เปิดประวัติ "วัดปราสาท" วัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยา เผยอาถรรพ์..คุ้ม "พระนางอุษาวดีเทวี" ใครลบหลู่ถึงต้องกลับมาขอขมากันยกใหญ่
วัดปราสาท เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 4 บ้านบางกร่าง ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันพระมหานที ธมฺมธีโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปราสาท
สันนิษฐานว่า วัดปราสาท สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยดูจากอุโบสถแบบมหาอุด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2310 แต่สันนิษฐานกันว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางประมาณสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม สร้างโดยเจ้าพระยากลาโหม (องค์ไล) ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในพระนาม พระเจ้าปราสาททอง เป็นพระราชบิดาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันอุโบสถของวัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ
อุโบสถแอ่นเป็นท้องสำเภาจีน เป็นโบสถ์แบบมหาอุด มีผนังด้านข้างทั้งสองไม่มีหน้าต่าง ด้านหน้ามีประตูทรงปราสาทประดับลวดลายปูนปั้น ด้านหลังมีเพียงช่องแสงเล็ก ๆ หลังพระประธาน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นเรื่องทศชาติชาดก เขียนขึ้นโดยช่างสกุลชั้นสูงนนทบุรี เป็นภาพเก่าแก่ที่สุดในนนทบุรี และลบเลือนไปมากแล้วในปัจจุบัน
หลังคาด้านหน้า เชิดขึ้นเล็กน้อย ฐานเป็นเส้นโค้ง แบบเดียวกับหลังคาหน้าบัน หน้าบันจำหลักสวยงาม ด้วยรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ (ปัจจุบันตัวครุฑถูกขโมยไปแล้ว) ภายใน ประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูป จัดเป็นหมู่รอบองค์พระประธาน สันนิษฐานว่าเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา ส่วนพระประธานเป็นศิลปะอู่ทอง ยังมีธรรมาสน์สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลางถึงปลายตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ กุฏิทรงไทยที่เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทำการอนุรักษ์
ภายในวัด มีต้นตะเคียนยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อายุกว่า 1,000 ปี มีความยาว 40.40 เมตร ขนาดรอบลำตันกว้าง 4 เมตร 12 เซนติเมตร
แต่ที่น่าแปลกที่วัดหลายวัด ซึ่งเป็นแหล่งรวมพระพุทธรูปและพระสงฆ์ จะกลายเป็นสถานที่ที่บอกเล่าความเฮี้ยน ของผีวิญญาณได้ดี และที่ "วัดปราสาท จ.นนทบุรี" แห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน โดยวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย บริเวณโดยรอบ เคยขุดพบกำแพงเมืองอายุกว่า ๓๐๐ ปี ขึ้นชื่อเรื่องความงามของสถาปัตยกรรมในสมัยอยุธยา ในช่วงกลางวัน จะมีผู้คนมาสักการะ และชื่นชมวัดโบราณแห่งนี้อยู่เสมอ แต่ใครจะเชื่อว่า ในบริเวณด้านหลังวัด ในช่วงเวลาเย็นย่ำจะมีความวังเวง น่ากลัวซ่อนอยู่ โดยบริเวณด้านหลังนี้ จะมีคุ้มเก่าแก่ที่เชื่อกันว่า เป็นของ "พระนางอุษาวดีเทวี" ซึ่งผู้คนแถบนั้นเรียกกันว่า "แม่" หรือ "เจ้าแม่" ตั้งรกร้าง ทรุดโทรมทิ้งไว้ ชาวบ้านแถบนั้นร่ำลือกันว่า เวลากลางคืนบริเวณคุ้มดังกล่าว จะวังเวง น่ากลัวมาก หากมีใครไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ ก็มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆ น่าขนหัวลุก จนต้องกลับมาขอขมาอยู่เสมอๆ