ฟ้องนายกฯ โต้อธิบดีธัญญา กรมอุทยานฯ เรื่องเขื่อนแม่วงก์
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2560 ดร.โสภณ ได้แถลงว่า "ด่วน เปิดโปงป่าแม่วงก์ที่แท้มีแต่ไม้เล็กๆ ต้องสร้างเขื่อน (ถ่ายจากสถานที่จริง)" ปรากฏว่านายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาชี้แจงผ่าน "ข่าวแจกลำดับที่ 6 ลว.20 ตุลาคม" ดร.โสภณ จึงทำหนังสือถึงนายกฯ และสำเนาถึงนายธัญญาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และรณรงค์ให้สร้างเขื่อนแม่วงก์โดยด่วน
24 ตุลาคม 2560
เรื่อง ความเห็นแย้งต่อคำแถลงของอธิบดีกรมอุทยานฯ และโปรดพิจารณาให้สร้างเขื่อนแม่วงก์โดยด่วน
กราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำเนาเรียน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อ้างถึง ข่าวแจกกระทรวงทรัพยากรฯ ลำดับที่ 6 ลว. 20 ตุลาคม 2560
ตามที่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2560 กระผม (ดร.โสภณ) ได้แถลงว่า "ด่วน เปิดโปงป่าแม่วงก์ที่แท้มีแต่ไม้เล็กๆ ต้องสร้างเขื่อน (ถ่ายจากสถานที่จริง)" {1} ปรากฏว่านายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาชี้แจงผ่าน "ข่าวแจกลำดับที่ 6 ลว.20 ตุลาคม" {2} ดร.โสภณ จึงทำหนังสือนี้ถึงนายกฯ และสำเนาถึงนายธัญญาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และเพื่อให้ ฯพณฯ ได้โปรดพิจารณาสร้างเขื่อนแม่วงก์โดยด่วน
คลิปวีดีโอที่ ดร.โสภณ ไปถ่ายทำถึงสถานที่จริง น่าจะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า บริเวณที่จะสร้างเขื่อนที่ถูกอ้างว่าเป็นป่าสมบูรณ์นั้น แท้จริงเป็นเพียงพื้นที่ที่เพิ่งฟื้นฟูขึ้นมาไม่นาน จึงมีแต่ไม้ต้นเล็ก ๆ ที่นำมาอ้างไม่ให้สร้างเขื่อน อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนของประชาชนมาแต่เดิม และยังมีต้นมะพร้าวที่เคยปลูกไว้ปรากฏอยู่ ดร.โสภณ จึงขอนำเสนอข้อมูลหักล้างเพื่อยืนยันความเหมาะสมในการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ดังนี้:
1. การที่นายธัญญาให้ข้อมูลว่าไม้รังในแปลงที่สำรวจมีความสำคัญในอันดับที่ 1 มีค่าความถี่สัมพัทธ์ (RF%) ความหนาแน่นสัมพัทธ์ (RD%) ความเด่นสัมพัทธ์ (RDO%) และค่าดัชนีความสำคัญ (IVI) ที่ 76.83 นั้น แต่ในความเป็นจริง ค่า IVI ดัชนีอาจสูงถึง 300 และผลการสำรวจอื่นก็พบตัวเลขที่แตกต่างจากที่นายธัญญาแสดง {3}
2. นายธัญญา ระบุลักษณะของป่าเสื่อมโทรมว่า "มีไม้ขนาดความโตวัดโดยรอบ. . .ตั้งแต่ 50-100 เซนติเมตรขึ้นไป. . .ไม่เกินไร่ละ 8 ต้น. . ." {4} เท่ากับว่า ถ้าในพื้นที่ 1 ไร่ มีต้นไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15.91 เซนติเมตรเพียง 9 ต้น ก็ถือว่าไม่เป็นป่าเสื่อมโทรม หรือเป็นป่าสมบูรณ์ ทั้งที่ในความเป็นจริง ต้นไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดังกล่าว เป็นไม้ที่เพิ่งปลูก/ฟื้นฟูขึ้นมาเพียง 10-20 ปีเท่านั้น {5} ถ้าใช้มาตรฐานนี้พื้นที่ว่างที่ปล่อยรกร้างไว้สัก 10-20 ปีในใจกลางกรุงเทพมหานคร ก็มีสภาพเป็นป่ารกชัฏยิ่งกว่าในสถานที่สร้างเขื่อนแม่วงก์เสียอีก หากพิจารณาจากสถิติของกรุงเทพมหานครพบว่ามีต้นไม้ยืนต้นจำนวน 6 ล้านต้น แสดงว่าในทุก 1 ไร่มีต้นไม้ 6.12 ต้น ทั้งที่ในกรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวจำกัดมาก ดังนั้นเกณฑ์ที่กำหนดว่าป่าเสื่อมโทรมมีต้นไม้ยืนต้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15.91 เซนติเมตร ไม่เกิน 8 ต้น จึงเป็นการกำหนดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ที่มา: http://bit.ly/2zpfFz8
ที่มา: http://bit.ly/2h4cxSD
3. ที่นายธัญญาอ้างเรื่องไม้ขนาดใหญ่นั้น ในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ มีจำนวนต้นไม้อยู่ทั้งหมด 697,922 ต้นนั้น มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพียง 1,073 ล้านบาท {7} หรือเพียง 8% ของมูลค่าการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ นับเป็นปริมาณที่น้อยมาก และทางราชการจะร่วมกับชาวบ้านปลูกทดแทนอีก 3 เท่าตัว {8} ที่สร้างเขื่อนแต่เดิมเคยเป็นพื้นที่สัมปทานตัดไม้ และมีประชาชนอาศัยอยู่ 200 ครัวเรือน หากประมาณการจากเมื่อปี 2525 หรือ 30 ปีก่อนหน้ารายงาน EHIA ปี 2555 จะพบว่า ไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 30 เซนติเมตร จะไม่มีเมื่อ 30 ปีก่อน
ส่วนไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30-60 เซนติเมตร ก็คือไม้ขนาด 30-60 เซนติเมตรในปี 2555 แต่หากคิดเฉพาะที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 15.91 เซนติเมตรหรือ 16 เซนติเมตรขึ้นไปตามมติ ครม.เรื่องป่าเสื่อมโทรมตามข้อ 2 ซึ่งถือเป็นไม้ขนาดใหญ่ ก็จะเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง (ของบรรทัดที่ 10) ดังนั้นเมื่อรวมกับไม้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เซนติเมตรขึ้นไป จึงมี 101,198 ต้น หรือตกไร่ละ 8.19 ต้นเท่านั้น แสดงชัดว่าเมื่อครั้งแรกที่จะก่อสร้างเขื่อนในปี 2525 พื้นที่นี้ยังเป็นป่าเสื่อมโทรมอยู่เลย แต่ด้วยการชะลอเวลาเรื่อยมา จึงทำให้ต้นไม้โตขึ้นตามลำดับ แต่โดยที่พื้นที่นี้จำเป็นต้องใช้เพื่อการสร้างเขื่อน การพยายามฟื้นฟูป่าในบริเวณนี้เพียงเพื่อการห้ามสร้างเขื่อน จึงเป็นการใช้ทรัพยากรของชาติไปอย่างสูญเปล่า ควรไปฟื้นฟูป่าในบริเวณอื่นที่แต่ละปีถูกทำลายปีละนับล้านไร่ {9} จะดีกว่า
4. ที่นายธัญญา ว่า "สาเหตุของน้ำท่วมและภัยแล้งนั้น มิได้อยู่ที่การจะสร้างเขื่อนหรือไม่" แต่หากพิจารณาจากส่วนราชการอื่น เช่น กรมชลประทานต่างก็ศึกษาตามหลักวิชาการโดยครบถ้วนว่าควรสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ {10} หากถามความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ก็จะพบว่า จากผลการสำรวจ 3 รอบ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนนี้ {11} เราจึงควรเคารพภูมิปัญญาชาวบ้านด้วยเช่นกัน
