ทำไมมนุษย์ถึงกลัวการอยู่คนเดียว?
เราร่ำเรียนกันมาตั้งแต่ยังเด็กว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวหรือทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้ทุกอย่าง ฉะนั้นมนุษย์ทุกคนจึงต้องพึ่งพาสกิลของคนอื่นที่ตัวเองไม่มีอยู่ด้วย
ตั้งแต่เด็กๆ เวลาเราไปโรงเรียนจึงต้องคบหากับเพื่อน ใครไม่มีเพื่อนก็จะถูกมองมาแตกต่างแปลกแยกกว่าคนอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบยามถึงวัยทำงาน ที่อาจโดนข้อหาว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ทำให้โอกาสในการทำงานลดน้อยลงไปอีก ทั้งที่ความจริงแล้วการอยู่คนเดียวสำหรับบางคนคือความสุขที่แท้จริง การได้ทำอะไรคนเดียวอยู่ในโลกส่วนตัวมันช่างมีความสุขมากกว่าการพบปะผู้คนหรือเข้าสังคมเพื่อนฝูงยิ่งนัก
อาจเป็นเพราะสังคมเราทุกวันนี้ใส่หน้ากากกันหลายชั้นมากขึ้น จนเป็นภาระต่อร่างกายที่ต้องแบกรับ การอยู่คนเดียวจึงเปรียบเหมือนการได้ผ่อนคลายต่อสังคมที่น่าอึดอัดไปในตัว
สำหรับใครก็ตามที่คิดแบบนี้ บอกไว้เลยว่าคุณไม่ใช่คนเดียวหรอก ยังมีคนอีกมากมายที่คิดเหมือนกับคุณ อย่างน้อยที่สุดก็คือชาวพันทิปที่อยู่ในกระทู้นี้เป็นต้น
“ตอนสมัยเรียนมหาลัย ผมเคยเห็นเพื่อนหลายคนที่ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน ต้องมารอกันตลอด แต่พอเรียนจบมาทุกคนก็ต่างแยกย้าย ทางใครทางมัน มีบางคนที่ยังติดต่อกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ต้องทำตัวติดกันเป็นกลุ่มเหมือนตอนเรียนอีกแล้ว
พอโตมาทำงานหลายๆ ที่ ก็เห็นว่า มีคนทำงานที่ออฟฟิศบางคน เขาก็อยู่ในคอกคนเดียว ผมก็อยู่ในคอกผมคนเดียว เวลากลับบ้าน บางทีผมก็เห็นเขาก็เดินกลับบ้านกันคนเดียว
โทรศัพท์ของผม ถ้าไม่ใช่เรื่องธุระ หรือช่วงที่มีงานยุ่ง ก็ไม่มีใครโทรมาเท่าไหร่นะครับ ตอนแรกผมคิดว่า ตัวเองแปลกหรือเปล่า แต่พอสังเกตชีวิตคนอื่นจริงๆ หลากหลายชีวิต มันก็มีคนที่ไม่ค่อยมีคนโทรหาเป็นปกติ
เวลาผมไปอยู่กับ ญาติผู้ใหญ่ที่แก่ชรา ก็เห็นแกอยู่คนเดียว ดูทีวีคนเดียว ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ ใช้ชีวิตอะไรของแกไปคนเดียว มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ไม่เห็นว่าแกต้องมาตัดพ้อน้อยใจ เรื่องความเหงา หรือน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่มีคนมารายล้อมเยอะๆ
หรือว่าจริงๆ ที่เราเชื่อว่าเราต้องมีคนคุยด้วย มีคนโทรหา อยู่คนเดียวไม่ได้แล้วมันจะเหงา เป็นสิ่งที่เรามโนกันขึ้นมาเองหรือเปล่าครับ” (จาก จขกท.)
จากกระทู้จะเห็นได้ว่า จขกท. ก็มีความคิดเช่นเดียวกับที่กล่าวไปข้างต้น คือสุดท้ายต่อให้เรามีเพื่อนมากแค่ไหนในวัยเรียน พอถึงวัยทำงานก็ต้องนั่งอยู่ในคอกคนเดียว กลับบ้านคนเดียว โทรศัพท์ก็ไม่มีใครโทรมา ผู้คนรอบตัวจขกท. ก็ตัวคนเดียวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือญาติผู้ใหญ่ที่นั่งดูทีวีคนเดียว ใช้ชีวิตในบั้นปลายคนเดียว ไม่เห็นจะมีใครออกมาตัดพ้อน้อยใจเรื่องนี้เลย และสุดท้ายเขาก็ทิ้งคำถามที่น่าสนใจว่า “การต้องหาคนมาคุยด้วย อยู่คนเดียวไม่ได้เดี๋ยวเหงา แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เรามโนกันขึ้นมาเองหรือเปล่า?”
หลังตั้งกระทู้ไป 5 นาที คห.แรกก็เข้ามาตอบทันที
“ความต้องการของคนเราไม่เหมือนกันค่ะ เราเฉยๆและเราชอบอยู่คนเดียว เบอร์ส่วนตัวแทบไม่ให้ใคร มีแค่ 3-4 คนเท่านั้นที่รู้เบอร์ส่วนตัวของเรา ใครโทรผ่านแชทมาโดยไม่ถามเราก่อน เราถือว่าไม่มีมารยาทค่ะ นอกจากเป็นเรื่องธุระจำเป็นอันนั้นอนุโลมได้
แต่บางคนเขาชอบครึกครื้นเฮฮา เขาชินกับอะไรแบบนั้น เวลาให้อยู่คนเดียวเลยไม่ชิน รู้สึกเหงา”
สิ่งที่คห.1 จะบอกก็คือ คนเรามีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบอยู่คนเดียว บางคนชอบเฮฮากับเพื่อนฝูง ฉะนั้นเราจะเอาความคิดของแต่ละคนมาเทียบกันไม่ได้ แต่ส่วนตัวแล้วคห.1 ก็ชอบอยู่คนเดียวเช่นกัน
“ตอนเป็นเด็ก ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ทำอะไรก็ต้องไปเป็นฝูงเป็นกลุ่มเป็นหมู่เป็นคณะ แต่พอโตขึ้น จิตเริ่มกล้าแข็ง เจนโลก ประสบการณ์มันสอน ให้ต้องต่อสู้ยืนหยัดด้วยลำแข้งตนเอง ไม่มีใครช่วยเราได้ตลอดไป ก็เลยอยู่คนเดียวมากขึ้น”
คห.2 มองว่าประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญกับเรื่องนี้ สมัยเด็กๆเรายังไม่แกร่งพอที่จะอยู่บนโลกนี้ได้คนเดียว แต่นานวันไปสังคม สิ่งแวดล้อม เรื่องราวต่างๆจะหลอมให้เราแกร่งขึ้น จนสามารถอยู่คนเดียวได้นั่นเอง
“มีเพลงฝรั่งเศสเพลงหนึ่ง pour ne pas vivre seul. แปลว่า เพื่อที่จะไม่ต้องอยู่คนเดียว คนเราจึงต้องทำสารพัด ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมาแมว ไปโบถ์ เก็บของที่ระลึก มีเพื่อน แต่งงาน มีลูก”
ไม่ใช่แค่คนไทยหรือคนในยุคปัจจุบันเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกขบคิดกันมานานแล้ว อย่างเช่นที่ฝรั่งเศส ก็มีคนนำไปเล่าเป็นบทเพลงเกี่ยวกับการกลัวเหงาของคนเรา และกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องอยู่คนเดียว คุณคิดว่าจริงไหม?
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม คิดว่าตั้งแต่ยุคโบราณการรวมตัวเป็นกลุ่มปลอดภัยกว่า จากสัตว์ร้ายต่างๆ ดูบ้านคนสิครับ ชอบอยู่รวมๆกัน ติดกันหลายๆหลัง”
คห.5 มองว่ามันเป็นสัญชาตญานการเอาตัวรอดของมนุษย์ในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเมื่อก่อนโลกของเรายังไม่ได้อยู่กันแบบทุกวันนี้ ดังนั้นการอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มจึงรู้สึกปลอดภัยมากกว่าการปลีกตัวไปอยู่คนเดียว
“เล่น social ก็เรียกว่า ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้วครับ”
สำหรับคห.นี้ มองว่าการที่หลายคนบอกว่าชอบอยู่คนเดียว แต่การอยู่คนเดียวแล้วเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นไม่นับ เพราะมันก็เหมือนเป็นการอยู่คนอีกหลายล้านคนในนั้น
พออ่านความเห็นของคห.7 นี้แล้ว ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้อีกอย่างว่า หรือการที่คนเราบอกว่าอยู่คนเดียวได้ไม่เหงา อาจเป็นเพราะเราอยู่ในโลกที่สามารถพกเพื่อนได้มากมายในกระเป๋ากางเกงกันแน่?
แหล่งที่มา: capturez.co