นักท่องเที่ยวติดฝนกลางป่า โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ ตำรวจเร่งค้นหาสุดท้ายคดีพลิกหัวทิ่ม พีคในพีค
ผมกับแฟน และก็เพื่อนกับแฟนเพื่อน
พากันไปเที่ยวป่าแห่งหนึ่ง กะไว้ว่าจะเดินเที่ยวลัดเลาะกันไปตามตีเขา
แล้วก็กลับลงมา กางเต็นท์พักกันสักคืน
หลังจากเราเดินเท้าเข้ามาในป่าได้สักระยะหนึ่ง
ก็ถึงตีนเขา ที่เริ่มมีต้นไม้ใหญ่ หนาตามากขึ้น
พอเข้าไปในป่าได้ไม่ไกลมาก แม้จะยังเป็นช่วงเช้าอยู่
แต่ว่าบรรยากาศก็เริ่มมืดครึ้ม คล้ายๆฝนจะตก
ทำให้พวกเราเริ่มกังวลกัน
ระหว่างทางที่เราเดินทางเข้ามา ก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เขาแห่งนี้พอสมควร
แต่ทางที่เราพากันเดินมา รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครเดินเท่าไหร่
บรรยากาศที่ดูคล้ายมีเมฆหมอก เวลาสูดลมหายใจเข้าไปแรงๆ ได้กลิ่นไอฝนจางๆ
พลอยทำให้รู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่า ที่จะเดินทางผจญภัยไปในป่า ดูแมกไม้นานาพันธุ์
สองข้างทางที่เราเดินผ่าน นอกจากมีดอกไม้แล้วยังมีมอสเขียวๆที่จับตามต้นไม้
จนดูเป็นกำมะหยี่ น่าหลงไหล
เราเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันแปลกตาเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
จนลืมเวลาว่านานเท่าไหร่ เพราะอากาศวันนี้ไม่ร้อน จนทำให้เราแทบไม่รู้สึกเหนื่อยกัน
แต่แล้วสิ่งที่เรากังวัลก็เกิดขึ้น สักพักฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา
ผมกับแฟนรีบมองหาที่หลบฝนกัน
เพื่อนก็วิ่งนำหน้าผมไปพร้อมกับแฟนเขา
วิ่งไปได้สักพัก เราก็ไปเจอ กับกระท่อม เล็กๆ หลังหนึ่ง
พอวิ่งเข้าไป ก็ปรากฏว่า มันเป็นกระท่องร้าง ไม่มีใครอยู่
เราต่างพากันวิ่งเข้าไปข้างในกระท่อมนั้นโดยไม่ได้คิดอะไร
เข้าไปข้างในได้ สภาพข้างใน ที่พื้น เป็นพื้นดิน
ด้านข้างมีกองฟืน และเศษไม้เป็นท่อนๆ มีกระสอบปูอยู่กับพื้น
ตรงกลางมี เศษขี้เถ้าพร้อมกับหินก้อนใหญ่สามก้อนวางเป็นเหมือนขาเตา
สำหรับวางหม้อ
ผนังด้านข้างทั้งสี่ด้าน เป็นผนังที่ทำจากใบไม้แห้ง ใบใหญ่ ๆ
หลังคามุงด้วยจาก มองไปรอบๆ บนหลังคา มีใยแมงมุมน้อยใหญ่ ประปราย
มีหน้าต่างทำด้วยจาก ที่ใช้ไม้ค้ำยันเวลาเปิด
เราต่างพากันจับจองหาที่นั่ง เป็นของตัวเอง
เอาท่อนไม้มารองนั่งบ้าง เอากระสอบมานั่งบ้าง
โชคดีที่เข้ามาทัน เพราะฝนเริ่มตกหนักขึ้น จนเริ่มมีน้ำฝนรั่วลงมาหลายจุด
นั่งอยู่ไม่นาน อยู่ๆก็มีคนวิ่งเข้ามาในกระท่อมอีก สองคน
เป็นชายหญิงวัยกลางคน
พวกเราก็เลยขยับขยับกันให้เขาเข้ามานั่งหลบฝนด้วย
เราไม่ได้ถามไถ่ชื่อหรือแนะนำตัวอะไรกัน แต่ก็คุยกันเปรยๆกันไปตามประสา
ผู้ชายที่เข้ามาเขาก็หันมาพูดกับผมว่า
ดูท่าทางจะตกนานเนาะ ตกแรงเลย
ผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็บอกว่า ครับ
ตอนนั้นฝนตกเสียงดัง ก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครคุยอะไรกัน
นานพอสมควร ฝนก็เริ่มปรอยๆ
อยู่ๆเพื่อนก็เอาท่อนไม้มาจุดตรงที่มีขี้เถ้า
พอก่อไฟติด
ทุกคนก็เริ่มมานั่งผิงไฟกัน
พอเริ่มนั่งล้อมวงกันได้ ก็เริ่มมีการแนะนำตัวให้รู้จักกัน
ก็เลยทราบว่า ชายหญิงทั้งสอง เขาเป็นสามีภรรยากัน
ก็มีใจรักด้านมาเที่ยวป่าเหมือนกัน
พอเริ่มคุยกันจนพอรู้จักอัธยาศัยกันแล้ว
พี่ผู้ชายคนนั้น แกก็เลยชวนกินกาแฟกัน
ว่าแล้วแกก็เอาหม้อต้มกาแฟออกมา พร้อมกับ ผงกาแฟและน้ำตาล
ไม่นานเราก็มีกาแฟกินกันคนละแก้ว
เวลาตอนนั้นน่าจะสักช่วงบ่ายๆได้ แต่ว่า ท้องฟ้ามันมืดครึ้ม
บวกกับฝนลงเม็ดปรอยๆ ก็เลยทำให้บรรยากาศมันดูเหมือนมืดๆ
พอคุยกันไปได้พักหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าจะหมดเรื่องจะคุยกัน
จนทุกคนก็ได้แต่นั่งจิบกาแฟ อยู่เงียบๆ
เพื่อนผมมันก็เลยเสนอว่า
เรามาเล่าเรื่องอะไร ที่มันสยองสยองกันไหม
แฟนผมกับแฟนเพื่อนก็ทำหน้า เหมือนกะว่า ยี้ ไม่เอา หรอก ประมาณนั้น
แต่เพื่อนก็บอกว่า น่าตื่นเต้นดีนะ เข้าบรรยากาศ
แฟนเพื่อนก็เลย เอ็ดเพื่อนไปว่า บ้าหรือในป่าในเขา ใครเขาให้พูดถึงเรื่องแบบนั้น
แต่พี่คนที่มาใหม่ แกก็พูดขึ้นว่า
ได้ซิ ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ว่าแต่ว่า ใครจะเริ่มเล่าก่อนหละ
เพื่อนผมก็เลย บอกว่า เชิญพี่ก่อนดีกว่า พี่อาวุโส สุด
พี่คนนั้นก็หัวเราะ
อืม แต่ไม่รู้ว่าเรื่องของผมมันจะสยองหรือเปล่านะ
เป็นเรื่องเล่ามาอีกทีหนึ่ง
แล้วแกก็เริ่มเล่าให้พวกเราฟัง
โปรดติดตามตอนต่อไป