แพทย์อเมริกาเปิดเผยความจริง ถึง ความเชื่อผิดๆทางโภชณาการมากว่า 60 ปี! และสาเหตุแท้จริงของโรคต่างๆ!
@goodreads
ความเชื่อทางการแพทย์ที่หลงทางมากว่า 60 ปี ! แม้ปัจจุบันหลายคนก็ยังไม่ได้ up date ความรู้ที่ถูกต้องนี้!
ความเชื่อผิดๆที่ว่า…โรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นเกิดจาก คลอเลสโตรอลและไขมันอิ่มตัว! แต่ผู้ร้ายตัวจริง คือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (polyunsaturated fats) ที่อยู่ในน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี และ น้ำตาล !!!
ความจริงที่สะเทือนความเชื่อดั่งเดิมไปทั้งโลก ได้รับการยืนยัน จาก นายแพทย์ Dr.Dwight Lundell, M.D. ได้ออกมาเปิดเผยความรู้อันสำคัญนี้ แบบล้มกระดานความเชื่อผิดๆ ชนิดผ่าตัดกระแสเดิมๆ !
ซึ่งมันทำให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า บางสิ่งบางอย่างบนโลกใบนี้ ความจริง กับสิ่งที่มนุษย์ทั้งโลกเชื่อนั้น คนละอย่างกัน! และนั่นมันก็นำมาซึ่งอันตรายต่อมนุษยชาติ อย่างน่าสะเทือนใจ!
และเรื่องนี้ แพทย์ผู้มีประสงการณ์ตรงหลายท่านได้ออกมาเป็นพยาน เป็นแนวร่วมในการเปิดเผยความจริงให้มนุษยชาติได้รู้! นายแพทย์ Stephen Sinatra , Julian Whitaker , Mark Hyman , Mehmet Oz ฯลฯ
ที่ได้เป็นเถวหน้าออกมาช่วยกันเผยแพร่ความเป็นจริงที่สั่นสะเทือนวงการแพทย์กระแสหลัก (Main stream Medicine) จนล้มคว่ำความหลงผิด หลงเชื่ออย่างผิดๆตลอดมากว่า 60 ปี
@laleva
นายแพทย์ Dr. Dwight Lundell อดีตหัวหน้าทีมแพทย์ผ่าตัดที่ Banner Heart Hospital , Mesa , AZ.สหรัฐอเมริกา เป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด มากว่า 25 ปี
มีประสบการณ์ผ่าตัดหัวใจมามากกว่า 5,000 ราย ผ่าตัดหลอดเลือดเลี่ยงหัวใจมาหลายหมื่นเส้น ประสบการณ์ตรงของตลอดชีวิตท่าน! ไม่ใช่แบบนักวิจัย หรือนักวิชาการบนหอคอยงาช้างแน่
ได้ออกมาเปิดเผยกับโลกว่า … “วันนี้ผม (Dr. Dwight Lundell) ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และขออภัยอย่างที่สุดเพื่อออกมาสารภาพผิดกับท่านทั้งหลายว่า ความเชื่อของผมและเหล่าบรรดาแพทย์ร่วมทีม
ของผมเกี่ยวกับสาเหตุตลอดจนการจัดการการรักษาโรคหัวใจที่กระทำตลอดมานั้นไม่ถูกต้อง วันนี้ผมจำเป็นต้องออกมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดให้ถูกต้องเสียที ผมต้องยอมรับว่ากระบวนการเรียนการสอน งานวิจัย
สัมมนาวิชาการ วิทยานิพนธ์สารพัดที่ผมได้ใช้เป็นแนวทางการวินิจฉัยสาเหตุโรคหัวใจและหลอดเลือด และการรักษาที่ผ่าน ๆ มานั้นไม่ถูกต้อง !!!!!”
“ ครับเป็นเวลากว่า 60 ปีที่วงการแพทย์ต่างหลงเชื่อว่าสาเหตุการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นเกิดจาก คลอเลสโตรอลและไขมันอิ่มตัว ดังนั้นหมอโรคหัวใจอย่างพวกผมจึงเพ่งเล็งการรักษาไปที่
การทานยาลดคลอเลสโตรอลร่วมกับลดหรืองดการบริโภคไขมันอิ่มตัว แต่จากหลักฐานที่ปรากฏชัดมากขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าความเชื่อข้างต้นไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เป็นความจริง
และไม่ควรเชื่ออีกต่อไป” … “ ชัดเจนมากว่า การอักเสบภายในผนังหลอดเลือด! ต่างหากที่เป็นตัวการที่แท้จริงทำให้หลอดเลือดตีบตัน โรคหัวใจ โรคร้ายแรงเรื้อรังอีกสารพัด”
@tusaludesvida
ต่อไปนี้จะเป็นการสรุปสาระสำคัญที่ Dr. Dwight Lundell ได้เรียบเรียงไว้ให้เข้าใจ เป็นกรอบความคิด เพื่อจะได้เผยแพร่ต่อๆกันไปได้ง่ายขึ้น
1. จากการที่วงการแพทย์มีความเชื่ออย่างผิดๆดังกล่าว มีผลให้วงการโภชนาการตลอดระยะ60ปีที่ผ่านมาเดินผิดทางไปหมด อุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการที่เดินผิดทางได้สร้างประชากรโลกที่เต็ม
ไปด้วยโรคอ้วน เบาหวาน และโรคเซลล์เสื่อม และอีกสารพัดโรค สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเศรษฐกิจอย่างไม่สามารถประเมินได้! นับเป็นเรื่องเศร้าของมนุษยชาติ
2. ทั้งๆที่มีประชากร(โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา)ประมาณ 25%ที่ทานยาลดไขมันกลุ่ม statin ราคาแพง และมีสารพัดอาหาร Low fat , Fat free มีการลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวกันอย่างมากมาย แต่ผลลัพธ์กลับเป็นว่า
มีประชากรเสียชีวิตอันเนื่องจากโรคหัวใจภายในรอบเวลา60ปีนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้อมูลของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา รายงานว่า มีผู้ป่วยโรคหัวใจกว่า 75 ล้านคน มีผู้ป่วยเบาหวานกว่า20 ล้านคน
มีผู้ป่วยใกล้จะเป็นเบาหวาน (pre-diabetes) กว่า57 ล้านคน ในขณะที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆว่า อายุเฉลี่ยของผู้ที่เริ่มป่วยด้วยโรคเหล่านี้ล้วนมีอายุน้อยลงๆ (เป็นโรคกันตั้งแต่เด็ก ) มีคำถามตัวโตๆว่าทำไม?
3. คำตอบที่ง่ายและสั้นที่สุดก็คือ หากไม่มีการอักเสบในร่างกาย ก็ไม่มีทางที่คลอเลสโตรอลจะจับเป็นตะกรันอุดตันในหลอดเลือดได้ หากไม่มีการอักเสบคลอเลสโตรอลก็จะไหลลื่นไปตามหลอดเลือดได้อย่างเสรี
การอักเสบนี้! ที่ทำให้คลอเลสโตรอลกลายพันธุ์เป็นตะกรันจับยึดติดภายในหลอดเลือด !!!
4. การอักเสบไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร มันคือขบวนการปกติของร่างกายเพื่อต่อสู้รับมือกับสิ่งแปลกปลอมที่รุกรานเข้ามาในร่างกาย เช่น เชื้อโรค ไวรัส พิษต่างๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่ขบวนการอักเสบควบคุมผู้รุกรานไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รุกรานที่เกิดจากพิษร้ายในอาหารการกินที่เซลล์ของร่างกายไม่คุ้นเคย กำจัดไม่ได้ จนกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) การอักเสบเรื้อรังนี่แหละคืออันตรายอย่างแท้จริง
5. พิษร้ายในอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังมากที่สุด คือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (polyunsaturated fats) ที่อยู่ในน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ
และน้ำตาลสูงๆในแป้งขัดขาวและอาหารคาร์โบไฮเดรตทั้งหลาย ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม ขนม ได้นำน้ำมันพืชและน้ำตาลไปปรุง เจือปน เป็นส่วนประกอบกันอย่างมโหฬาร ตลอดเวลา60ปีที่ผ่านมา!
6. เราอาจไม่เคยเห็นสภาพผนังหลอดเลือดที่อักเสบเหมือนที่ผมเห็นและทำการผ่าตัดมาหลายหมื่นเส้นตลอด25ปีที่ผ่านมา แต่ผมพอจะเทียบเคียงง่ายๆโดยให้ท่านหาแปรงสีฟันขนแข็งๆอันหนึ่งแล้วก็ถูไปมา
บนผิวนุ่มๆบริเวณท้องแขน ถูไปมาจนค่อยๆแดง เลือดซิบๆ นั่นแหละสภาพผนังหลอดเลือดที่อักเสบก็คล้ายกันคือ ช้ำๆ เลือดซิบๆ นานๆเข้า หากยังคงอักเสบต่อเนื่องเลือดก็จะมาคั่งมากขึ้นจนบวม
จนเลือดอาจทะลักมาตามแผลที่แตก
7. ผนังหลอดเลือดที่อักเสบนั้นไม่ได้ถูกแปรงใดๆไปขัดถู แต่เนื่องจากร่างกายเรามีระบบควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ภายในระดับที่คงที่ ไม่เกินโควต้า( ในเลือดของคนปกติไม่เป็นเบาหวานจะมีน้ำตาลลอยปนใน
กระแสเลือดไม่เกิน 6-7 กรัม แล้วแต่ขนาดตัวและปริมาณเลือดในร่างกาย ) ทันทีที่คุณกินอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินโควต้า ฮอร์โมนอินซูลินจะรีบทำการขนน้ำตาลที่ทะลักเข้าสู่กระแสเลือดไปเก็บไว้
ในเซลล์ก่อนที่จะแปลงสภาพเก็บในรูปของไขมัน แต่หากน้ำตาลภายในเซลล์มีพอเพียงอยู่แล้ว อินซูลินก็ต้องหาทางรีบขับหรือกำจัดออกจากร่างกายต่อไป น้ำตาลที่เป็นส่วนเกินในกระแสเลือดจะเข้าไปจับตัวกับ
โปรตีนหลายๆชนิดในเลือด กลายสภาพเป็นตัวทำร้ายผนังหลอดเลือดให้อักเสบ การทานน้ำตาลมากวันละหลายๆมื้อจึงเสมือนกับการเอาแปรงไปขัดถูผนังหลอดเลือดจนถลอกครั้งแล้วครั้งเล่า จนอักเสบเรื้อรัง
วันแล้ววันเล่า ผมอยากจะย้ำกับท่านว่าผมซึ่งผ่าตัดหัวใจมากว่า 5000 คน ผ่าตัดเส้นเลือดมาหลายหมื่นเส้น ภาพการอักเสบเรื้อรังในหลอดเลือดมันติดตาผมว่าไม่ได้แตกต่างจากภาพที่ท่านเห็นหลังจาก
เอาแปรงขนแข็งขัดถูผิวหนังนุ่มบอบางจนช้ำ จนเลือดไหลซิบๆ จนบวมปูด เลือดไหลแต่อย่างใด ต่างกันเพียงว่าน้ำตาลที่ทานเข้าไปวันละหลายๆมื้อ หลายๆปีนี่แหละเสมือนกับแปรงที่ค่อยๆขัดถูผนังหลอดเลือด
จนถลอกปอกเปิก อักเสบเรื้อรัง
8. นอกจากน้ำตาลแล้ว, น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ โดยธรรมชาติผนังหุ้มเซลล์ต่างๆของร่างกายนั้นมีส่วนประกอบหลักทำด้วยไขมันหลากหลายชนิด
ผสมผสานกันเพื่อให้คงความนุ่ม ยืดหยุ่น แต่คงรูป เกลือแร่สารอาหารซึมผ่านเข้าไปในเซลล์ได้เหมาะสม ขยะของเสียซึมผ่านออกจากเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสัดส่วนระหว่างไขมันโอเมก้า-6 และ
ไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีคือ ไม่เกิน 3: 1 แต่ผลจาการที่วงการแพทย์หลงผิดและเผยแพร่ความเชื่อว่าสาเหตุการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นเกิดจาก คลอเลสโตรอลและไขมันอิ่มตัว จนทำให้อุตสาหกรรมอาหาร
เกาะกระแสโปรโมทน้ำมันพืชว่าเป็นไขมันไม่อิ่มตัว อุดมด้วยไขมันโอเมก้า-6 บางชนิดก็โหนกระแสว่ามีไขมันโอเมก้า-3 อีกต่างหาก เลยกลายเป็นว่าทุกครัวเรือนต่างเลิกทานน้ำมันปรุงอาหารแบบดั้งเดิม
หันมาฝากสุขภาพกับไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหลายโดยเฉพาะน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ทั้งยังแทรกซึมลงไปในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทุกแขนง เราจึงมักพบขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย ฟาสต็ฟู๊ดทั้งหลายล้วน
กระหน่ำการใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีเป็นส่วนผสมและปรุง เช่น มันฝรั่งทอด กรอบที่ผ่านการทอดและชุ่มด้วยน้ำมันพืช ( โดยไม่มีใครเฉียวใจเลยว่าน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีเหล่านี้เปิดฝาขวดทิ้งไว้เป็นปีก็ยังไม่เหม็นหืน ?
ทั้งๆที่โดยหลักการแล้วไขมันไม่อิ่มตัวทั้งโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 นั้น จะถูกออกซิไดส์โดยออกซิเจนในอากาศได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่เคยมีใครเฉลียวใจกับคำศัพท์ที่ว่า “ผ่านกรรมวิธี”!
ว่าผ่านอะไรมา? ทำไมจึงไม่เหม็นหืน ?
9. ผลจากการที่วงการแพทย์เดินผิดทาง ทำให้ภาวะโภชนาการของประชากรโลกเดินเพี้ยนพิกลพิการ! ในอเมริกาพบว่าอาหารการกินของประชากรขาดความสมดุลอย่างรุนแรง สัดส่วนระหว่างไขมันโอเมก้า-6
และไขมันโอเมก้า-3 กลายเป็น 15:1 จนถึงระดับวิกฤติ คือ 30:1 ผลก็คือผนังหุ้มเซลล์เสียหายอย่างรุนแรงและปลดปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า cytokines ออกมาทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและรุนแรง
10. ปัญหายิ่งหนักสาหัสขึ้น เมื่อมีภาวะน้ำหนักเกิน อ้วน ทานไขมันเหล่านี้ปริมาณมากเกินไป ทานน้ำตาลมาก ก็ยิ่งทำให้ปริมาณ cytokines และสารเร่งการอักเสบนานาชนิด หลั่งออกมามากเป็นทวีคูณ
ตกเข้าสู่วัฏจักรเลวร้ายเต็มขั้น จนกลายไปเป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบตัน เส้นเลือดเลี้ยงสมองตีบตัน อัมพฤกษ์ อัลไซเมอร์ ฯลฯ ผมขอย้ำว่าร่างกายมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมา
ให้ทนทานต่อปริมาณน้ำตาลท่วมเลือด หรือ ไขมันโอเมก้า-6 ปริมาณสูงๆจากน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา ท่านทราบไหมว่าน้ำมันข้าวโพด1 ช้อนโต๊ะมีไขมันโอเมก้า-6สูงถึง7,280 mg
น้ำมันถั่วเหลือง1 ช้อนโต๊ะ มีไขมันโอเมก้า-6สูงถึง 6,940 mg ตรงกันข้ามกับไขมันในเนื้อสัตว์ธรรมชาติซึ่งมีไขมันโอเมก้า-6 ไม่เกิน20%
11. ทางรอดสำหรับประชากรโลก คือ กลับไปสู่อาหารที่ปรุงสด ผ่านกรรมวิธีผ่านการแปรรูป ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัดน้ำตาลและความหวานทั้งหลาย ตัดน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ( ผ่านกรรมวิธีอะไรเป็นปีๆ จึง
ไม่เหม็นหืน?) ออกไปจากวงจรอาหารในชีวิตประจำวันเสีย !
ในที่สุด เราก็ยังมีทางรอด! ขอให้เอาใจใส่กับสุขภาพของคุณ และคนที่คุณรัก และอย่าลืมแชร์ความรู้นี้ให้กับเพื่อนๆ ของคุณ อย่างน้อยที่สุดทุกคนควรมีสิทธิได้รู้ข้อมูลอันสำคัญต่อชีวิตและสุขภาพนี้!
ขอให้คุณมีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดีตลอดไปนะคะ, และนี้คือ ความรู้เพิ่มเติม Admin อยากฝากมาด้วยความรักและปรารถนาดีค่ะ Tips : สุขภาพดี อายุยืน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
เขมรระแวงหนัก! คุมเข้มห้ามบิน “โดรน” ทั่วกรุงพนมเปญ หวั่นแผนลอบโจมตี “ฮุน เซน” กระแสโซเชียลไทยถล่มยับ
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ทลายเครือข่ายหวยออนไลน์! รวบเจ้ามือใหญ่ ‘บ้านทรัพย์มหาศาล’ คาบ้านพักที่พิมาย
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ด่วนช็อกวงการ! CIB บุกรวบ "มนัส บุญจำนงค์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เอี่ยวคดีฉ้อโกง
คนขับรถบัสช่วยเหลือโคอาลาอย่างอบอุ่น หลังมันหลงปีนขึ้นเสาไฟฟ้าในเมือง
เขมรระแวงหนัก! คุมเข้มห้ามบิน “โดรน” ทั่วกรุงพนมเปญ หวั่นแผนลอบโจมตี “ฮุน เซน” กระแสโซเชียลไทยถล่มยับ
อันวา ร้ายลึก แอบขายอาวุธ ให้กัมพูชา
"อันวาร์" ร้ายลึก "ปานเทพ" แฉเส้นทางอาวุธใหม่จีน ที่ไทยยึดได้จากเขมร พบจีนขายให้แค่ "มาเลย์ฯ"
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
อย่าเพิ่งทิ้ง! ถูกลอตเตอรี่แต่ลืมไปขึ้นเงิน เช็กให้ชัดระยะเวลา 2 ปี นับจากวันไหนกันแน่?
เตือนภัยสายเนี๊ยบ! ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำ 2 ชนิดหวังสะอาดล้ำ แต่กลับได้ก๊าซพิษทำลายปอดเฉียบพลัน
มารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
รู้หรือไม่ ? ที่มาและประวัติของ "สุกี้ยากี้" เป็นมาอย่างไร ?
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ทึ่งทั่วไทย : "น้ำตกแม่กาษา" น้ำตกลำธารใส Unseen แม่สอด จังหวัดตาก

