่องแคล่วมากๆเลย กินกันจนอิ่ม ก็พร้อมเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว . . . 
***เอาเป็นว่า ทริปนี้เต็มไปด้วยความสุข ความหลากหลาย และที่สำคัญความประทับใจ กับการมาประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา เราเชื่อค่ะว่า เราจะมาเที่ยวประเทศนี้อีกแน่นอน แล้วเจอกันค่ะ . . . . . . . . . . . .

OSAKA, Japan <3 
5 – 10 March 2018



เนื้อหาโดย: sonew
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sonew's profile


โพสท์โดย: sonew
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: tuipk
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด ศิษย์หลวงพ่อเนื่องเปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์"ผู้บริหารมาม่าไขปริศนา ยอดขายพุ่งเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือแค่คิดไปเอง?"เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.7" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 25676 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์"น้องธาช่า" ลูกสาว "กิ๊ก สุวัจนี" แจ้งเกิดเต็มตัว! ประเดิมละครเรื่องแรกกับบทบาทสุดปัง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
5 ซีรีส์ Netflix ที่ห้ามพลาดในคืนวันศุกร์นี้!น้ำตกแลงฟอสเซ่น Langfossenถ้ำน้ำแข็งแห่ง Vatnajökull ความงามเหนือจินตนาการกลางธารน้ำแข็งไอซ์แลนด์Canaima : สวรรค์แห่งธรรมชาติในเวเนซุเอลา ที่สุดของความยิ่งใหญ่และงดงาม
ตั้งกระทู้ใหม่