ชงเอง ถามเอง ตอบเอง! ชา VS กาแฟ อะไรดีต่อใจและไม่ทำร้ายร่างกาย? (ฉบับคนติดเครื่องดื่ม)
สวัสดีครับเพื่อนๆ สายดื่มทั้งหลาย วันนี้ผมขอมาเปิดประเด็นที่หลายคนคงเคยสงสัย นั่นก็คือ ระหว่าง "ชา" กับ "กาแฟ" เนี่ย อะไรมันดีต่อสุขภาพและไม่ทำร้ายร่างกายเรามากเกินไป? เพราะผมเชื่อว่าหลายคนก็คงติดเครื่องดื่มพวกนี้เหมือนกัน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่จะดื่มยังไงให้มันพอดีๆ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว วันนี้เรามาหาคำตอบกัน!
เปิดศึก! ชา VS กาแฟ ใครดีใครอยู่?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทั้งชาและกาแฟต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเน้นอะไรและร่างกายเราตอบสนองต่อเครื่องดื่มนั้นๆ อย่างไร
ฝั่ง "กาแฟ"
- ข้อดี:
- บูสต์พลังงาน: แน่นอนว่ากาแฟขึ้นชื่อเรื่องคาเฟอีน ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสดชื่นในตอนเช้า หรือช่วงบ่ายที่ง่วงๆ
- เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย: คาเฟอีนในกาแฟช่วยเพิ่มความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดความเสี่ยงโรคบางชนิด: มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าการดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคตับ
- ข้อเสีย:
- ใจสั่น นอนไม่หลับ: สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับคาเฟอีน หรือได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจมีอาการใจสั่น มือสั่น นอนไม่หลับ หรือกระวนกระวาย
- ติดคาเฟอีน: การดื่มกาแฟเป็นประจำอาจทำให้ร่างกายติดคาเฟอีน ทำให้ต้องดื่มในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม
- กรดในกระเพาะอาหาร: กาแฟมีความเป็นกรด อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรืออาหารไม่ย่อยในบางคน
ฝั่ง "ชา"
- ข้อดี:
- สารต้านอนุมูลอิสระสูง: ชามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
- ผ่อนคลาย: ชาบางชนิด เช่น ชาคาโมมายล์ ชาลาเวนเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
- ดีต่อระบบย่อยอาหาร: ชาบางชนิด เช่น ชาเปปเปอร์มินต์ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยในการย่อยอาหาร
- ข้อเสีย:
- คาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ: ถึงแม้ชาจะมีคาเฟอีน แต่มีปริมาณน้อยกว่ากาแฟ ทำให้การกระตุ้นร่างกายอาจไม่รวดเร็วเท่า
- แทนนิน: ชามีสารแทนนิน ซึ่งอาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาร่วมกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
แล้วอะไรดีกว่ากัน?
จริงๆ แล้วไม่มีคำตอบตายตัวว่าชาหรือกาแฟดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความชอบและสภาพร่างกายของแต่ละคน ถ้าคุณต้องการความตื่นตัวแบบเร่งด่วน กาแฟอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าคุณต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลายและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ชาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เคล็ดลับการดื่มแบบไม่ทำร้ายร่างกาย:
- ปริมาณที่เหมาะสม: ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 2-3 แก้ว และชาไม่ควรเกินวันละ 4-5 แก้ว
- หลีกเลี่ยงการดื่มช่วงเย็น: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและชาในช่วงเย็น เพื่อป้องกันปัญหาการนอนหลับ
- ไม่เติมน้ำตาลมากเกินไป: การเติมน้ำตาลในปริมาณมากจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่และส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- เลือกชาคุณภาพดี: ควรเลือกชาที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน
- สังเกตร่างกายตัวเอง: สังเกตว่าร่างกายเราตอบสนองต่อชาและกาแฟอย่างไร และปรับปริมาณการดื่มให้เหมาะสม
แหล่งที่มาของข้อมูล:
- บทความจากเว็บไซต์ Hello Khunmor เรื่อง "ประโยชน์ ชา vs กาแฟ เลือกดื่มอะไรดีต่อสุขภาพ"
- บทความจากเว็บไซต์ Sanook.com เรื่อง "กาแฟ vs ชาเขียว อยากได้คาเฟอีน ดื่มอะไรดีต่อสุขภาพมากกว่า" (https://www.sanook.com/health/35893/)
- บทความจากเว็บไซต์ Bangkok Bank SME เรื่อง "ชา หรือ กาแฟ ไหนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่ากัน" (https://www.bangkokbanksme.com/en/tea-or-coffee-better-your-health)
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ ดื่มอย่างพอดี มีสติ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะครับ!