ร้อนใน แผลในปากที่กวนใจคุณ
ร้อนในคือแผลขนาดเล็กและตื้น มีสีเหลืองหรือขาวล้อมรอบด้วยสีแดง เกิดขึ้นที่เนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากหรือเหงือก บ้างก็พบว่าเกิดขึ้นบริเวณด้านในริมฝีปาก แก้มหรือลิ้น เป็นแผล ทำให้เกิดความเจ็บและรับประทานอาหารหรือพูดคุยได้ลำบาก ซึ่งมันทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างยากลำบาก เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยพบปัญหานี้ วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านได้รู้จักเจ้าร้อนในมากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนใน
สำหรับสาเหตุของแผลร้อนในนั้นยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้อย่างแน่ชัด แต่ทั้งนี้ก็อาจเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมกัน รวมทั้งอาจมีความสัมพันธ์กับปฏิกิริยาภูมิต้านทานของร่างกายด้วย โดยเฉลี่ยแล้วพบว่าคนที่เป็นแผลร้อนในบ่อยประมาณ 30-40% มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย ซึ่งสาเหตุนี้เกิดจากพันธุกรรม ดังนั้นจึงทำให้เชื่อได้ว่าโรคแผลร้อนในสามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม และส่วนใหญ่ก็เกิดอาการขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวกระตุ้น ในขณะที่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่เกิดแผลร้อนในจากสิ่งกระตุ้นจนทำให้มีอาการกำเริบ ได้แก่
1. ความเครียด ความกังวล และความเหนื่อยล้า
2. มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ
3. ใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลทำให้เกิดแผลร้อนใน
4. ทานอาหารร้อนจัด
5. มีอาการแพ้สารบางชนิดที่อยู่ในยาสีฟัน
6. มีภาวะขาดวิตามินและเกลือแร่บางชนิด โดยเฉพาะธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิก และวิตามินบี12
7. แพ้อาหารบางชนิด
8. แพ้สารเคมีที่อยู่ทั้งในสิ่งบริโภคและอุปโภค เช่น น้ำยาบ้วนปาก
การรักษาด้วยตนเอง
แผลร้อนในสามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยในช่องปาก เช่น การแปรงฟันโดยใช้แปรงที่มีขนอ่อนนุ่ม และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด เพื่อให้แผลร้อนในหายได้เร็วขึ้น รวมไปถึงดื่มนม รับประทานโยเกิร์ตหรือไอศกรีม ก็สามารถช่วยลดความเจ็บปวดจากแผลร้อนในได้ หรือจะใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากที่อ่อนๆมากลั้วปากก็ได้
การป้องกันการเป็นร้อนใน
1. การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอก็จะสามารถช่วยลดอาการเจ็บป๋วยได้อยู่แล้ว ซึ่งรวมไปถึงการช่วยลดการเป็นร้อนในอีกด้วย
2. การทานอาหารให้มีประโยชน์ การเป็นร้อนในบางทีอาจเกิดจากการขาดวิตามินบางอย่าง ดังนั้นควรทานอาหารที่มีปรธโยชน์และครบ 5 หมู่
3. แปรงฟันหลังทานอาหารแต่ละมื้อเป็นประจำ หรือใช้ไหมขัดฟันวันละครั้งก็จะสามารถช่วยทำให้ช่องปากสะอาด ไม่มีเศษอาหารหลงเหลือที่อาจไปกระตุ้นทำให้เกิดแผลร้อนใน ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโซเดียม ลอริล ซัลเฟต อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง
4. การพักผ่อนให้เพียงพอ
จบกันไปแล้วสำหรับเจ้าโรคร้อนใน ซึ่งตนผมเองก็ประสบปัญหานี้บ่อยมากจึงอยากจะมาแชร์สิ่งที่พอทราบมาให้ทุกคนได้รู้ หวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้