5. ข้อเสนอแนวทางแก้ไขของนายธัญญาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่ดินแถวนั้นล้วนเหมาะแก่การปลูกพืชไร่ ไม่มีใครปลูกพืชรากลึกเลยตามที่นายธัญญาเสนออย่างไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าวิธีนี้ทำได้จริง ก็คงไม่ต้องรอเขื่อนแล้ว การขุดสระขนาดเล็ก ก็ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไร้ประสิทธิภาพ {12} ยิ่งกว่านั้นยังมีการอ้างอิงกันว่าหากสร้างเขื่อนแล้วไม่มีน้ำจะทำอย่างไร ข้อนี้ได้มีการพิสูจน์แต่ชัดแล้วว่า ในแต่ละปีมีน้ำไหลมารวมกันเพียงพอ และภายในเวลาไม่กี่ปี ก็จะสามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ในแถลงของนายธัญญายังพาดหัวว่า ดร.โสภณ ในฐานะ "บริษัทเอกชนด้านอสังหาริมทรัพย์" ข้อนี้ ดร.โสภณ เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน ไม่ใช่นายหน้าหรือไม่ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองเป็นสำคัญ และถึงแม้เป็นบริษัทเอกชน ก็รักป่าไม้ โดย ดร.โสภณ เคยจัดประกวดเรียงความชิงโล่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องการรักษาป่าไม้ จนได้รับหนังสือชมเชยจากอธิบดีกรมป่าไม้ {13} และจัดพิมพ์หนังสือโดยไม่คิดมูลค่ารณรงค์ในด้านนี้อีกด้วย {14} ยิ่งกว่านั้น ดร.โสภณ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการสร้างเขื่อน อย่างไรก็ตามการปล่อยให้ป่าขาดการดูแลเท่าที่ควร อาจกลายเป็นแหล่งในการหาผลประโยชน์/แอบตัดไม้ทำลายป่าของคนบางกลุ่มโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้เอง {15}
ในการก่อสร้างเขื่อนนั้น ทางราชการควรตระหนักว่าเขื่อนสำคัญๆ ของไทย ล้วนสร้างบนภูเขา แม้จะต้องตัดต้นไม้ไปส่วนหนึ่ง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าการสร้างเขื่อนมีประโยชน์อเนกอนันต์ทั้งเขื่อนภูมิพล {16} เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนรัชชประภา ฯลฯ การสร้างเขื่อนแม่วงก์จึงไม่ได้ทำลายป่าไม้ ซึ่งหากมีการก่อสร้างแต่แรก ก็มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมอย่างชัดเจน และแม้ถึงวันนี้เมื่อมีการสร้างเขื่อน ก็จะทำให้เกิดความชุ่มชื้นมากขึ้น ทำให้ป่าไม้อุดมสมบูรณ์กว่าเดิม มีอาหารให้สัตว์ป่าได้ขยายพันธุ์อีกด้วย และเขื่อนเป็นปราการป้องกันการเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า
สำหรับต่อประชาชนคนเล็กคนน้อย เขื่อนจะช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง มีผลดีต่อการชลประทาน ผลิตไฟฟ้า ผลิตน้ำประปาได้ ทำการประมง การท่องเที่ยว พื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ก็อยู่ตรงบริเวณชายของป่าแม่วงก์ ก็เป็นป่าเต็งรังซึ่งเป็นป่าโปรงเป็นหลัก การเสียที่ดินขนาดเพียง 1/1,000 เท่าของผืนป่าตะวันตกในบริเวณนี้จึงคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีน้ำมากขึ้น ย่อมจะสามารถทำให้โดยรอบชุ่มชื้น ขยายพื้นที่ป่าได้อีกมหาศาลกว่านี้
