ประวัติโชกโชน!! 'อ.ตุ๊ก' ยอมมอบตัว งงพบสวมชื่อคนตาย ทีมจัดงานวิ่งแจ้งความเพิ่มถูกหลอกใช้งานไม่ได้ค่าจ้าง
กรณีที่ผู้จัดวิ่งการกุศล แชริตี้ ชลบุรี มาราธอน 2018 มีปัญหาเรื่องเงินที่ได้จากงานวิ่งมอบให้โรงพยาบาลไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ เนื่องจากโรงพยาบาลบูรพา ได้รับเงินเพียง 5 แสนบาท จากยอดขายบัตรที่สูงถึง 6.8 ล้านบาท โดยอ้างว่าหักค่าใช้จ่ายการจัดงานไป 6.4 ล้านบาทนั้น
คืบหน้าช่วงสายวานนี้ (9 พ.ย.) นางสังข์วาล ชลศรานนท์ อายุ 59 ปี แม่ของนายกิตติภัทร ชลศรานนท์ ในฐานะประธานชมรมเดินวิ่งสวนหลวง ร.9 ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านริมทะเล หมู่ 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของอาจารย์ตุ๊ก หรือนายธงชัย เจียรนัย ซึ่งอยู่เบื้องหลังการจัดวิ่ง Charity Chonburi Marathon 2018 and Charity Concert for BUH ที่ถูกนายกิตติภัทร ซัดทอด ว่าชักใยอยู่เบื้องหลัง ได้สร้างความสะเทือนให้โลกโซเชียล เมื่อนักวิ่งไม่มีน้ำดื่ม ล่าสุดมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพาไม่ถึง 1 ล้านบาท
โดยนางสังข์วาล ได้ร่ำไห้ เรียกร้องให้อาจารย์ตุ๊กออกมารับผิดชอบ แต่อาจารย์ตุ๊กได้ซุกตัวอยู่ในบ้าน นอกจากนี้ยังได้เตรียมขนของหนี โดยมีการจ้างรถมาบรรทุก 3 ล้อ มาบรรทุกของซึ่งมีตู้เสื้อผ้า กล่องลังกระดาษที่ห่อมัดไว้กว่า 10 กล่อง แต่อาจารย์ตุ๊กไม่ยอมออกมาแต่อย่างใด มีผู้สูงอายุอยู่ภายในบ้านแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร โดยมีตำรวจ และทหารเฝ้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน เพื่อรอหมายค้นจะเข้าไปควบคุมตัวเชิญอาจารย์ตุ๊ก ไปสอบสวนพูดคุยที่ สภ.เสม็ด
ส่วนทางด้านนายกิตติภัทรได้เดินทางมา สภ.เสม็ด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ อาจารย์ตุ๊ก ออกมารับผิดชอบ นายกิตติภัทรกล่าวว่า ขอร้องให้ออกมา สมาชิกทุกคนที่เอาเงินไปกินไปใช้ ซึ่งตนรู้ว่ามีใครบ้าง กว่า 10 คน ขอร้องให้ออกมาไม่เช่นนั้นสังคมจะตราหน้าทุกคน ตนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และมีหลักฐานทั้งหมด และขอให้ออกมายอมรับทุกคนสุดอั้นแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ที่ผ่านมาตนเองปกป้องมาตลอด
ส่วนนายวินัย พ้นภัยพาล กำนัน ต.เสม็ด ได้เปิดเผยว่า ได้เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.เสม็ด เนื่องจากตนก็เป็นผู้เสียหายเนื่องจากได้บริจาคเงินช่วยการกุศลจำนวน 50,000 บาท ร้านอาหารฟรี 10,000 บาท รวม 60,000 บาท และได้ไปร่วมเปิดงานด้วย ตนจะเอาเรื่องถึงที่สุด และขอให้ผู้ที่ร่วมวิ่งการกุศลออกมาแจ้งความทุกคน ใกล้ที่ไหนก็ไปแจ้งที่นั่น แต่จากการที่ตำรวจตรวจสอบชื่อ-นามสกุล อาจารย์ตุ๊ก หรือนายธงชัย เจียรนัย ทราบว่าไม่มีในสาระบบของทะเบียนราษฏร์และยิ่งกว่านั้นชื่อนางเนียรนิภา เจียรนัย เมียของอาจารย์ตุ๊กนั้น สวมชื่อคนที่เสียชีวิตไปแล้วมาเป็นชื่อของตัวเอง
ทางด้านนางสังข์วาลกล่าวว่า สาเหตุที่ลูกชายต้องรับทุกอย่าง เพราะต้องการทำบุญ อยากจะช่วยเหลือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา ในการซื้อเครื่องมือการแพทย์ ตนก็ได้เตือนว่าอย่าไปยุ่งเรื่องเงิน แต่ลูกชายยืนยันอยากได้เงินทำป้ายเท่านั้นเอง ที่สำคัญตนกลัวลูกติดคุก เพราะมีลูกชายคนเดียวปัจจุบันเก็บของเก่าเลี้ยงชีพ แต่ก็พอใจ ตอนนี้กลัวลูกติดคุก ก็ขอวอนให้ อาจารย์ตุ๊ก ออกมารับผิดชอบชี้แจงต่อสังคมด้วย เวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
จนกระทั่งผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง อาจารย์ตุ๊ก จึงยินยอมออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่่ตำรวจพาไปสอบปากคำ โดยมีข้อแม้ว่าขอให้ผู้สื่อข่าวต้องออกไปจากจุดบริเวณหน้าบ้าน เพื่อไม่ให้บันทึกภาพ โดยมีกำนันวินัย พ้นภัยพาล กำนันตำบลเสม็ด เป็นผู้พยายามเกลี้ยกล่อมจนอาจารย์ตุ๊ก ยินยอมออกมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบพาตัวเข้าไปสอบปากคำยังห้องสืบสวน สภ.เสม็ด หลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าจับตัวอาจารย์ตุ๊กได้ กลุ่มนักวิ่ง นักศึกษาและผู้ที่อยู่ในชมรมเดิน วิ่ง สวนหลวง ร.9 ต่างทะยอยเดินทางมาแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวัน ว่าเคยถูกอาจารย์ตุ๊ก หลอกใช้งานแล้วไม่จ่ายค่าแรง
โดย 1 ในนั้นคือนางจารึก สุดปลอด อายุ 48 ปี ผู้ที่เคยถูกชักชวนมาเป็นเหรัญญิกในชมรม ของอาจารย์ตุ๊ก และรับรู้ว่ามีการโอนเงินเข้าในบัญชีที่อาจารย์ตุ๊ก หลอกให้เปิดโดยใช้ชื่อร่วมกับนายยกิตติภัทร ชลศรานนท์ เป็นเงินจำนวนกว่า 8 ล้านบาท แต่อาจารย์ตุ๊ก ได้ให้ตนและนายกิตติภัทร เซ็นยินยอมให้อาจารย์ตุ๊ก ถือสมุดบัญชี และบัตรเอทีเอ็ม โดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกในการจ่ายค่าต่าง ๆ ในการจัดงาน เมื่อตนเห็นว่าเริ่มที่จะไม่ชอบมาพากล ก็ไปลาออกจากชมรม และมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพราะกลัวว่าจะมีความผิด โดยได้นำเอกสารบัญชีสมุดธนาคารยอดเงินที่ผ่านบัญชีทั้งหมดที่ผ่านมาให้พนักงานสอบสวนดู
และในช่วงเวลา 21.00 น. นายศควรรษ อนันตกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดชลบุรี ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำนายกิตติภัทร พร้อมพูดให้กำลังใจโดยบอกว่าควรที่จะพูดความจริงทั้งหมดออกมาเพื่อให้สังคมได้รับรู้และเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ เพื่อนำคนผิดมาลงโทษ
ต่อมาศาลจังหวัดชลบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับอาจารย์ตุ๊ก โดยให้เหตุผลว่ามีพฤติกรรมที่จะหลบหนี โดยทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว และขณะนำตัวเข้าห้องขังอาจารย์ตุ๊ก พยายามใช้เสื้อคลุมปิดบังใบหน้า ไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกให้เห็นใบหน้าแต่อย่างใด โดยตำรวจได้ตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน ส่วนนายกิตติภัทร ศาลไม่อนุมัติออกหมายจับเนื่องจากที่ผ่านมานายกิตติภัทร ได้เข้ามาให้ถ่อยคำและไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีแต่อย่างใด
สำหรับอาจารย์ตุ๊ก จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยเป็นพนักงานธนาคาร และเคยต้องโทษในคดีกรรโชกทรัพย์ และปัจจุบันถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย และขณะที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมงอาจารย์ ได้ให้การภาคเสธ โดยบอกว่ารายละเอียกหลัก ๆ จะไปให้การในชั้นศาล ส่วนภรรยาที่สวมชื่อคนตายพบว่าได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากการตรวจสอบ เลขบัตรประชาชน 13หลัก ยังพบว่าอาจารย์ตุ๊ก หรือนายธงชัย เจียรนัย เป็นชื่อของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วเท่ากับว่าเป็นการสวมชื่อคนตายนั้นเอง ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่า ที่แท้จริง”อาจารย์ตุ๊ก” เป็นใครกันแน่ ซึ่งล่าสุดมีรายงานแจ้งเข้ามาว่า อ.ตุ๊ก ชื่อจริง คือ นายโชคชัย ก่อการรวด อายุ 62 ปี ทั้งนี้เจ้าหน้ากำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคให้รพ.ดังกล่าว
แหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=ABJ7E0u2OVk
https://board.postjung.com/1109790