หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ถั่วลันเตา สรรพคุณมีอะไรบ้าง ทำอะไรกินได้บ้าง แคลอรีเยอะแค่ไหน

โพสท์โดย มารคัส

สมาชิกถั่วรายสุดท้ายที่อยากจะมาแนะนำวันนี้ หลายคนอาจจะรู้จักดีแล้วกับถั่วลันเตาซึ่งมักเป็นถั่วที่อยู่คู่เมนูอาหารสำคัญๆหลายรายการไม่ว่าจะเป็นซี่โครงหมูทอดราดน้ำถั่วลันเตา หรือนำไปผัดกับสี่สหายในรายการข้าวผัด ก่อนที่จะมาคุยกันว่ามีเมนูอะไรบ้าง มาทำความรู้จักกับสรรพคุณของถั่วชนิดนี้กันก่อนดีกว่า

ถั่วลันเตา (Pea/Green pea) เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่วที่นิยมนำส่วนต่างๆมาบริโภค อาทิ ฝักอ่อน ยอดอ่อน เมล็ดสด และเมล็ดแห้ง โดยเฉพาะฝักอ่อนที่นิยมปลูกเพื่อนำมาปรุงอาหาร และเมล็ดถั่วแห้งที่แปรรูปเป็นถั่วคั่ว และแป้งจากถั่ว

• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pisum sativum
• ชื่อสามัญ :
– Sugar bean
– Pea
– Sweet pea
– Garden pea
– Green pea

ถั่วลันเตา มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา แพร่เข้ามาในแถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียน และเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเชื่อว่าถั่วลันเตาการผสมข้ามพันธุ์ของพืชตระกูลถั่ว 2 ชนิด คือ Pisum arvense และ Pisum elatius Steven

มีการบันทึกการเพาะปลูกถั่วลันเตา เริ่มแรกในแถบเอเชียตะวันตก และทวีปยุโรป และแพร่เข้าสู่แถบเมดิเตอร์เรเนียน และเอเชีย ได้แก่ อินเดีย และจีน ผ่านทางธิเบตในศตวรรษที่ 7 และแพร่เข้าสู่แถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงต่อมา

คำว่า ถั่วลันเตา สันนิษฐานว่า เมื่อครั้งประเทศจีนที่มีการนำเข้าถั่วลันเตาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ คนจีนเรียกถั่วนี้ว่า “ฮอลแลนด์เตา” หรือ “ฮอลลันเตา” ซึ่งคำว่า “เตา”  ภาษาจีนแปลว่า “ถั่ว” และมีการใช้คำนี้มากในหมู่คนจีนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย จนผสมคำ และเรียกว่า “ถั่วลันเตา” (เริงชัย, 2536)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ลำต้น
ถั่วลันเตามีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ที่มีลำต้นหลัก และแตกกิ่งสาขาตามข้อของลำต้น ลำต้นหลักสามารถยาวได้มากกว่า 2 เมตร

2. ใบ
ใบถั่วลันเตาเป็นใบประกอบ มีก้านใบหลักแทงออกบริเวณข้อของลำต้น ประกอบด้วยหูใบ 1 คู่ มีลักษณะเรียบหรือหยักลึก โดยมีใบย่อยออกเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีสีเขียว โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ มีขนขนาดเล็ก มีเส้นใบชัดเจน

3. ดอก
ดอกถั่วลันเตาออกเป็นช่อ ช่อละ 1-3 ดอก แทงออกบริเวณระหว่างโคนใบของข้อในลำต้น พันธุ์ที่ออกดอกเร็วจะออกดอกแรกบริเวณข้อที่ 5-11 ส่วนพันธุ์ที่ออกดอกช้าจะออกบริเวณข้อที่ 13-15 ดอกที่พบมี 2 สี คือ สีขาว และสีม่วง ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และกลีบดอก 3 กลีบ คือ
– กลีบดอก Standard เป็นกลีบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ด้านบนสุดของดอก ดอกตูมที่ยังไม่บานจะมีกลีบดอกชนิดนี้ห่อหุ้มดอกทั้งหมด แต่เมื่อดอกบาน กลีบหุ้มนี้จะคลี่ออก และปลายกลีบโค้งออกด้านหลัง
– กลีบดอก Wing เป็นกลีบดอกที่มีขนาดเล็กรองลงมา ประกอบด้วย 2 กลีบ อยู่ด้านข้างดอก
– กลีบดอก Keel เป็นกลีบดอกเรียวยาวคล้ายหลอด อยู่บริเวณด้านในสุด ทำหน้าที่ห่อหุ้มเกสร เกสรประกอบด้วยเกสรเพศผู้ 10 เส้น โดย 9 เส้น เรียงล้อมรอบรังไข่ ส่วนอีก 1 เส้น มีขนาดสั้นกว่า จะแยกตัวอยู่อิสระ ส่วนเกสรเพศเมียจะอยู่ตรงกลางสุดของดอกที่เป็นรังไข่แบนยาว สีเขียว ก้านชูเกสรโค้งยาว

