ลูกค้าทานเยอะร้านบุฟเฟต์ก็โวยวาย!!! ลูกค้าทานน้อยร้านบุฟเฟต์กำไรเยอะก็เงียบ แล้วแบบนี้จะให้ทำไงครับ?

ร้านอาหารบุฟเฟต์กุมขมับ! เจอลูกค้าสายแ-ก นั่งมาราธอนตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด สุดทนโพสต์ระบาย “เจอลูกค้าแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน” โลกออนไลน์โต้กลับร้านไม่จำกัดเวลา “คนกินเยอะเอามาแฉ ทีคนกินน้อยไม่เห็นออกมาพูด!” ล่าสุด เจ้าของร้านโล่ขอโทษ..เปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (อีกตามเคย)

เสียเปรียบทำบ่น..ได้เปรียบกลับเงียบ!

“ช่วงนี้เจอลูกค้าบางคน ทานเยอะจนไม่น่าเป็นไปได้ ทานเยอะกว่าคนธรรมดา 5 เท่า นั่งทานตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด เจอแบบนี้บ่อยๆ ทางร้านก็ไม่ไหว ต่อไปอาจต้องจับเวลาหรือขายเป็นจาน”

สุดเอือม! ร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่งโพสต์บ่นลูกค้ากินจุมากกว่าคนธรรมดา ตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด หวั่นขาดทุนขอโพสต์ระบายลงโซเชียลฯ ภายหลังเพจดังแคปภาพร้านอาหารมาวิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ โดยให้ความเห็นถึงประเด็นนี้ว่า ทางร้านอาหารไม่ได้จำกัดเวลาและได้มีการเหมาจ่ายเป็นหัวไว้แล้ว ซึ่งลูกค้ามีทั้งคนที่ทานมากและน้อย ถัวเฉลี่ยกันไป

“คำว่าบุฟเฟต์ คือ กินนานแค่ไหน มากเท่าไหร่ ไม่มีใครห้ามเราได้ เพราะได้เหมาจ่ายเป็นหัวไปแล้ว ทางร้านเองไม่ใช่คิดแต่ว่าเจอคนที่กินเยอะๆ แล้วเอาออกมาพูด คนที่เดินเข้ามากินมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนตัวเล็ก คนตัวโต ตัวผอม ตัวอ้วน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกินเท่าเทียมกันหมด

สุดท้ายต้นทุนก็ต้องถูกเฉลี่ยอยู่ดี ร้านเองต้องบริหารต้นทุนตัวเอง ไม่ใช่จะโทษลูกค้าที่กินเยอะ ถ้าคิดจะโทษลูกค้าที่กินเยอะ ก็ลองปรับมาเป็นจำกัดเวลาหรือขายเป็นจาน อยากรู้เช่นกันว่าลูกค้ายังจะมาอีกไหม!!”

หลังจากที่เกิดกระแสวิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าวอย่างร้อนระอุ ทว่า ความคิดเห็นส่วนใหญ่โจมตีไปที่ทางร้านบุฟเฟต์ ในเรื่องข้อกำหนดการไม่จำกัดเวลา แต่กลับโพสต์ประจานลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารอย่างยาวนานซะอย่างนั้น

“คุณคิดจะเปิดร้านบุฟเฟต์แบบไม่จำกัดเวลา คุณก็ต้องเจอคนแบบนี้อยู่แล้ว จะโทษลูกค้าไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นจำกัดเวลาซะ หรือขายเป็นจาน ซึ่งแน่นอนลูกค้าก็ต้องน้อยลงตามมา เต็มที่ก็ได้แค่หน้าใหม่มาลอง เป็นผมก็ยอมเพิ่มเงินมากกว่าเพื่อไม่จำกัดเวลานะ”

“แล้วคนที่กินสองสามคำอิ่ม นี่มีใส่ถุงแถมเขากลับบ้านบ้างไหมล่ะ ”

“มีคำแนะนำดีๆ ให้สำหรับคนที่เป็นเจ้าของร้านนะคะ คือปิดร้านไปเลยค่ะ เคยเอามาถัวใส่กับคนที่เขากินนิดเดียวอิ่มไหมคะ กระเพาะคนมันไม่ได้เท่ากันทุกคน บางคนกินเยอะ บางคนกินน้อย ถ้าคิดว่าจะเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว ก็ขอแนะนำปิดกิจการไปซะ”

ล่าสุด เจ้าของร้านอาหารดังกล่าว เปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชี้แจงแค่โพสต์ขำๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้! พร้อมฝากขอโทษลูกค้าที่ทำให้เสียความรู้สึก และน้อมรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว

“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางร้านไม่ได้มีเจตนาจะต่อว่าลูกค้าหรือพาดพิงบุคคลใด เพียงแค่โพสต์ไปเพราะความนึกขำขัน และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งไม่คิดว่าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดีขนาดนี้ ทางร้านเองรู้สึกเสียใจและขอโทษจากใจจริง ขอน้อมรับความผิดทั้งหมดเพียงผู้เดียว”

ดรามา “ยัดไม่ยั้ง” ไม่ใช่ครั้งแรก!

สิ่งหนึ่งที่ร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์เหล่านี้ต้อง “ทำใจ” และ “ยอมรับ” ให้ได้ คือ การที่ต้องพบเจอลูกค้าที่รับประทานอาหารจำนวนมากแบบไม่ยั้ง เพราะถือว่าคือเรื่องปกติของธุรกิจร้านอาหารประเภทนี้ ทว่า หากย้อนไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่า การที่ร้านอาหารออกมาโพสต์จวกลูกค้ารัวๆ ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว!

อย่างในเคส “ร้านหมูกระทะ” แห่งหนึ่ง เคยออกมาดรามาบุฟเฟต์ลูกค้านั่งมาราธอนนาน 6 ชั่วโมง พร้อมแฉพฤติกรรมลูกค้าแบบไล่เรียงทามไลน์กันเลยทีเดียว โดยใจความสำคัญหลักๆ เผยว่า

“ลูกค้าสองคนมีการเปิดแก๊สใช้เตาตลอด, ทานไอศกรีมกล่องใหญ่ราคา 300 บาท(ปกติทานได้ 20 คน) หมดไปสองกล่อง ที่สำคัญก็คือมีการเอาเปรียบทางร้าน ด้วยการสลับกันเดินออกไปย่อยอาหารและกลับเข้ามา กระทั่งเรื่องนี้เป็นที่วิจารณ์ไปทั่วโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาได้มีหญิงสาวที่ระบุว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าออกมาโพสต์ข้อความชี้แจง ด้วยข้อมูลในเรื่องที่ไม่ตรงกันในหลายๆ จุด ซึ่งทำเอาคดีในครั้งนั้นพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จนภายหลังทางร้านต้องออกมาโพสต์ข้อความขอโทษขอโพยลูกค้าคนดังกล่าวให้สิ้นสุดเรื่องราวดรามากันไป

ขณะที่ด้านเจ้าของร้านอาหารรูปแบบบุฟเฟต์รายอื่นๆ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ ถึงกรณีนี้ด้วยเช่นกันว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอลูกค้าหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการที่ลูกค้าทานอาหารเยอะ ไม่ได้ทำให้ขาดทุนแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายร้านอาหารก็สามารถนำไปถัวเฉลี่ยกับผู้ที่ทานอาหารได้น้อยอยู่ดี

“ส่วนตัวผมทำธุรกิจ อาหารขนมจีนบุฟเฟต์ ร้านผมไม่มีเวลาจำกัดนะครับ จะโหดๆ หรือไม่โหดผมเจอทุกรูปแบบ แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ ถ้าเราเลือกที่จะทำธุรกิจตัวนี้ คุณต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่จะได้พบเจอในทุกรูปแบบ อย่าไปคิดมาก มันไม่ใช่ว่าจะเจอแบบนี้กันทุกวันหรอกครับ มีทั้งหนัก ทั้งเบา มันก็ถัวๆ กันไปครับ”

