ความรู้เกี่ยวกับ ชู้ ภาคสอง
__ชู้__
การเป็นชู้นอกจากจะเป็นการผิดศิลธรรมแล้ว ยังมีผลต่อกฎหมายอีกด้วย
วันนี้ ทนายเชียงใหม่จะนำเสนอข้อกฎหมายเกี่ยวกับผลทางด้านกฎหมายมาฝาก ดังนี้
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดผลของการเป็น #ชู้# ไว้ว่า
"มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้..."
จะเห็นได้ว่า การเป็นชู้ทำให้คู้สมรสสามารถฟ้องหย่าได้ แต่ต้องไม่ใช้ฝ่ายที่ก่อเหตุหย่า
โดยได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินไว้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2559 โจทก์บันทึกข้อความหลายตอนลงในสมุดบันทึกที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์มีความรักฉันชู้สาวกับชายอื่น ย่อมทำให้ครอบครัวแตกแยกขาดความปกติสุข อีกฝ่ายหนึ่งต้องมีความทุกข์ทรมาน ถือว่าได้รับความเดือดร้อนเกินควร การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภริยาอย่างร้ายแรง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516
นอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถฟ้อง ชู้ ให้ชดใช้ค่าเสียหายได้อีกด้วย กล่าวคือ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง บัญญัติว่า "สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้"
มีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินไว้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6164/2552 เมื่อโจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 โจทก์ย่อมได้รับสิทธิและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในฐานะภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะไปอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยา ไม่ว่าจะได้อุปการะหรือยกย่องอยู่ก่อนแล้วหรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นเมื่อจำเลยที่ 2 รู้ว่าโจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 แล้ว แต่ยังรับการอุปการะเลี้ยงดูและการยกย่องฉันภริยาอยู่อีกจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะนำคดีมาสู่ศาลเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสองได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต