ไม่อยากหน้าเหี่ยว..ต้องดูแลกันหน่อย
รอยย่นและรอยตีนกานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเมื่ออายุสูงขึ้นรอยย่นจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
ผิวหนังชั้นนอกที่สัมผัสกับฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆนั้นเป็นส่วนที่เซลล์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด และเป็นส่วนที่ตายอยู่ทุกวัน และนั่นคือส่วนที่เป็นขี้ไคล ที่เราถูออกได้ทุกวัน ชั้นที่อยู่ต่ำลงไปจะสร้างเซลล์ขึ้นมาแทนที่ ต่ำจากชั้นผิวหนังเป็นชั้นไขมัน ถัดจากนั้นจึงเป็นพังผืด กล้ามเนื้อ เยื่อหุ้มกระดูก และกระดูก ในไขมันใต้ผิวหนังเป็นชั้นที่มีเส้นประสาท หลอดเลือด ที่ส่งสารต่างๆมาเลี้ยงผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเต่งตึง มีน้ำมีนวล บนผิวหนังยังมีรูเหงื่อมากมาย เหงื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้อุณหภูมิกายคงที่ มีรูที่เส้นขนโผล่ขึ้นมา เส้นขนไวต่อการสัมผัสมากจึงช่วยป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ที่เข้ามาสัมผัสกับผิวหนัง เช่น ของมีคม เมื่อแตะถูกเส้นขนทำให้เรารู้สึกตัว หลบหลีกได้ทันการ ข้าง ๆ เส้นขนมีต่อมน้ำมันซึ่งสร้างน้ำมันชะโลมผิวหนังให้ชุ่มชื้น และทำลายเชื้อโรคบนผิวหนัง ผิวหนังที่ปกคลุมอยู่บนใบหน้า จึงมิใช่มีเพียงทำให้ใบหน้าแลดูสวยงามแจ่มใสเท่านั้น แต่การที่ผิวหนังเต่งตึง ยืดหยุ่นปราศจากรอยย่น ยังเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพที่ดีด้วย
ผิวหนังของใบหน้าที่ถูกลมแดดมากเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยย่นได้ง่าย ผู้ที่ขมวดคิ้ว มุมปากตก ตาละห้อย ย่อมทำให้เกิดรอยตีนกาต่างๆ ตามมุมปากมุมตา และศัตรูที่ร้ายที่สุด ที่ทำให้เกิดรอยย่นเห็นจะเป็นดินสีต่าง ๆ ที่สตรีนิยมพอกอยู่บนใบหน้า
สิ่งที่เกิดจากการพอกเครื่องสำอางที่หนาเกินไป ไม่ว่าครีมรองพื้นหรือแป้งชนิดต่าง ๆ คือ เครื่องสำอางที่มีอณูละเอียด จะไปอุดรูเหงื่อ รูขุมขนต่าง ๆ ทำให้เหงื่อระเหยออกไม่สะดวก อุณหภูมิของใบหน้าจะสูงขึ้น สิ่งสกปรกภายใต้ผิวหนังไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้ ไขมันที่รูขุมขนหลังออกมาไม่ได้ ผลก็คือ ผิวหน้าจะเป็นบ่อเกิดของสิวเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ เกิดการอักเสบเรื้อรังและติดเชื้อจนมีหนองใต้หัวสิว และถ้ายิ่งไปบีบเล่นเชื้อโรคจะกระจายไปทั่วใต้ผิวหนัง ชนิดที่ว่าเห่อเต็มใบหน้าทีเดียว การเกิดการอักเสบบนใบหน้าบ่อย ๆ และเรื้อรัง ทำให้ผิวหนังสูญเสียการยืดหยุ่นและเกิดพังผืดยึดติดกับไขมัน และพังผืดข้างใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบ และเมื่อความยืดหยุ่น ความเต่งตึงเสียไป รอยย่นย่อมเกิดขึ้นเต็มหน้า ผู้ที่ใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ จึงเป็นการทำลายผิวหน้านั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้แก่เกินวัย ในกรณีที่ต้องทำงานภายใต้ลมแดด วิธีป้องกันไม่ยากนัก ให้ใช้ผ้าปิดหน้า ใส่หมวก และใส่แว่นกันแดด ซึ่งชาวไร่ชาวนารู้จักวิธีใช้กันมาแต่ช้านานแล้ว
การชะลอรอยย่นบนใบหน้า ขั้นแรกจึงเป็นการรักษาใบหน้าให้สะอาดสะอ้าน การล้างหน้าถ้าหน้าไม่มันมากไม่ควรใช้สบู่ เพราะสบู่ จะทำลายสภาพความเป็นกรดของใบหน้า ชำระน้ำมันธรรมชาติให้หมดโดยสิ้นเชิง ขั้นที่สองคือ ให้ยิ้มแย้มอยู่เสมอ หลายท่านเข้าใจผิดว่าการยิ้มทำให้เกิดรอยย่นขึ้น ในทางตรงกันข้าม การยิ้มทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและผ่อนคลายสลับกันไป ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงชะลอรอยย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขมวดคิ้ว ทำตัวเป็นคนเจ้าทุกข์ต่างหากที่ทำให้เกิดรอยย่นได้ง่าย เพราะกล้ามเนื้อหดเกร็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ผ่อนคลาย การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแห้งได้
การชะลอรอยย่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแก่ให้ปรากฏขึ้นช้าลง จึงทำได้ง่ายโดยอาศัยหลักการเพียง 2 ข้อ คือ ทำให้ใบหน้าสะอาดโดยใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุด และทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสโดยยิ้มบ่อย ๆ
แหล่งที่มา: http://www.thaihealth.or.th/