“ผมขายบุฟเฟต์อยู่ ต้องทำใจครับ เจอหน้าก็รู้แล้วว่าคนนี้กินเยอะ คนนี้เยอะมาก เพราะมีแต่ลูกค้าประจำทั้งนั้นครับ เปิดมา 17 ปี ในจำนวน 100 คนจะเจอไม่ถึง 10 หรอกครับที่กินแบบไม่ยั้ง เฉลี่ยกันเอา แต่ถ้าร้านที่ออกมาโพสต์ว่าลูกค้าแบบนี้ เห็นแก่ตัวมากๆ ครับ”

Buffet = All you can eat

นิยามความหมายคำว่า “บุฟเฟต์” ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ คือ การรับประทานอาหารได้อย่างไม่จำกัด บ้างก็บอกว่ามันคือการที่ลูกค้าต้องบริการตัวเอง ซึ่งจากประเด็นนี้เองก็ได้มีการถกเถียงกันในโลกออนไลน์ถึงความหมายของคำว่า บุฟเฟต์ ด้วยเช่นกันว่า จริงๆ แล้วนิยามของมันคืออะไรกันแน่

'บุฟเฟต์' ตามความหมายในภาษาอังกฤษ หมายถึง การบริการตัวเอง ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ตีความหมายของคำๆ นี้ว่าคือการกินแบบไม่อั้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มักถูกปลูกฝังให้เข้าใจความหมายของคำๆ นี้ ผ่านโปรโมชั่นที่ร้านอาหารมักนำมาใช้เพื่อเป็นจุดขายในการแข่งขันให้กับแบรนด์ตัวเอง!

หากย้อนไปที่ต้นกำเนิดของคำว่า 'บุฟเฟต์' นั้นเป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส แต่ได้มีเรื่องราวมาจากประเทศสวีเดน ในสมัยยุคไวกิ้งกันเลยทีเดียว ซึ่งชาวไวกิ้งที่ว่าจะมีการดำรงชีวิตด้วยการซื้อ-ขายสินค้า และปล้นสะดมจากการเดินเรือ พอถึงเวลาขึ้นฝั่งก็จะสั่งอาหารที่จำนวนมากมาไว้บนโต๊ะจนเต็ม จากนั้นจะตักอาหารทานตามใจชอบแบบไม่อั้น

นี่จึงเป็นที่มาและอารยธรรมการกินอาหารแบบบุฟเฟต์ที่ได้มีการแพร่หลายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีความหลากหลายแตกแขนงกันมากขึ้น ทั้ง บุฟเฟต์อาหารไทย บุฟเฟต์อาหารนานาชาติ บุฟเฟต์อาหารทะเล และอื่นๆ อีกมากมาย ทว่า ก็ยังมีการคงคอนเซปต์ การรับประทานอาหารแบบที่ต้องบริการตัวเองเอาไว้เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม คำว่า บุฟเฟต์ ในภาษาไทยและความเข้าใจของคนไทย คือ การทานอาหารในแบบที่ถูกจัดวางไว้ตามเคาน์เตอร์บาร์ เพื่อให้แขกหรือลูกค้าเดินตักอาหารต่างๆ ด้วยตัวเอง และสามารถเลือกอาหารที่รับประทานได้ตามความพอใจ หรือที่หลายคนมักเรียกกันว่า 'All you can eat' นั่นเอง

แต่สำหรับในประเด็นที่พูดถึงในขณะนี้ การที่ร้านอาหารออกมาจวกลูกค้าที่รับประทานอาหารมากกว่าปกติ หรือนั่งเป็นเวลานาน เห็นทีว่าจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆ นี่เอง เพราะในเมื่อกฎ-ระเบียบก็เขียนอยู่ชัดเจนว่า “ไม่จำกัดเวลาและกินได้ไม่อั้น” จะออกมาเรียกร้องอะไรก็ดูเหมือนว่าจะผิดทุกทาง!

แต่หากจะงัดประเด็นในเรื่อง “สามัญสำนึก” และ “มารยาท” ในการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารบุฟเฟต์ที่ว่านี้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง . .