ไขข้อสงสัย ความเท่าเทียมคือการมีคู่ครองหลายคน ได้หรือไม่?
จากกระทู้ เปิดพระอัยการลักษณะผัวเมีย! รู้จัก “เมียกลางเมือง-เมียทาส” มีเต็มกรุงศรีอยุธยา
"แม้ปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่าเป็นสังคมแห่งสิทธิเสรีภาพ ไม่ว่าจะการดำรงชีวิตหรือสิทธิในการออกปากเสียง ความเท่าเทียมของผู้หญิงผู้ชาย แต่ความเสมอภาคระหว่างผู้หญิงและผู้ชายเห็นชัดเจนในกลุ่มคนสมัยใหม่มากกว่า ทว่ากลุ่มคนบางกลุ่มอย่างผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อนตามต่างจังหวัดหรือชุมชนชนบทบางพื้นที่ยังคงหลงเหลือความเชื่อที่ว่าผู้ชาย “เป็นช้างเท้าหน้า” ครอบครัวอยู่
ครอบครัวนับเป็นสถาบันหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ชายเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือผู้หญิง ส่วนใหญ่แล้วชีวิตผู้หญิงในวัยเยาว์ขึ้นอยู่กับบิดาพอสมรสก็ขึ้นอยู่กับสามี ทำให้ผู้หญิงเชื่อไปตามสังคมว่า หญิงด้อยกว่าชาย ทั้งที่ความเป็นจริงในเรื่องความคิดสติปัญญาทั้งหญิงและชายมีความเท่าทียมกัน เพียงแต่ผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีโอกาสได้แสดงสิ่งนั้นออกมา.....
แต่ ในฐานะสายเสรีนิยมสมัยใหม่ ขอตั้งคำถามว่า ?
สิ่งที่คนเขียนขึ้นมาว่าระบบ “ผัวเดียวหลายเมีย” โดยอ้างคำว่า "เท่าเทียม" อ่านๆดูแล้ว สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ถ้าใช้คำว่า เท่าเทียม(ของแท้) หมายความว่า ผู้หญิงสามารถมีหลายผัวได้ ผู้ชายก็สามารถมีหลายเมียได้เช่นกัน!!!
ซึ่งแนวคิดของคนสมัยใหม่ภายใต้เสรีนิยมสมัยใหม่ เน้น 2 เรื่องหลักๆ คือ
- ธรรมชาตินิยม (สิ่งที่เป็นจริง)
2. เพศที่แตกต่างกัน ไม่มีวันจะเท่าเทียมกันได้ เหตุผลตามข้อ1.
ทำให้มีความรู้สึกว่า การที่บางคนหรือพวกแนวคิดเฟมินิสต์พยามยามบอกว่าการที่ผู้ชายมีหลายคน นั่นคือ "อำนาจ" หรือ "ชายเป็นใหญ่"
แต่ถ้าหากลองให้ผู้หญิงสามารถมีสามีได้หลายคนล่ะ? คำถามในการวิจัย ผุดขึ้นมาทันที ดังนี้
1. ผู้หญิงมีปัญญาหาเลี้ยงผัวหลายคนได้เหมือนผู้ชายหาเลี้ยงเมียหลายๆคน ได้หรือไม่
2. ถ้าผู้ชายสามารถมีเมียและกิ๊กได้พร้อมๆกัน แต่เปิดให้ผู้หญิงมีผัวได้หลายๆคน คำถาม คือ เพศไหนจะโวยวายมากกว่ากัน ถ้าเพศไหนโวยวายมากกว่า ถือว่าแพ้ (คุณลองวิเคราะห์สิว่า เพศไหนจะโวยวายดังกว่ากัน55)
3. รักแบบไม่ผูกมัด แต่ทำไมถึงมีคำว่า "ไม่เป็นสุภาพบุรุษ เวลาที่ผู้ชายกะผู้หญิงมีไรและแยกทางกัน บางคนดันไปกล่าวหาว่า ผู้ชายหน้าม้อ ผู้ชาวเลว(ซะงัน) ทั้งๆที่เวลาสมสู่กัน มันก็พร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่ายหรือเปล่า"
** เย้ยแนวคิดของพวกเฟมินิสต์ ขอท้าทายว่า "ถ้าแน่จริงกับคำว่า ความเท่าเทียม ต้องไม่โวยเวลาที่ผู้ชายเขาไม่เอา ถ้าเงื่อนไข คือ one night stand (แน่นอนใครโวย แสดงว่า คุณโกหกในคำอ้างที่ว่าความเท่าเทียมนั่นเอง)
** ในความเท่าเทียมที่แท้จริงต้องไม่เลือกปฎิบัติทางเพศ =ในการแต่งงาน สินสอด ของหมั้น ถือว่าเป็นเลือกปฎิบัติทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม (แนวคิดของธรรมชาตินิยมที่เหนือกว่า,2561)
และเพื่อความกระจ่างชัดเจน คำถามเชิงวิจัย จึงมีการวิเคราะห์ในแนวคิดที่ว่า
" ความเท่าเทียมคือหญิงก็มีผัวหลายคนได้ และผู้ชายก็มีเมียได้หลายคนเช่นกัน"
คำถาม คือ "คุณคิดว่าผู้หญิงจะโวยวายไหม ถ้าผู้ชายอยากมีเมียได้หลายๆคน รวมถึงการไม่ผูกมัด การป้องกันทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีเด็กเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่"
(่อ่านคำถามดีๆ)
ผลที่ได้จากการวิจัย จะเป็นคำตอบว่า ความเท่าเทียมโดยเพศที่แตกต่างกัน มันไม่มีอยู่จริง