4. ฝัก และเมล็ด
ฝักถั่วลันเตาอ่อนมีลักษณะสีเขียว แบนเรียบ แต่จะนูนเฉพาะบริเวณของเมล็ด เมื่อฝักโตจะมีลักษณะอวบนูนทั้งฝัก มองไม่เห็นส่วนของเมล็ด ฝักจะโค้งคล้ายดาบ เมล็ดภายในฝักมีประมาณ 5-7 เมล็ด ขึ้นอยู่กับพันธุ์

 

ถั่วลันเตา มีสรรพคุณเพื่อดวงตาและผิวพรรณที่สดใส

ถั่วลันเตาจัดเป็นผักที่ให้แคลอรี่น้อยมาก โดยพบว่าเพียง 1 ขีดของถั่วลันเตาให้พลังงานเพียง 45-50 กิโลแคลอรี่เท่านั้น อีกทั้งเป็นแหล่งของวิตามินเอที่สำคัญและกลุ่มเบตาแคโรทีน ดังนั้นการบริโภคถั่วลันเตาจะมีส่วนช่วยให้ดวงตาของคุณสดใส ดังนั้นหากใครทำงานที่ต้องใช้สายตามากๆนอกจากจะบริโภคผักบุ้งแล้ว ผักชนิดนี้ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกด้วย นอกจากสรรพคุณในด้านบำรุงสายตาแล้ว ในด้านผิวพรรณ ยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย และส่งเสริมผิวพรรณอีกด้วย

ถั่วลันเตาช่วยบำรุงระบบประสาทและกระดูกของร่างกาย

นอกจากวิตามินเอแล้ว ยังเป็นแหล่งของวิตามิน B1 ซึ่งในถั่วลันเตา 100 กรัมจะมีไทอะมีนอยู่มากถึงร้อยละ 60 ของความต้องการร่างกาย ซึ่งวิตามิน B1 นี้มีส่วนช่วยการทำงานของระบบประสาทอีกด้วย ดังนั้นใครที่ทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดบ่อยๆ การรับประทานผักนี้จะช่วยบรรเทาภาวะความเครียดหรือระบบประสาทได้ นอกจากนี้ทราบหรือไม่ว่าในถั่วลันเตามีปริมาณแคลเซียมอยู่มาก ซึ่งจะมีผลสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันในร่างกาย

ความสำคัญอีกประการคือ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้เนื่องจากมีปริมาณไฟเบอร์อยู่มาก ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มกากใยอาหารและลดการสะสมของเสียในลำไส้จนนำไปสู่การลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาที่ระบุว่าถั่วลันเตานั้นอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินซี โฟเลต สิ่งสำคัญทั้งหมดนี้จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญและเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งในร่างกายอีกด้วย

คลิปจาก จินตนาการความรู้

ถั่วลันเตา สามารถทำเมนูอะไรอร่อยๆได้บ้าง

สำหรับเมนูอาหารคลีนจากถั่วลันเตาหลายคนอาจจะยังถึงไม่ออก แต่สำหรับเด็กๆแล้วเมนูข้าวผัดสามสี ที่มีส่วนผสมของแครอท ข้าวโพดอ่อน และถั่วลันเตาผัดกับข้าวร้อนๆน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนพอคุ้นชินบ้าง หรือในบางคนที่เป็นคออาหารจีนอาจจะนึกออกว่าถั่วลันเตาเป็นอาหารที่เสริมรสชาติได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทอดซี่โครงหมูและราดน้ำเกรวี่ที่มีถั่วลันเตาผสมอยู่ในนั้นลงบนหมูทอดร้อนๆ เท่านี้ก็จะได้รสชาติหวานของถั่วลันเตาผสมกับความเข้มข้นของหมูทอดแล้ว เพียงแค่สองเมนูนี้ก็คงพอจินตนาการออกว่าอาหารที่ประกอบด้วยถั่วลันเตาจะอร่อยและหอมน่ารับประทานเพียงใด

ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการบริโภคถั่วลันเตาที่คอสุขภาพไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วลันเตา (100 กรัม)
– พลังงาน : 52 กิโลแคลอรี่
– ใยอาหาร : 3.3 กรัม
– โปรตีน : 4.3 กรัม
– ไขมัน : 0.1 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต : 8.5 กรัม
– แคลเซียม : 171 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส : 115 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 1.5 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 1 : 0.11 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 2 : 0.09 มิลลิกรัม
– ไนอาซีน : 1.4 มิลลิกรัม
– วิตามินซี : 23 มิลลิกรัม
– เบต้าแคโรทีน : 11.8 ไมโครกรัม

ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2535

การปลูกถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาสามารถเติบโต และทนต่อสภาพดินทุกชนิดได้ดี แต่ชอบดินร่วนปนดินเหนียว การระบายน้ำดี เป็นกรดเล็กน้อย ระดับ pH 5.5-6.8 ดินมีความชื้น ไม่ชอบดินแห้ง และแล้ง เพราะเป็นพืชที่ไม่ทนต่อสภาพขาดน้ำ แต่ไม่ชอบดินที่มีน้ำท่วมขังหรือแฉะเกินไป  ชอบอากาศเย็น จึงนิยมปลูกในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิระหว่าง 10-27 องศาเซลเซียส

การเตรียมดินแปลงปลูก
ถั่วลันเตามีระบบรากลึกในดินตื้น การเตรียมดินควรไถดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วตากดิน 5-7 วัน พร้อมกำจัดวัชพืช หลังจากนั้น ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ เพื่อปรับสภาพดิน และเพิ่มแร่ธาตุดิน แล้วไถพรวนดินอีกครั้ง พร้อมยกแปลงกว้าง 70-80 เซนติเมตร สำหรับแถวเดียว และกว้างประมาณ 140-150 เซนติเมตร สำหรับแถวคู่ ส่วนความยาวตามความเหมาะสม และให้เว้นร่องทางเดินประมาณ 50 เซนติเมตร ในระหว่างแถว หากดินเป็นกรดจัด โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกในภาคกลางตอนล่าง ควรใส่ปูนขาวร่วมกับการหว่านปุ๋ยคอก

การปลูก
เมล็ดพันธุ์ที่ใช้จะใช้ประมาณ 5-8 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก ให้แช่น้ำ 1 คืน และคลุกด้วยยากันเชื้อรา สำหรับหลุมปลูกจะใช้วิธีการขุดหลุมหรือเป็นร่องยาวตื้นพอกลบเมล็ดได้ ลึกประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร พร้อมโรยด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่ การหยอดเมล็ดจะใช้เมล็ดหลุมละ 3-4 เมล็ด ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30 เซนติเมตร กลบด้วยหน้าดิน และคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

หลังจากปลูก 3-5 วัน เมล็ดถั่วลันเตาจะเริ่มงอก เมื่อต้นอ่อนมีใบจริง 3-5 ใบ หรือสูงประมาณ 8-10 เซนติเมตร ให้ถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง โดยให้เหลือเพียงหลุมละ 2 ต้น หรือหากเป็นการหยอดแบบไม่เป็นหลุมให้ถอนเหลือต้นเดียวตามระยะที่เหมาะสม

การทำค้าง
เมื่อต้นถั่วมีอายุ 15-20 วัน หรือสูง 15-20 เซนติเมตร ถั่วจะเริ่มมีมือเกาะ วึ่งระยะนี้ต้องทำค้างให้ถั่วเกาะ โดยใช้ไม่ไผ่ ขนาด 2 นิ้ว ยาว 1.5 – 2 เมตร ปักระหว่างหลุม ระยะห่าง 2-3 เมตร แล้วรัดโยงด้วยเชือกหรือลวดเป็นชั้นๆ 4-6 ชั้น และอาจรัดโยงในแนวดิ่งด้วยก็ได้

การให้น้ำ
การให้น้ำจะให้เพียงวันละ 1 ครั้ง ในระยะ 1-2 เดือนแรก และค่อยลดเป็น 2-3/ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในดิน แต่ละครั้งที่ให้น้ำควรให้เพียงหน้าดินชุ่ม ไม่ควรให้น้ำมากจนดินแฉะ อาจให้โดยวิธีปล่อยน้ำไหลตามร่อง แต่จะเปลืองน้ำหรือแบบสปริงเกอร์

การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยที่ใส่ คือ สูตร 15-15-15  ในอัตรา 30 กก./ไร่ ใส่ในที่ถั่วลันเตาเริ่มออกดอก โดยโรย
ปุ๋ยตามแนวยาวของแถวทั้ง 2 ข้าง ระยะห่างจากโคนต้น 8-10 เซนติเมตร พร้อมพรวน
ดินกลบปุ๋ย และรดน้ำตาม

การพรวนดิน และกำจัดวัชพืช
การพรวนดิน และกำจัดวัชพืช ควรทำทุกๆ 2 อาทิตย์ จนต้นถั่วสูงได้ 30-50 ซม. แล้วจึงหยุด วึ่งช่วงนี้ต้นถั่วจะสามารถแข่งเติบโตกับวัชพืชอื่นได้ดีแล้ว

การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยวของถั่วลันเตามีความแตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ โดยทั่วไปจะใช้เกณ์ ดังนี้
– อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 60-90 วัน หลังปลูก
– อายุการเก็บเกี่ยวจากจำนวนวันหลังดอกบาน  5-7 วัน
– ระยะการเก็บเกี่ยวจากความหนาของฝัก พันธุ์ฝักเล็ก หนา 0.44-0.68 เซนติเมตร พันธุ์ฝักใหญ่ หนา 0.53-0.64 เซนติเมตร
– ลักษณะฝักอวบ สีเขียวอ่อน เปราะกรอบ ไม่เหนียว

การเก็บฝักอ่อนถั่วลันเตา ควรเก็บเกี่ยวฝักสดวันเว้นวัน โดยทั่วไปมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวนาน 30-60 วัน ซึ่งต้องเก็บในระยะฝักอ่อนที่เต็มไปด้วยน้ำตาล หากฝักแก่ น้ำตาลจะถูกเปลี่ยนเป็นแป้งทำให้ความหวานลดลง และมีเส้นใย และความเหนียวมากขึ้น (ชำนาญ, 2548)(3)

โรคและแมลง
1. โรคราแป้ง
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา Uromyces fabae Pers เกิดได้ในทุกระยะ และเกิดกับทุกส่วนของพืช พบมากบริเวณใบ มีอาการที่พบ คือ มีจุดสีขาวกระจายทั่วในส่วนต่างๆ ต่อมามีการสร้างเส้นใย และสปอร์สีขาว มองเห็นคล้ายแป้งฝุ่นขึ้นมากมาย หากเกิดที่ใบ ใบจะเหลืองซีดมีสีน้ำตาลทำให้สังเคราะห์แสงไม่ได้ ทำให้ลำต้นถั่วแคระแกร็น ออกดอก และติดฝักน้อย  หรือหากเกิดมากลำต้นจะเหี่ยวตาย

• การป้องกันกำจัด
– แช่เมล็ดก่อนปลูก ด้วยไตรโฟลีนละลายน้ำที่ 20 มก./20 ลิตร หรือ เบนโนมิล 10 กรัม/20 ลิตร นาน 12 ชั่วโมง

– การฉีดพ่นในระยะเติบโต ด้วยสารซัลเฟอร์ ( 80% WP) ละลายน้ำที่ 5-15 กรัม/20 ลิตร และฉีดพ่นซ้ำในระยะ 5-7 วัน

2. โรคเหี่ยว
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา มีอาการ คือ พบใบเหลืองบริเวณใบล่าง แล้วลามขึ้นใบด้านบน ทำให้ใบเหลือง และแห้งตายทั้งต้น ลำต้นบริเวณเหนือดินมักเกิดสีแดงหรือสีคล้ำกว่าส่วนอื่น มักเิกิดเมื่อต้นถั่วอายุประมาณ 1 เดือน และมักพบในดินที่มีสภาพเป็นกรดจัด และความชื้นสูง

