"ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ" ประโยคสั้นๆที่เราเจอมาทั้งชีวิต
เราไม่เคยมองมันเป็นปัญหาเลยกระทั่ง ทุกอย่างในชีวิตที่อยากทำถูกขีดจำกัดด้วยคำว่า "อ้วน"
อยากเล่นละครเวทีโรงเรียนก็โดนยัดให้เป็น ผีเสื้อสมุทร ทั้งๆที่ใจจริงแล้วเราอยากเป็นนางเงือกไม่ก็สุวรรณมาลี ที่ได้ใส่ชุดสวยๆ
อยากเป็นคนถือไม้คฑานำหน้าขบวนกีฬาสีก็ได้เป็นแค่ ตัวโจ๊กตลกๆ จมูกแดง หัวใส่วิกฟูๆ อยู่ท้ายขบวน
พอโตขึ้นมาหน่อย มีคนที่แอบชอบ ก็โดนเพื่อนเรียกว่า อีหมู ต่อหน้าคนที่ชอบแถมเขายังพร้อมใจหัวเราะกับเพื่อนร่วมห้องเราอีกต่างหาก
มีดีอย่างมากก็แค่ ทักษะการเรียนที่พอจะให้โดดเด่นขึ้นมาอยู่ในสายตาคนอื่นๆบ้าง แต่ไม่นานก็หายไป
หายไปเหมือนใจเราเลย ก็เข้าใจนะว่า เพราะไม่สวย ไม่อ้วน ถึงได้ถูกคนอื่นเหยียบอยู่แบบนี้
แต่เชื่อมั้ยคะว่า จากที่เราทำความเข้าใจกับ จุดยืนของตัวเองได้แล้ว พยายามไม่พาตัวเองไปเป็นตัวตลกให้คนอื่น แต่เรื่องแบบนี้มันไม่เคยหายไปเลย เพราะยิ่งโตขึ้นๆ มันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
โอกาสหลายๆอย่างที่ควรได้รับ หายไปแค่เพราะเราไม่สวย เราอ้วน ทั้งๆที่ความสามารถด้านอื่นเรามั่นใจว่า ไม่เป็นรองใคร แต่มันก็เหนื่อยจะสู้ค่ะ เราท้อมากๆ
ล่าสุดก็ขึ้นรถเมล์ เราขึ้นกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพื่อนเราผอมมากๆ เราก็นั่งคู่ด้วยกัน กระเป๋ารถเมล์มาเก็บเงินมองเรากับเพื่อนก่อนจะพูดเสียงดังทั้งรอยยิ้มว่า
"อย่างน้องนี่ ต้องเก็บราคาเบิ้ลสองคนเลยนะ" แล้วหัวเราะ
เราอึ้งค่ะ ตอนนั้นจำได้แค่ว่า เพื่อนเราโมโหมาก ลุกขึ้นกดกริ่งลงแล้วจ่ายราคาสามคน (ราคาของเพื่อนกับราคาเราที่คิดเป็นสองเท่าตามที่กระเป๋ารถเมล์บอกไว้)แล้วพาเราลงมา
แม้มันจะแค่เล็กน้อย(ในสายตาคนอื่น) แต่สำหรับเราที่เจอมาทั้งชีวิต ต่อให้ถึงจะเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยแค่ไหน ทำใจยอมรับเท่าไหร่ แต่เราก็สู้ไม่ไหวจริงๆค่ะ มันสะสมจนรู้สึกท้อไปหมด
ทุกวันนี้ เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ว่า ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ มันเหนื่อยมากแค่ไหน
เพราะ ตอนนี้เราเหนื่อยมากแล้วจริงๆ