ไขปมดราม่า ... สุนัขที่สงสัยว่าจะเป็นโรคเรบีส์(พิษสุนัขบ้า)ต้องโดนกำจัดจริงหรือ?
โพสท์โดย หลานออกญาโหราธิบดี
หลายคนคงจะทราบข่าวการระบาดของโรคเรบีส์หรือพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ของอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตโรคระบาดสัตว์ชั่วคราว และส่งเจ้าหน้าที่ลงสำรวจพื้นที่ เพื่อค้นหาสัตว์ที่สัมผัสโรค และให้ความรู้ต่อชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา พร้อมทั้งขอมติที่ประชุมร่วมกับชาวบ้าน โดยมีมติดำเนินการการุณยฆาตสัตว์ที่สัมผัสและสัตว์ที่สงสัย ตามประกาศข่าวปศุสัตว์ ที่เผยแพร่ข้อมูลโดย สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ซึ่งมีมติมอบสัตว์เลี้ยงจำนวนร้อยกว่าชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่รับตัวไปดำเนินการต่อ
ซึ่งประเด็นนี้สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้รักสัตว์จำนวนมาก ถึงวิธีการที่ต้องทำการการุณยฆาตสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น โดยที่ไม่มีการตรวจแยกสัตว์ที่ป่วยและไม่ป่วยก่อนที่จะทำการการุณยฆาต วันนี้จึงอยากมาทำความเข้าใจกับผู้เลี้ยงสุนัข ถึงขั้นตอนที่ทำให้เกิดโรคเรบีส์ ตลอดจนข้อจำกัดในวิธีการตรวจโรคในสัตว์กันก่อนสักหน่อยครับ แล้วค่อยมาดูกันว่าทำไมถึงต้องมีดำเนินการเช่นนี้ และพอมีวิธีใดในการแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้บ้างหรือไม่
ซึ่งประเด็นนี้สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้รักสัตว์จำนวนมาก ถึงวิธีการที่ต้องทำการการุณยฆาตสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น โดยที่ไม่มีการตรวจแยกสัตว์ที่ป่วยและไม่ป่วยก่อนที่จะทำการการุณยฆาต วันนี้จึงอยากมาทำความเข้าใจกับผู้เลี้ยงสุนัข ถึงขั้นตอนที่ทำให้เกิดโรคเรบีส์ ตลอดจนข้อจำกัดในวิธีการตรวจโรคในสัตว์กันก่อนสักหน่อยครับ แล้วค่อยมาดูกันว่าทำไมถึงต้องมีดำเนินการเช่นนี้ และพอมีวิธีใดในการแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้บ้างหรือไม่
โรคเรบีส์ หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า "โรคพิษสุนัขบ้า" เป็นโรคที่ติดต่อกันผ่านน้ำลาย เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายตรงบริเวณที่ไปสัมผัสเชื้อ ไม่ว่าจะถูกกัด เลีย หรือถูกข่วนก็ตาม เชื้ออาจจะผ่านเข้ามาตามบาดแผล หรือเยื่อเมือกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ช่องปากหรือที่ตา ที่ไปสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์ป่วย เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้แล้ว ก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนบริเวณเซลล์กล้ามเนื้อบริเวณนั้นก่อนแพร่เข้าสู่ปลายเส้นประสาท แล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่ไขสันหลังและสมองซึ่งเป็นระบบประสาทส่วนกลาง ที่ตรงนี้เชื้อจะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอีกครั้งโดยเฉพาะในสมอง ช่วงเวลานี้เองที่สัตว์ป่วยจะเริ่มแสดงอาการป่วย โดยจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเป็นระยะนำของโรค แล้วจึงจะมีการคลุ้มคลั่งต่อไป
จากนั้นเชื้อที่อยู่ในสมองจะถูกส่งออกไปตามเส้นประสาทแล้วเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ต่อมน้ำลาย ซึ่งเป็นช่องทางที่เชื้อจะได้แพร่กระจายออกจากตัวสัตว์ป่วยต่อไปยังตัวสัตว์อื่น ๆ ได้ เพราะอีกไม่นานสัตว์ตัวป่วยตัวนี้ก็จะตายลงไปภายในไม่ช้า ถึงตรงนี้สัตว์ก็จะมีอาการน้ำลายไหล เคี้ยวหรือกลืนน้ำไม่ได้ เพราะระบบประสาทถูกทำลายไปแล้ว ในที่สุดสัตว์ก็จะเป็นอัมพาตแล้วตายไป ซึ่่งขั้นตอนทั้งหมดที่ไล่มานี้ เราไม่สามารถบอกได้เลยครับว่า แต่ละตัวจะใช้เวลานานเท่าไร โดยเฉพาะช่วงก่อนที่เชื้อจะเข้าสู่สมอง ซึ่งเป็นระยะฟักโรค เราจะรู้จากการสังเกตได้ก็ต่อเมื่อสัตว์ได้แสดงอาการออกมาหลังจากที่เชื้อเข้าสู่สมองแล้ว ประเด็นนี้จึงสำคัญมาก ๆ เลยครับ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไรสัตว์ที่ได้รับเชื้อแล้วจะแสดงอาการออกมา บางตัวอาจจะแค่สัปดาห์ แค่เดือน หรือบางตัวอาจเป็นนานปี ถึงแม้โดยเฉลี่ยระยะฟักตัวของโรคนี้จะประมาณแค่ 2-3 เดือนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะถ้าเรากักสัตว์ป่วยเพื่อดูอาการแค่ 2-3 เดือน แล้วไม่พบความผิดปกติอะไรเลย จากนั้นก็ปล่อยสัตว์ออกไปใช้ชีวิตตามอิสระ วันดีคืนดีสัตว์ตัวนั้นกลับระเบิดอาการของโรคออกมา ถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว
ที่นี้ก็มีคนสงสัยว่า แล้วไม่มีวิธีที่จะตรวจทราบก่อนได้เลยหรือ ? สามารถเจาะเลือดไปตรวจ เหมือนเวลาที่เราเจาะเลือดตรวจวัดน้ำตาลหาโรคเบาหวานได้หรือไม่ สำหรับวิธีการตรวจโรคเรบีส์ในสัตว์นั้นก็มีหลายสิบวิธีเลยครับ ซึ่งแต่ละวิธีต่างก็มีข้อจำกัด ไล่ตั้งแต่การตรวจหาเชื้อไวรัสโดยวิธีฉีดเชื้อจากสัตว์ที่ป่วยเข้าสมองหนูทดลอง (Mouse inoculation test) แล้วดูว่าหนูตัวนั้นจะป่วยหรือไม่ วิธีนี้สามารถแยกเชื้อไวรัสได้ แต่ใช้เวลาตรวจนานและต้องใช้ชีวิตของหนูทดลองด้วย ต่อมาเลยพัฒนามาฉีดเชื้อใส่เซลล์เพาะเลี้ยงแทน แต่ทั้งสองวิธีก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อขึ้นมาอีก หากการควบคุมเชื้อไม่ดี ก็ง่ายต่อการปนเปื้อน เลยมีการพัฒนามาตรวจหา RNA ของไวรัส หรือตรวจหาแอนติเจนของเชื้อไรรัสโดยตรงแทน แม้แต่มีการวิธีตรวจหาแอนติบอดี้ในซีรั่มหรือน้ำไขสันหลังของสัตว์ด้วย แต่วิธีหลังนี้อาจเกิดผลผิดพลาดได้ง่าย คืออาจตรวจไม่พบ เพราะระยะเวลาการตอบสนองของภูมิค้มกันของสัตว์แต่ละรายนั้นอาจแตกต่างกัน