• การป้องกันกำจัด
– การเตรียมดินควรโรยด้วยปูนขาว อัตรา 200-400 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมด้วยกับปุ๋ยอินทรีย์ 2-3 ตัน/ไร่
– การเกิดโรคในระยะเติบโต ให้รดโคนต้นและบริเวณรอบต้นด้วยน้ำปูนใสรด

3. แมลงวันเจาะ
เป็นแมลงวันขนาดเล็ก ลำตัวมีสีดำ ชอบวางไข่บนใบถั่ว เมื่อไข่ฝัก ตัวอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ใบเป็นรอยแผล หากระบาดมากใบจะเหี่ยวเหลือง ทำให้ลำต้นแห้งตายได้

• การป้องกันกำจัด
– ระยะเตรียมแปลงควรโรยหรือฉีดพ่นด้วยพอสซ์ (25%ST) หรือฉีดพ่นด้วยฟิโปรนิล (5%SC) หลังเมล็ดงอก 3-5 วัน (ชำนาญ, 2548)

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
มารคัส's profile


โพสท์โดย: มารคัส
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: namech
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พอรู้ที่มาของน้ำตกในภูสอยดาว..เล่นเอาแทบลมจับเลยทันทีนักท่องเที่ยวดับ5! พิษ'เหล้ามรณะ'จากลาว!รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดของหลายๆคนแล้วน๊า สู้ๆนางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจข่าวดี ประกันสังคม ม.33-ม.39 เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร 1000 บาท เริ่ม 1 ม.ค.68ซื้อหวยทุกงวด แต่ทำไมไม่เคยถูก?กรี๊สสสส!! พี่จี๋ สุทธิรักษ์ กับการเป็นพระเอกซีรีส์ญี่ปุ่นครั้งแรก กำหนดฉายมกราคมปีหน้า😊สิงคโปร์แขวนคอนักโทษค้ายาเสwติด 3 ราย ภายใน 1 อาทิตย์เลขเด็ด "ปฏิทินคำชะโนด" งวด 1 ธันวาคม 67 มาแล้ว!..รีบดูเลย ก่อนหวยหมดคนไข้ฟันแทงไม่เข้า แม้แต่เข็มยังเอาไม่อยู่..ทำเอาหมออยากรู้ขึ้นมาทันทีบทเรียนจากอดีตของบริษัทผลิตบุหรี่ : เมื่อความต้องการ "ปกป้องผู้บริโภค" กลายเป็นภัยร้ายที่ซ่อนอยู่...สรุปไอ้สิ่งที่ทำให้ "อันตราย" กว่าเดิมไปอี๊กกก พ่อเอ๊ยย....เปิดใจ ขนม อดีตภรรยานักร้องดัง หลังประกาศยุติความสัมพันธ์ุ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นักท่องเที่ยวต่างชาติดับ 5 รายในลาว เจ้าหน้าที่สงสัยว่ามีพิษในเหล้าพระผง ล้ำจักรวาร ป้องกันนิวเคลียร์ได้สิงคโปร์แขวนคอนักโทษค้ายาเสwติด 3 ราย ภายใน 1 อาทิตย์บทเรียนจากอดีตของบริษัทผลิตบุหรี่ : เมื่อความต้องการ "ปกป้องผู้บริโภค" กลายเป็นภัยร้ายที่ซ่อนอยู่...สรุปไอ้สิ่งที่ทำให้ "อันตราย" กว่าเดิมไปอี๊กกก พ่อเอ๊ยย....อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
บทเรียนจากอดีตของบริษัทผลิตบุหรี่ : เมื่อความต้องการ "ปกป้องผู้บริโภค" กลายเป็นภัยร้ายที่ซ่อนอยู่...สรุปไอ้สิ่งที่ทำให้ "อันตราย" กว่าเดิมไปอี๊กกก พ่อเอ๊ยย....Berghia coerulescens" ทากทะเลสีสันสดใส แห่งโลกใต้สมุทร"ปลางวงช้าง" ปลาผู้ฉลาดล้ำแห่งทวีปแอฟริกาเหมยขาบและแม่คะนิ้ง: เสน่ห์แห่งน้ำค้างแข็งของเมืองไทย
ตั้งกระทู้ใหม่