เพื่อนรวยเป็นเศรษฐี! หวังจะไปยืมเงินเพื่อมารักษาพ่อ แต่เพื่อนกลับเลี้ยง “มาม่าต้ม” จากนั้นก็พูดสิ่งที่ทำให้เขาต้องน้ำตาคอ!
เพื่อนรวยเป็นเศรษฐี! หวังจะไปยืมเงินเพื่อมารักษาพ่อ แต่เพื่อนกลับเลี้ยง “มาม่าต้ม” จากนั้นก็พูดสิ่งที่ทำให้เขาต้องน้ำตาคอ!
วันนี้เราได้ไปเจอเรื่องราวจากเว็บไซต์ต่างประเทศ เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วรู้สึกซึ้งใจมากๆ อยู่ดีๆพ่อของอาหวังก็ป่วยหนัก ต้องใช้เงินค่าผ่าตัดก้อนใหญ่ แต่หลังจากอาหวังไปขอหยิบยืมเงินจากฐาติพี่น้องเพื่อนฝูงแล้วก็ยังขาดอีก 2 แสน 5 หมื่น ตั้งแต่เล็กๆ แล้วที่อาหวังและพ่อเป็นทุกอย่างของกันและกัน ทั้งสองสนิทกันมาก ยังไงก็ต้องช่วยพ่อให้ได้
นนั้น อาหวังได้ยินว่าอาโจวเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเปิดบริษัท เงินทุนหนา แม้ว่าทั้งสองจะสนิทกันไม่น้อย แต่หลังจากเรียนจบต่างคนก็ต่างไปทำงาน ไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่เพื่อพ่อ อาหวังก็ยอมทำหน้าหนา เดินทางไปหาอาโจวในเมือง อาหวังหาบริษัทของอาโจวเจออย่างไม่ยากเย็น เมื่อเดินเข้าไปในบริษัท ก็รู้สึกสึกขัดเขิน เพราะตัวบริษัทตกแต่งอย่างมีสไตล์มาก หลังเลขาโทรเข้าไปบอก อาโจวก็ออกจากห้องทำงานมาเจอ และพูดด้วยความยินดี “ไงเพื่อน เป็นไงมาไงนี่”
อาหวังแค่มองก็ดูออกว่าอาโจวร่ำรวย สวมเสื้อสูท รองเท้าหนังมันแผล่บ แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ อาหวังลังเลที่จะพูด : “ไม่มีอะไร เผชิญว่ามาทำงานแถวนี้ ก็เลยแวะมาเยี่ยมน่ะ”
อาโจวรีบบอกให้เลขาเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ทั้งสองเตรียมนั่งลงคุยกัน แต่อาหวังพูดยังไม่ถึงสองประโยค มือถือของอาโจวก็ดังขึ้นไม่หยุด มีสายเข้ามาตลอด อาหวังนั่งรอบนโซฟา รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง อาโจวถือมือถือ พูดจาหัวเราะกับคนในสาย ด้วยเนื้อความที่อาหวังฟังไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไม ยิ่งอาหวังมองอาโจวก็รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า ใช่ หลายปีมานี้ อาโจวก็มีกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาเอง และบางทีสำหรับอาโจวแล้ว อาหวังก็เป็นแค่คนแปลกหน้าไปแล้ว คิดไปคิดมา อาหวังก็เปลี่ยนความตั้งใจ เขาจะไม่ขอยืมเงินอาโจวแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ของอาโจวก็เงียบเสียงลง เขาพูดขอโทษ “ขอโทษนะ มันมีเรื่องเยอะแยะที่เราต้องจัดการด้วยตัวเอง”
อาหวังตอบกลับ “เรารู้ นายยุ่ง…” อาโจวมองอาหวัง “นายไม่ได้มีเรื่องอะไรจริงๆหรอ?” อาหวังพยักหน้า “ไม่มีอะไรจริงๆ นี่ก็เย็นมากแล้ว เราต้องรีบไปขึ้นรถไฟละ” พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน
อาโจวรีบรั้งไว้ “ได้ที่ไหนล่ะ อย่างน้อยก็ต้องกินข้าวด้วยกันสักมื้อก่อนสิ” พูดจบอาโจวก็ยกโทรศัพท์โทรหาเลขา “ไปต้มมาม่ามาถ้วยนึงนะครับ” อาหวังไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “อะไรนะ ไม่เจอกันตั้งหลายปี จะเลี้ยงมาม่า ดูเหมือนว่าเขาจะเดาถูก อาโจวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” เมื่อคิดได้ดังนั้นอาหวังก็นั่งลง แล้วตั้งใจพูดเสียงดัง “ชัวร์ เราจะไปปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนได้ยังไง” แป็ปเดียวเลขาก็ถือชามมาม่าเข้ามา อาโจวก็บอกว่า “กินเลยเพื่อน” อาหวังกินไปก็ตาแดง แต่เขาก็อดทนไว้ พูดเบาๆ “หอมดีนะ” อาหวังกินไป ในขณะที่อาโจวมองเขาไปด้วย เมื่อเห็นว่าอาหวังใกล้จะกินหมด อยู่ดีๆอาโจวก็พูดขึ้นมาว่า “นายอย่าเพิ่งกินหมด ให้เรากินน้ำซุปที่เหลือด้วย” อาหวังนิ่งอึ้งไป พร้อมๆกับที่อาโจวดึงชามมาม่าออกไปจากมือ
อาโจวกินจนหมด ก่อนจะลูบปากพูดว่า “อร่อยมาก” สุดท้าย อาหวังก็อั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไหลพรากออกมา แล้วอาโจวก็พูดว่า “นายจำได้มั้ย ตอนเรียนมหาลัย นายกินมาม่าเป็นมื้อเย็นประจำ ตอนนั้น เรากินข้าวจากโรงอาหารเสร็จแล้ว แต่ก็ยังอยากกิน และชอบแย่งนายกินน้ำซุปก้นชาม แล้วทุกครั้งนายก็จะจงใจเหลือเส้นไว้ให้เราเยอะแยะ ที่เราอยากพูดก็คือ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เราก็ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อนเสมอ ความรู้สึกของพวกเราสองคนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตลอดไป เพราะงั้นถ้านายยังคิดว่าเราเป็นเพื่อน มีเรื่องอะไรลำบากก็ต้องบอกเรา” อาหวังได้ยินก็น้ำตาไหลไม่หยุด!
แหล่งที่มา: deemagna