ดังนั้นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ ถือเป็นมาตราฐานที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ซึ่งใช้การันตีและปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ การหาแอนติเจนจากสมอง โดยใช้แอนติบิดีที่ติดสารเรืองแสงเข้าไปจับกับแอนติเจนของเชื้อไวรัส หรือวิธี Fluorescent antibody test (FAT) นั่นเอง ก็เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องตัดหัวสุนัขไปส่งตรวจ เพราะเราต้องการเอาสมองของสัตว์ป่วยมาตรวจยืนยันโรคนั้นเอง (ความจริงถ้าสัตว์ขนาดตัวไม่ใหญ่มาก จะส่งซากสัตว์ทั้งตัวไปตรวจก็ได้นะครับ) ซึ่งสมองเป็นอวัยวะที่เชื้อไวรัสจะไปเพิ่มจำนวนตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว แต่การตรวจวิธีนี้นั้น ถ้าหากเชื้อไวรัสยังไม่ไปที่สมอง หรือสุนัขยังไม่แสดงอาการ ก็มีโอกาสที่จะตรวจแล้วไม่พบเชื้อโรคได้ครับ
ซึ่งหากมองในแง่ของความเสี่ยงแล้ว เราไม่สามารถวางใจได้เลยว่าสัตว์ตัวนี้จะไม่เป็นโรค เพราะโรคนี้ถือเป็นโรคสำคัญ เป็นแล้วรักษาไม่หาย และหากแสดงอาการป่วยแล้วก็จะต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ในพื้นที่ต้องอยู่อาศัยด้วยความเสี่ยงต่อไป หรือต้องมาเสียชีวิตเพิ่มไปอีกในอนาคต และเพื่อยุติการ Outbreak หรือการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ ณ ขณะนั้นอันเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยแล้ว จึงจำเป็นจะต้องแยกสัตว์ที่มีความเสี่ยงนั้นออกไปจากสังคมก่อนครับ ซึ่งอาจจะจำกัดบริเวณไม่ให้สัตว์ถูกเคลื่อนย้ายหรือหนีหายไปไหนได้ (เพื่อลดการแพร่กระจายและจะได้สังเกตอาการด้วย) หรืออาจถูกกำจัดด้วยการการุณยฆาตภายใต้กฎหมายตามหลักสากล ซึ่งเป็นขั้นตอนเด็ดขาดที่ทั่วโลกมักพิจารณานำมาใช้ต่อสู้กับโรคนี้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ส่วนผลการตรวจยืนยันที่จะออกมาภายหลังนั้น ก็จะเป็นข้อมูลที่จะใช้ในการป้องการโรคเชิงระบาดวิทยาได้ต่อไปในอนาคต สำหรับสัตว์ที่แยกออกไปจากสังคม ก็จะต้องถูกกักบริเวณอย่างเคร่งคัด อาจจะนานหลายเดือน และต้องมีการเก็บตัวอย่างตรวจเป็นระยะจนกว่าจะมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซนต์ เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่ทำให้สุนัขตัวนั้นมีความสุขเท่าไรนัก เพราะต้องถูกจำกัดการใช้ชีวิตไปโดยปริยาย
ซึ่งหากมองในแง่ของความเสี่ยงแล้ว เราไม่สามารถวางใจได้เลยว่าสัตว์ตัวนี้จะไม่เป็นโรค เพราะโรคนี้ถือเป็นโรคสำคัญ เป็นแล้วรักษาไม่หาย และหากแสดงอาการป่วยแล้วก็จะต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ในพื้นที่ต้องอยู่อาศัยด้วยความเสี่ยงต่อไป หรือต้องมาเสียชีวิตเพิ่มไปอีกในอนาคต และเพื่อยุติการ Outbreak หรือการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ ณ ขณะนั้นอันเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยแล้ว จึงจำเป็นจะต้องแยกสัตว์ที่มีความเสี่ยงนั้นออกไปจากสังคมก่อนครับ ซึ่งอาจจะจำกัดบริเวณไม่ให้สัตว์ถูกเคลื่อนย้ายหรือหนีหายไปไหนได้ (เพื่อลดการแพร่กระจายและจะได้สังเกตอาการด้วย) หรืออาจถูกกำจัดด้วยการการุณยฆาตภายใต้กฎหมายตามหลักสากล ซึ่งเป็นขั้นตอนเด็ดขาดที่ทั่วโลกมักพิจารณานำมาใช้ต่อสู้กับโรคนี้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ส่วนผลการตรวจยืนยันที่จะออกมาภายหลังนั้น