จะได้ฉายในไทยไหม!!?? Ten Years Thailand หน้าตาเมืองไทย 10 ปีข้างหน้า
Ten Years Thailand โครงการภาพยนตร์สั้น 5 เรื่อง
จาก 5 ผู้กำกับไทย โดย เจ้ย-วิศิษฏ์-มะเดี่ยว-อาทิ
Ten Years Thailand
วันที่เข้าฉาย: 13 ธันวาคม 2018
หมวดหมู่: Drama
เรทผู้ชม: TBC
95 นาที
ผู้กำกับ: Aditya Assarat, Wisit Sasanatieng , Chulayarnnon Siriphol, Apichatpong Weerasethakul
ภาพยนตร์เรื่อง Ten Years Thailand เป็นโครงการภาพยนตร์ขนาดยาวที่ประกอบด้วยภาพยนตร์สั้น 4 เรื่องประกบกัน จํากัดความยาวเรื่องละไม่เกิน 20 นาที โดยมีโจทย์กำหนดแบบเปิดกว้าง ตั้งคำถามและความหมายของ ‘อนาคต’ ผ่านมุมมองของผู้กำกับแต่ละคน ทั้งผู้กำกับ ที่มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่รู้จัก นอกจากนั้นยังเปิดพื้นที่สำหรับสนับสนุน คนทำหนังรุ่นใหม่ โดยคัดเลือกผลงานจากผู้กำกับที่มีความโดดเด่น เพื่อผลักดันให้เกิดผลงานขนาดยาวในโอกาสต่อไป
SUNSET by Aditya Assarat
SUNSET เป็นภาพยนตร์ที่เล่าโมงยามน้อยนิด ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างแก่นและแอ๋น หนุ่ม สาวจากต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพ แก่นเป็นพลทหารพนักงานขับรถ ที่ต้องพาหัวหน้าหน่วยเดินทางเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยในสถานที่ที่ได้รับการร้องเรียน วันสุดท้ายที่ทั้งสองจะมีโอกาสพบกัน ในบรรยากาศจัดแสดงผลงาน ศิลปะภาพถ่าย “I laugh so Hard, I cried” ซึ่งเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการศิลปะที่แอ๋นทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้าน และมีหน้าที่ทำความสะอาด แก่น ต้องย้ายไปประจำการที่จังหวัดอื่น และเขาตัดสินใจที่จะบอกความในใจกับเธอ
CATOPIA by Wisit Sasanatieng
CATOPIA เรื่องของโลกยุคดิสโทเปีย เมื่อชายผู้หนึ่งพบว่าตัวเองเป็นมนุษย์คนเดียว ที่หลงเหลืออยู่ และกำลังใช้ชีวิตประจำวันที่แสนปรกติ ท่ามกลางประชากรที่เป็นแมว... แมวพวกนั้นเดินเหิน แต่งกาย พูดคุย และทำทุกอย่างได้เหมือนเป็นมนุษย์ปรกติทุกประการ แมวบางตัวเป็นเพื่อนของเขามาก่อนด้วยซ้ำ พวกมัน ไม่รู้ว่าเขาเป็น มนุษย์เพียงคนเดียว ที่เหลืออยู่ในโลกของแมว เขาจึงต้องทำตัวให้กลมกลืน และถ้าพวกมันจับได้เขาจะถูกกำจัด ทิ้งทันที
PLANETARIUM by Chulayarnon Siriphol
PLANETARIUM เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซีเหนือจริง ที่จำลองการทำงาน ขององค์กรสื่อสารใน 10 ปีข้างหน้า หนังจะพาเราสำรวจความทันสมัย ก้าวไกล ของเทคโนโลยีการสื่อสารแบบ 4.0 ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อทัศนคติและการดำเนินชีวิตของคนในสังคม จนทำให้คนรุ่นใหม่ยินยอมเข้าร่วมทำงานและเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตรวจสอบ โดยมีพลังแสงแห่งความดีชำระล้างความไม่ถูกต้องเพื่อให้คนเป็นคนดี และสังคมสามารถเดินหน้าต่อ ได้อย่างสงบสุข
SONG OF THE CITY by Apichatpong Weerasethakul
SONG OF THE CITY เป็นภาพยนตร์แนวทดลองที่เล่าคู่ขนานระหว่างขั้นตอนคัดเลือกนักแสดง และการบันทึกการถ่ายทำเรื่องราวของเซลล์แมนที่พยายามขายเครื่องที่สามรถทำให้หลับฝันดีและมีความสุข ซึ่งเกิดขึ้นที่สวนสาธารณะในอนุสาวรีย์ใจกลางเมืองจังหวัดขอนแก่น ที่กำลังทำการบูรณะซ่อมแซม ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น เสมือนบันทึกความทรงจำส่วนตัวของผู้กำกับที่มีต่อพื้นที่ที่เติบโต นอกจากนั้นภาพยนตร์ยังบันทึกสรรพเสียงของคนที่อาศัยโดยรอบ เสมือนไดอารี่หรือจดหมายที่รอการกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง
ในทีเซอร์ หนังเปิดมาด้วยคำนี้
ต่อด้วยรูปปั้น ไดโนเสาร์
ตามด้วยคำว่า 10 ปี
มีภาพอนุสาวรีย์.....
กับคำว่า รักสงบ
แต่มีคนตีกัน ประท้วงกัน
เสรี
สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีความขัดแย้ง ผลกระทบจากนโยบายต่างๆ รวมถึงบาดแผลในใจที่สั่งสมมาตลอดช่วงหลายปีหลังของคนไทย นำมาสู่การตั้งคำถามถึงอนาคตประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า จุดประเด็นให้เกิดโปรเจคต์ นี้
10 ปีข้างหน้าเราคาดเดาได้แค่ในหนัง ในความจริงอาจไม่ใช่ มันจะขึ้นอยู่กัยอะไรหลายคน คงรู้ดี ว่าพายเรือในอ่าง นานๆ มาถึงจุดเดิมๆ อีกๆๆๆ มันจะท้อ ว่าไม่ได้ไปไหนเลย มันก็ล่มเอง เพราะเหนือยหลายๆ เรือพังบ้างละ สุดท้ายดีเท่าเดิม??