ผ่าตัดแปลงเพศ (หญิงเป็นชาย)
แปลงเพศ จากหญิงเป็นชาย
การ ผ่าตัดแปลงเพศ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย นอกจากการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงที่ทำกันจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว การ ผ่าตัดแปลงเพศ จากหญิงเป็นชาย ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและยังได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้นด้วย
ปัจจุบัน การ ผ่าตัดแปลงเพศ จากหญิงเป็นชาย เป็นการผ่าตัดที่มีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าขึ้นมาก สามารถทำการผ่าตัดได้ผลดี และได้อวัยวะเพศชายใกล้เคียงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ
เกณฑ์พิจารณาในการ ผ่าตัดแปลงเพศ
การตรวจสอบสภาพทางจิตใจของผู้ที่ต้องการ ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพื่อใช้เป็นข้อตัดสินว่าผู้ที่ต้องการแปลงเพศมีความเหมาะสมที่จะผ่าตัดหรือไม่ เนื่องจากเมื่อ ผ่าตัดแปลงเพศ ไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับคืนสภาพเดิมได้อีก
โดยทั่วไป ตามกฎหมายไทยจะกำหนดให้จิตแพทย์ 2 ท่าน ทำการตรวจและวินิจฉัยและออกใบรับรองผ่าตัดให้กับผู้ที่ต้องการผ่าตัดในกรณีที่เห็นว่าการ ผ่าตัดแปลงเพศ จะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดแล้วจึงส่งต่อให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดทำการรักษาต่อไป
สำหรับความพร้อมที่จะต้องนำมาประกอบการพิจารณาความเหมาะสมในการ แปลงเพศหญิงเป็นชาย ประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- มีความรู้สึกอยากเป็นชายตั้งแต่จำความได้
- เคยใช้ชีวิตเป็นชายอย่างสมบูรณ์อย่างมีความสุขและไม่มีความกดดันใดๆ รวมทั้งได้รับการยอมรับจากบุคคลรอบข้างเป็นอย่างดี
- ได้ใช้ชีวิตแบบชายติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 1 ปีขึ้นไป อย่างเต็มเวลา
- ได้รับฮอร์โมนเพศชายมามากกว่า 1 ปี ในรายที่ต้องการผ่าตัดอวัยวะเพศหญิงที่สำคัญ เช่น ตัดมดลูก, รังไข่
- ได้รับการประเมินจากจิตแพทย์แล้วอย่างน้อย 2 ท่าน และไม่มีข้อห้ามใด ๆ ต่อการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
หลังจากผ่านหัวข้อต่าง ๆ ข้างต้นและพร้อมที่จะรับการ ผ่าตัดแปลงเพศ แล้ว ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดมีความจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดโดยมีหัวข้อที่สำคัญที่ต้องพิจารณาได้แก่
- ต้องมีอายุอย่างน้อย 20 ปีบริบูรณ์ แต่หากมีอายุน้อยกว่านั้นมีความจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองจากผู้ปกครองเพื่อยินยอมการผ่าตัดทุกราย
- ควรได้รับการตรวจร่างกายและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด และชัดเจน เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายและแก้ไขโรคที่ตรวจพบก่อนการผ่าตัด
- ควรหยุดฮอร์โมนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด และหยุดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 เดือน และในกรณีที่ต้องการรับการผ่าตัดขั้นที่ 2 และ 3 จำเป็นต้องหยุดการสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด 100%
- ในกรณีที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาอื่นใดมาก่อน รวมทั้งอาหารเสริม มีความจำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อรับคำแนะนำเรื่องการหยุดยา หรือเปลี่ยนยาให้เหมาะสมหรือต้องรับการรักษาก่อนการผ่าตัด
- ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- การผ่าตัดในขั้นที่ 3 มีความจำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาลก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 1-2 วันเพื่อเตรียมพร้อมการผ่าตัด เช่น การล้างลำไส้ การตรวจสุขภาพ การเตรียมเลือดก่อนการผ่าตัด การจองห้องผ่าตัด การเตรียมทีมผ่าตัด เป็นต้น
ขั้นตอนในการผ่าตัด แปลงเพศหญิงเป็นชาย
การ ผ่าตัดแปลงเพศ จากหญิงเป็นชายประกอบด้วยการผ่าตัด 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : การผ่าตัดเอาเต้านมออก ร่วมกับการตัดมดลูกและรังไข่ออก (คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
ขั้นตอนที่ 2 : การผ่าตัดปิดช่องคลอดร่วมกับการยืดท่อปัสสาวะ การสร้างท่อปัสสาวะที่ท้องแขนโดยใช้ผิวหนังบริเวณสะโพก (คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
ขั้นตอนที่ 3 : การผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศด้วยเนื้อเยื่อที่ท้องแขนและสร้างถุงอัณฑะโดยใช้เนื้อเยื่อจากแคมใหญ่ (คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
การผ่าตัดเป็นหลายขั้นข้างต้น เป็นการผ่าตัดที่ได้ผลค่อนข้างดีเนื่องจากผู้เข้ารับการผ่าตัดมีเวลาเตรียมตัวและเตรียมเนื้อเยื่อให้หายสนิทก่อนการผ่าตัดขั้นต่อไป และยังสามารถเลือกการผ่าตัดได้ด้วยตนเองว่าจะเปลี่ยนแปลงร่างกายไปมากน้อยเพียงใด เนื่องจากผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละรายมีความต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายเป็นชายไม่เหมือนกัน บางรายต้องการเปลี่ยนเฉพาะบางส่วนเท่านั้นก็มีความพอใจแล้ว แต่บางรายต้องการเปลี่ยนแปลงแบบสมบูรณ์ทุกอวัยวะก็สามารถจะเลือกได้ แต่ละขั้นตอนตั้งแต่ขั้นที่ 1 ถึง 3 จะทิ้งช่วงเวลาประมาณ 3-6 เดือน
การ ผ่าตัดแปลงเพศ นั้นเป็นการผ่าตัดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตให้สมบูรณ์ตามที่ผู้ป่วยต้องการ แต่ทั้งนี้ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีความสุขหลังแปลงเพศได้เมื่อผลการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงร่างกายและอวัยวะต่างๆ ที่ได้นั้นมีความสมบูรณ์และเป็นธรรมชาติ ปราศจากผลข้างเคียงที่รุนแรง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อได้รับการรักษาจากทีมแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์เพียงพอ รวมทั้งมีทีมดูแลผู้ป่วย ทีมพยาบาล ทีมแพทย์สาขาต่าง ๆ ช่วยเหลือ และโรงพยาบาลมีเครื่องมือที่ทันสมัย
โรงพยาบาลยันฮีได้จัดให้มีทีมพยาบาลพิเศษประจำตัวผู้ป่วยทุกรายที่เลือกรับการ ผ่าตัดแปลงเพศ ในโรงพยาบาล โดยเป็นทีมพยาบาลที่ผ่านการอบรมและมีความรู้เฉพาะในการดูแล (Nurse coordinator team) เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัด และให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยในปัญหาต่างๆ ทั้งนี้โดยหวังให้ผู้ป่วยประสบผลสำเร็จในการรับการ ผ่าตัดแปลงเพศ และสามารถใช้ชีวิตหลังการรักษาได้อย่างสมบูรณ์ทั้งกายและใจ