ก็จะเป็นข้อมูลที่จะใช้ในการป้องการโรคเชิงระบาดวิทยาได้ต่อไปในอนาคต สำหรับสัตว์ที่แยกออกไปจากสังคม ก็จะต้องถูกกักบริเวณอย่างเคร่งคัด อาจจะนานหลายเดือน และต้องมีการเก็บตัวอย่างตรวจเป็นระยะจนกว่าจะมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซนต์ เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่ทำให้สุนัขตัวนั้นมีความสุขเท่าไรนัก เพราะต้องถูกจำกัดการใช้ชีวิตไปโดยปริยาย
ลึก ๆ แล้วคงไม่มีใครอยากการุณยฆาตสัตว์หรอกครับการแก้ปัญหาโรคเรบีส์ในระยะยาวนั้นทำได้อย่างเดียวคือ การป้องกัน ผู้เลี้ยงจะต้องเลี้ยงสัตว์ระบบปิด ไม่ปล่อยปะละเลย ให้สัตว์เลี้ยงออกมาเร่ร่อน เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงออกไปติดเชื้อมาได้ ที่สำคัญจะต้องพาไปรับการฉีดวัคซีนกับสัตวแพทย์ทุกปี รวมถึงผู้เลี้ยงและสมาชิกทุกคนในบ้านเอง ก็ต้องไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคด้วย ไม่ต้องรอให้ถูกกัดก่อนแล้วถึงฉีดก็ได้ พวกเราก็คงจะเห็นกันแล้วว่า เมื่อเกิดการระบาดของโรคขึ้นมา มีแต่เสียกับเสีย เสียสุนัขอันเป็นที่รักไป เสียขวัญกำลังใจ เสียเงินรักษา ค่ายา ค่าฉีดวัคซีน เสียเวลาที่ต้องมาแก้ปัญหานี้อีก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่คุ้มเลย เพราะสัตว์ดี ๆ ก็อาจต้องมาติดร่างแหไปด้วย แต่ก็ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ ทำให้ทุกคนได้ตระหนักและจริงจังกับป้องกันโรคเรบีส์นี้กันเสียที....
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: อ้ายเติ่ง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เบี้ยวไม่ไหว! เจ้าของรถขยะจัดหนัก แก้เผ็ดถึงหน้าบ้านตำรวจเตือนหญิงขับสกุ๊ตเตอร์ไฟฟ้าขึ้นถนนใหญ่ เจอสวนกลับ ถ้าห้ามขับไปบอกร้านว่าห้ามขายสิหลังจากจูหยวนจาง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงสังหารศัตรู 13 ฮ่องเต้หลังจากนั้นกลายเป็นเลือดผสมสรุปดราม่า"ทริปน้ำไม่อาบวันนี้"ถอนผมหงอก ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่ ดูแลเส้นผมอย่างไรเมื่อเริ่มมีผมหงอกจับแก๊งค้าต่างด้าวผิดกฎหมายก่อนข้ามฝั่งไปมาเลเซีย!สภาพอากาศวันนี้ "เหนือ-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า"ปูยักษ์แทสเมเนีย" ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลลึกความงดงามในธรรมชาติ: ผีเสื้อปีกใส มนต์เสน่ห์แห่งปีกโปร่งใสGuinness World Recordsนัดผู้หญิงที่ต่างกันที่สุดในโลก ดื่มชายามบ่ายในลอนดอนการลดน้ำหนักให้ถูกวิธีและเห็นผลจริงกลัวการขาดมือถือ เล่นมือถือทั้งวัน วันไหนไม่ได้เล่นเหมือนจะขาดใจ คุณอาจเป็น “โนโมโฟเบีย (Nomophobia)”Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เบี้ยวไม่ไหว! เจ้าของรถขยะจัดหนัก แก้เผ็ดถึงหน้าบ้านสรุปดราม่า"ทริปน้ำไม่อาบวันนี้"จับแก๊งค้าต่างด้าวผิดกฎหมายก่อนข้ามฝั่งไปมาเลเซีย!"พชร์" ลั่น! เรื่องของxึง xูไม่เสือxก็ได้..หลังจะช่วยเคลียร์ใจ "มอส-เต๋า" ทะเลาะกัน