การที่ไม่มีเขื่อนมาเป็นเวลานานถึงกว่า 30 ปี ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ฝายที่พยายามสร้างทดแทนไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนต้องขุดบ่อบาดาลเอง โดยเสียค่าใช้จ่ายนับหมื่นๆ บาท น้ำที่ได้ก็มีสนิม ไม่อาจดื่มได้ {17} ในกรณีน้ำท่วม ชาวนาก็ต้องรีบเกี่ยวข้าวขายขาดทุนเหลือเกวียนละ 3,000-4,000 บาท แต่ละปีรัฐบาลต้องชดเชยให้ประชาชนในพื้นที่จากภัยแล้งและน้ำท่วมหลายร้อยล้านบาทต่อปี หากนำเงินเหล่านี้มาสร้างเขื่อนก็คงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ประชาชน ซึ่งหากประชาชนมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ก็ยิ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติได้มากกว่านี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอกราบขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี้
ด้วยความเคารพ
(ดร.โสภณ พรโชคชัย)
อ้างอิง
{1} อ่านที่ http://bit.ly/2yzin7G ฟังที่ https://youtu.be/W3Hkuubzbmo
{2} http://bit.ly/2zElKsr
{3} วิทยานิพนธ์ของ น.ส.วิสา พิลึก (http://bit.ly/2iv5buL) ในป่าแม่วงก์ พบไม้เต็งมีค่า IVI มากกว่าไม้รังที่มีค่า IVI ที่ 60.01 ไม่ใช่ 76.83
{4} ตามมติ ครม. 9 พฤษภาคม 2532 (https://goo.gl/Ac9cl) ซึ่งออกหลังมีความพยายามสร้างเขื่อนแม่วงก์โดยกรมชลประทานที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2525 (https://goo.gl/ArgvAe)
{5} http://bit.ly/1PxgZUQ และ Link เพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆ
{6} จำนวน 3,186,640 ต้น คาดว่าเฉพาะต้นไม้ของกรุงเทพมหานคร (http://bit.ly/2y0fkqq) เพราะกรุงเทพมหานครทราบว่าส่วนใหญ่ล้อมมาปลูกโดยไม่มีราก ดังนั้นหากรวมต้นไม้ของเอกชนด้วย อาจมีจำนวนอีกมาก ในทีนี้จึงประเมินไว้ที่ 6,000,000 ต้น
{7} http://bit.ly/1Prlq4r
{8} โปรดดูรายงานข่าวนี้ที่ http://bit.ly/2y2yLde
{9} การสูญเสียพื้นที่ป่า http://bit.ly/2zLtXuW
{10} http://bit.ly/2yxyEKU
{11} http://bit.ly/2c17hdD
{12} ดูกรณีคลองสาลี http://bit.ly/1QBK1iX
{13} http://bit.ly/2yxzrM8
{14} http://bit.ly/2grXt0c
{15} แอบตัดไม้ทำลายป่าโดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ (http://bit.ly/2yw8nwD http://bit.ly/1SPdr3x http://bit.ly/2xUjHDb http://bit.ly/1Tkdeoy http://bit.ly/2gxSezN เป็นต้น)
{16} ผลิตไฟฟ้า ชดเชยการนำเข้าน้ำมันเตาได้ 342,418.16 ล้านบาท ชลประทานกว่า 10 ล้านไร่ ประมงมูลค่า 427.37 ล้านบาท ส่งเสริมการท่องเที่ยว (27 ล้านคน) (http://bit.ly/2fxLqNc)
{17} http://goo.gl/7h8Ljk
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แฮ็กสมอง อารมณ์ดีใน 10 วินาที เปลี่ยนอารมณ์ลบให้ดีขึ้นภายใน 10 วินาที
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม






