ไทยเคยมีแบบนี้ด้วย !! 112 ปี “กรมการนักเลงโต”ดูแลท้องถิ่นที่ใช้ “นักเลง”ปกครอง“โจร”
ปลายรัชกาลที่ 5 นี่เองว่า แท้จริงแล้วหลวงบรรเทาฯ นั้นเป็นหัวหน้าซ่องโจร แม้จะเข้ามาทำหน้าที่รับใช้หลวงก็ยังไม่ทิ้งสันดานโจร ในพื้นที่ที่หลวงบรรเทาฯ ดูแล มีการปล้นฆ่าน้อยก็ด้วยอำนาจบารมีแบบนักเลงโต เพราะ หลวงบรรเทาฯ ก็ยังสั่งลูกน้องในสังกัดของตัวให้ไปอาละวาด ก่อเหตุโจรกรรมในพื้นที่อื่น สุดท้ายเมื่อข้าหลวงชำระความแล้วเห็นแน่ว่า หลวงบรรเทาฯ เป็นหัวหน้าซ่องโจร ก็เลยต้องโทษประหาร กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปพักใหญ่
แล้วรู้หรือไม่ว่า วิธีเลี้ยงโจรไว้จับโจรไม่ใช่ของใหม่ ?
ในสมัยก่อน หัวเมืองไม่มีตำรวจภูธรเป็นเจ้าหน้าที่สำหรับปราบโจรผู้ร้าย เจ้าเมืองต้องหาวิธีในการรักษาความสงบและตรวจจับผู้ร้ายเอง จึงได้เกิดความคิดที่จะเอานักเลงโต ซึ่งมีสมัครพรรคพวกมากมาไว้สำหรับจับโจรผู้ร้าย จึงได้มีการตั้งนักเลงโตเป็นกรมการ โดยส่วนมากพวกนี้จะตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ตามบ้านนอก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดูแลไม่ทั่วถึง กรมการดังกล่าวจึงมักหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
มีตั้งแต่ขอใช้แรงงานราษฎร ไปจนถึงให้พรรคพวกไปลักขโมยหรือปล้นทรัพย์ มาแบ่งผลประโยชน์กัน บางคนฉลาดให้พรรคพวกไปเที่ยวปล้นเฉพาะเมืองอื่น แต่ดูแลเมืองตัวเองดี ก็มี จนสมุหเทศาถิบาลบางคนถึงกับออกปากว่า "วิธีเลี้ยงโจรไว้จับโจรนั้นใช้ไม่ได้" อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งมณฑลเทศาภิบาล มีกรมการอำเภอ และตำรวจภูธรแล้ว วิธีการนี้ก็เลิกไป
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/726502237386172/photos/a.727308097305586/1223894884313569/?type=1&theater
http://www.moi.go.th/portal/page?_pageid=814,1066865,814_1066908&_dad=portal&_schema=PORTAL