"นาวิน ตาร์" เผยชัดให้ภรรยาบริจาคน้ำนม ทำดีต่อไม่สนคนดราม่า
"นาวิน ตาร์" เผยชัดให้ภรรยาบริจาคน้ำนม ทำดีต่อไม่สนคนดราม่า
ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่สังคมกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะคุณแม่ทั้งหลายที่กำลังเลี้ยงลูกในวัยแบเบาะ และต้องรับประทานนมของคุณแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ไฮโซน้ำหวาน พัสวี ภรรยา นาวิน ต้าร์ ได้ทำกิจกรรมร่วมแบ่งปันน้ำนมของตัวเองให้กับคุณแม่รายอื่น ที่ไม่ค่อยมีน้ำนให้กับลูกตัวน้อยของตัวเองซึ่งก็มีแฟนๆ เข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อภายหลังจากเขาได้เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวออกไปก็มีอาจารย์หมอนพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า นมแม่มีคุณประโยชน์สำหรับลูกเรา แต่อาจเป็นอันตรายสำหรับลูกคนอื่นได้ เพราะน้ำนมแม่ถือเป็นชีววัตถุ เช่นเดียวกับเลือด น้ำเหลืองนั้น
ทำให้ทางด้านสาวน้ำหวาน ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวอีกครั้ง พร้อมเผยภาพเด็กทารกที่ได้รับการบริจาคน้ำนมของเธอ หลังคลอดได้ 1 อาทิตย์ ซึ่งตอนนี้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงมาก แถมยังน่ารักเหมือน น้องลูก้า ลูกสาวสุดน่ารักวัย 1 ขวบของเธอเลย โดยสาวน้ำหวาน ยังพูดถึงการบริจาคน้ำนมว่า เธอได้บริจาคน้ำนมและเด็กที่รับการบริจาคต้องรับผ่านคลีนิค และเธอเองก็มีตรวจโรคก่อนการให้บริจาคด้วย คนไทยมีความรู้ สมัยนี้ไม่มีใครโง่โดยเฉพาะคนเป็นแม่ อย่าว่าคนไทยไม่มีความรู้ เราแค่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ เราแค่อยากทำบุญ ไม่มีใครเข้าใจแม่ดีกว่าแม่ แม้จะมีกระแสดราม่าตามมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ล่าสุดน้ำหวานก็ได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ขอบคุณกำลังใจจากทุกคนที่ส่งให้ ขอบคุณเหล่าคุณแม่ที่เชื่อใจและมั่นใจ โดยตนจะเดินหน้าปั๊มน้ำนมบริจาคต่อไป ตนเชื่อว่าด้วยจิตวิญญาณของความเป็นแม่ ต้องมีการศึกษามาอย่างดีแล้ว ถึงตัดสินใจรับบริจาคน้ำนม #ไม่ใช่บ้าดารา ตนรู้สึกแย่มากที่มีคนต่อว่าแม่ที่หาอาหารเพื่อลูกว่าเป็นพวกบ้าดารา พร้อมยืนยันว่าตนเป็นแค่คุณแม่ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
ขณะที่ทางนาวินตาร์ สามีของไฮโซน้ำหวาน ก็โพสต์ข้อความยาว ระบุว่า "อย่างแรก ผมอยากให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของคนที่ริเริ่มโครงการแบ่งปันน้ำนมแม่นะครับ ครอบครัวของเราอาจโชคดีที่มีคุณแม่ที่มีน้ำนมเยอะ ผมอาจโชคดีที่ภรรยาผมเป็นคุณแม่ที่เสียสละยอมทุ่มเทพลังกายและพลังใจเพื่อลูกของผม บอกตามตรงเลยว่าผมเห็นใจภรรยาและรู้สึกอยากแบกภาระนี้แทนด้วยซ้ำ
แต่ทั้งหมดนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าความเจ็บปวดที่มากไปกว่าการไม่มีเงินทองเอาไว้ใช้มันก็คือการที่เราไม่สามารถเลี้ยงดูลูกให้อิ่มท้องเพื่อให้เค้าแค่เจริญเติบโตได้ตามวิถีธรรมชาติของเค้าเองเท่านั้น และทำให้ผมพลอยเห็นใจคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีน้ำนมที่ติดต่อมาทางเราด้วย อย่างที่สอง ผมอยากให้ทราบกันว่าเราริเริ่มโครงการนี้มาด้วยการคิดที่รอบคอบ แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง ทุกครั้งที่มีการบริจาคเราได้มีมาตรการด้านความปลอดภัยโดยการตรวจคัดกรองทั้งในด้านผู้ให้และผู้รับ
โดยแพทย์ของเราที่สถาบันคลีนิคฟิลอก้าก็มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการตรวจเลือดและตรวจสอบภาวะของภูมิแพ้ที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำในการทำงานทุกวันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณหมอของเราไม่ได้ชอบใช้เฟสบุ๊ค ในตอนนี้เราอาจจะกล่าวได้ว่า เราเป็นธนาคารนมเอกชนรายเดียวของประเทศไทยก็เป็นได้ ทางคุณพ่อคุณแม่ที่ติดต่อมาทางเราก็มีหลายท่านที่รู้จักธนาคารนมของรัฐที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ก็ยังเลือกที่จะรับความช่วยเหลือจากเราอยู่ดี อย่างที่สาม ส่วนตัวผมคิดว่าหลายครั้งผมต้องทำหน้าที่หลายอย่างตามที่สังคมมอบหมายให้ทำ ผมไม่ได้ตัดสินใจเองด้วยซ้ำ
ซึ่งไม่ได้โฆษณาให้คุณพ่อคุณแม่ติดต่อเข้ามา แต่ทุกคนเป็นคนติดต่อเข้ามาขอความช่วยเหลือเอง ทางเราเองก็ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด การที่สังคมจะแห่แหนไปทางไหนผมว่าเราโทษใครไม่ได้นะครับ ผมติดตรงคำพูดเหน็บแนมว่าสังคมไทยเป็น “สังคมอุดมดารา” ผมคิดว่าไม่มีสังคมไหนหรอกครับที่ขาดคนที่ดังกว่าคนทั่วไปอยู่หน่อย ผมว่าเรื่องที่สำคัญกว่ามันอยู่ที่ว่าคนดังเหล่านี้มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมจริงหรือเปล่า และก็ไม่แปลกและและไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องผิดที่มีดาราหลายท่านที่อุทิศตนเพื่องานทางด้านสังคมโดยไม่หวังกำไร คนที่วิจารณ์ก็ได้แต่ยุ่งกับการ “พูด” แต่พวกเราแค่กำลังยุ่งอยู่กับการ “ทำ” ก็แค่นั้น ผมรู้และมั่นใจว่ากำลังทำสิ่งที่ถูก แน่ใจมากๆ และสุดท้าย ทางโครงการแบ่งปันนมแม่ อยากจะบอกว่าเรากำลังปรับปรุงให้มีการรับบริจาคนมจากคุณแม่ที่มีน้ำนมเหลือเยอะด้วย นั่นจะเป็นก้าวต่อไปที่เราจะร่วมกันช่วยเหลือแบ่งเบาปัญหานี้ได้โดยการจับคู่แม่ที่เหลือเข้ากับแม่ที่ขาด เราตั้งใจจะทำงานนี้จริงจังโดยถ้าหน่วยงานของรัฐต้องการความช่วยเหลือทางด้านใดเรายินดี"
ซึ่งก็ทั้งข้อความให้กำลังใจจากแฟนคลับ และข้อความวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องความละเอียดอ่อนในการบริจาคน้ำนม โดยเรื่องราวจะมีคืบหน้าในทางการแพทย์อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามกันต่อไป