สับปะรดขับก้อนขน กับกระเพราแก้ท้องอืด ในกระต่ายได้จริงหรือ???
หลังจากที่เคยได้ถามมานานมากแล้วว่า สูตรการให้น้ำสับปะรดกับกระเพราต่อเหยินเพื่อแก้ท้องอืดบ้างแก้ก้อนขนบ้าง นั้น เรามีคำตอบมาบอกต่อจาก คุณหมออ้อย และจริงๆแล้วก็มีมาหลายหมอทั้งเขียนทั้งโพสต์มานานว่ามันแทบไม่ช่วยอะไรเลย
หมออ้อยบอกว่า กระเพรานั้นที่บอกว่าช่วยแก้ท้องอืด คือมันแทบไม่มีผลอะไรเลย เพราะอาการป่วยท้องอืดมันมีมาจากหลายสาเหตุ ต้องพามาตรวจว่าเกิดอะไรขึ้นอีกจากส่วนอื่นๆ ถึงได้ทำให้มีอาการท้องอืด
**กระเพรามันช่วยแค่เจริญอาหารได้นิดหน่อยแค่นั้น ส่วนที่กินแล้วทำให้ท้องอืดหนัก เพราะด้วยปกติร่างกายของกระต่ายมันมีอะไรที่่ผิดปกติอยู่แล้ว ทีนี้กินเข้าไปมันก็ไปกระตุ้นให้กลายเป็นท้องอืดหนักขึ้นกว่าเดิม (เราว่าไม่ใช่แค่กระเพราหรอก ของสดทั้งหลายนั้นหละ ส่วนมากหมอถึงแนะนำเป็นกลางคือแต่กินหญ้า เพราะบางตัวก็ไวมากต่ออาหาร เช่นลูกเรานี่หละ )
เพราะฉะนั้น ถ้าท้องอืดรีบหาหมอทันทีค่ะ ไม่ใช่ให้กระเพราแก้เพราะอาจไปกระตุ้นให้กลับดาวเร็วขึ้น ที่สำคัญท้องอืดมันอาจเกิดจากความเจ็บป่วยตรงจุดอื่นอีกที่เราตรวจเองไม่ได้
ส่วนน้ำสับปะรดคั้น ที่ว่ากินดีหนักหนาช่วยลดขับก้อนขนอุดตันนั้น
**คำตอบคือ มันไม่ได้ไปทำให้ขนนิ่มลงหรือขับก้อนขน**
แต่ขออธิบายตามที่ฟังมาว่าอึของกระต่ายนั้นมันมีทั้งเศษนั่นนี่ติดมากมายจับเป็นก้อนๆกัน ทีนี้น้ำสับปะรดไม่ได้ไปทำให้ขนนิ่มลงแต่ไปทำให้เศษต่างๆที่จับตัวเป็นก้อนจนเป็นอึแตกตัวออกต่างหากหละ แต่ขนก็ยังเป็นขนเหมือนเดิม
ถ้าถามว่าช่วยได้ไหม - คำตอบคือแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย
(นั่นสิถ้าไม่ได้ช่วยอะไรมากมายแล้วจะให้กินทำไม)
ส่วนยาขับก้อนขนของแมว กินได้ช่วยขับได้แต่ประสิทธิภาพมันก็แตกต่างกันออกไป
(เราว่ามันคงคล้ายยาคน เช่น โรงพยาบาลเอกชน กับรัฐบาลยังจ่ายยาให้หายช้าเร็วต่างกันเลยนิ.. จริงไหม!)
ถ้าเรามียาสำหรับของเหยินอยู่แล้ว ชั่งน้ำหนัก และให้ปริมาณตามหมอ จะให้กินของสัตว์อื่นทำไมกัน
ส่วนที่บอกว่าการที่เห็นอึสายสร้อยนั้นถือว่าดีแล้วคือได้เห็นมันขับออกมาก็ถูกค่ะ เราเลยไปถามว่าตกลงควรกินยาช่วยดีหรือไม่
แต่หมออ้อยบอกว่าถ้าเห็นมันพยายามขับออกมาแล้วจะนั่งดูเฉยๆหรือ (ฮ่าๆๆก็จริงเนอะ)
ถ้ามันขับได้ไม่หมดจะสะสมไปเรื่อยๆ จนกิดก้อนขนอุดตัน
แต่เหยินที่จะเป็นแบบนั้นได้ คือมีการบีบตัวของลำไส้ผิดปกติจึงขับออกได้ไม่ดี
****ฝากถึงทุกๆคนที่ชอบแนะนำยาเถื่อนหรือสูตรอาหารบอกเล่ากันมา และตั้งตนเป็นหมอเถื่อนของกระต่ายทั้งหลายนะคะ เก็บไว้ใช้กับแค่ลูกของคุณเองเถอะ อย่ามาบอกต่อให้ลูกคนอื่นเขาตายเลย
สุขภาพร่างกายแต่ละตัวได้มาต่างกัน
" ลูกคุณกินยังไม่ตาย แต่ลูกคนอื่นอาจตายทันที ! "
ลองคิดกันเองนะคะ ระหว่างหมอเถื่อนที่ไม่รู้มันไปเอาความมั่นใจเถื่อนๆมาจากไหน กับ หมอๆที่เขาเรียนมา 6 ปี แถมยังต้องเรียนรู้ทำงานวิจัยกันอีกทั้งชีวิตคุณคิดว่า ใครควรค่าแก่การน่าให้รักษาแนะนำกว่ากัน
ส่วนเรา เราไม่เชื่อหมอทั้งหมดแต่ต้องช่วยๆกันสังเกตุ และบอกรายละเอียดกับคุณหมอให้หมด
(หมอคนเราบอกได้ว่าอาการเรายังไง แต่เหยินพูดไม่ได้จะบอกยังไงว่าหนูเจ็บตรงนี้)
เพราะหมอแต่ละคนก็มีความสามารถความชำนาญต่างกัน แต่เราต้องรู้จักหมั่นตรวจ และสังเกตุเองเบื้องต้นด้วยค่ะ ตัวเราเองก็เป็นคนไม่ชอบให้ใช้ยามากนักกับคิวปิด เพราะตอนนางเล็กๆที่คอเอียงเรารู้สึกว่าโดนฉีดยาไปหลายเข็มและกินยาติดต่อกันอีกสองถึงสามเดือน เรากลัวภาวะสะสมจึงระวังมากๆเวลาหมอจ่ายยาแต่ละอย่างมาค่ะ
" พ่อแม่คือหมอคนแรกของทั้งคนและสัตว์ "
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
Cr.บ้านรักยม