ต่อไปจะมีแต่ห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้า
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้แจกแจงข้อมูลการเปิดตัวโครงการอาคารชุดในพื้นที่หลักๆ เฉพาะในเขตเมืองของกรุงเทพมหานครและไม่รวมห้องชุดนอกเขตหรือที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ หรือเพียงอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างระยะแรกๆ เช่น สายสีชมพู และสายสีส้ม เป็นต้น โครงการรถไฟฟ้าที่นำเสนอประกอบด้วย
1. MRT หัวลำโพง-คลองเตย
2. MRT เพชรบุรี-เซ็นทรัล
3. MRT-น้ำเงิน บางซื่อ
4. MRT-น้ำเงิน จรัญสนิทวงศ์
5. MRT-น้ำเงิน เพชรเกษมตลอดเส้น
6. MRT-สีม่วง บางซื่อ-ก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
7. MRT-สีม่วง แม่น้ำเจ้าพระยา-บางใหญ่
8. BTS สีสม-สาทร
9. BTS ฝั่งธนฯ
10. BTS เพลินจิต ชิดลม สยาม - อนุสาวรีย์ชัย
11. BTS พหลโยธิน-หมอชิต
12. BTS นานา-พระโขนง
13. BTS อ่อนนุช-แบริ่ง
จะสังเกตได้ว่ารถไฟฟ้า BTS ส่วนที่กำลังก่อสร้างถึงบางปู หรือส่วนที่ก่อสร้างทางเหนือไปคูคด รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ไม่ได้รวมไว้ในการสำรวจเบื้องต้นนี้
จะเห็นได้ว่าในแต่ละปี มีห้องชุดจำนวนหน่วยรวมกันถึงประมาณ 32%-38% ที่พัฒนาตามแนวรถไฟฟ้าเหล่านี้ ถ้าคิดเป็นมูลค่า ก็สูงถึง 40%-45% ของทั้งหมดที่พัฒนาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในกรณีนี้ หากรวมรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอีกหลายเส้นทาง ก็จะมีห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้ามากกว่านี้ โดยหากประมาณการตามจำนวนหน่วย ก็อาจสูงถึง 50% ของทั้งหมด แต่หากประมาณการตามมูลค่า ก็จะสูงถึงราว 60"% ของทั้งหมด นี่แสดงว่าแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยจะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ เพราะทำให้การคมนาคมสะดวก ในอนาคตการเกาะตามแนวรถไฟฟ้าก็จะทวีมากขึ้นอีกตามลำดับ โอกาสที่จะสร้างอาคารชุดในพื้นที่ห่างไกลรถไฟฟ้าก็จะน้อยลง
อย่างไรก็ตามค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยค่อนข้างแพง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง ค่าโดยสารรถใต้ดินเที่ยวเดียวในนิวยอร์กตกเป็นเงินประมาณ 80 บาท (http://bit.ly/1jrU5ex) ใกล้เคียงกับของไทยเข้าไปแล้ว ในขณะที่รายได้ของประชาชนไทยอาจต่ำกว่าสหรัฐอเมริการาว 4 เท่า ซึ่งก็เท่ากับว่าค่ารถไฟฟ้าของไทยแพงกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก บริษัทที่ดำเนินการอยู่จึงกำไรมหาศาล และยังสามารถดำเนินการต่อไปจากการต่อสัมปทาน แถมยังได้สิทธิก่อสร้างอีกหลายเส้นทาง รวมทั้งจะไปทำต่อในระยองเสียอีก (http://bit.ly/2GjgqwQ) กรณี้ในอนาคตอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือไม่
รัฐควรสนับสนุนการสร้างรถไฟฟ้าใจกลางเมืองมากขึ้น โดยกระจายให้มีการแข่งขัน และอนุญาตให้ก่อสร้างโดยมี FAR ที่สูงขึ้นถึง 20:1 หรือ 30:1 เพื่อให้เมืองไม่ขยายออกไปทำลายชนบท พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่เกษตกรรมนั่นเอง และทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยถูกลง ประชาชนทั่วไปก็จะสามารถอยู่อาศัยในเมืองได้มากขึ้น