แชร์ประสบการณ์ดูดไขมันหน้าท้อง+ต้นแขน 1,400 cc. ที่ฉันไม่ต้องการแล้ว
สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อเกี๊ยวกุ้งนะคะวันนี้ตั้งใจมาแชร์ประสบการณ์สตอรี่ชีวิตที่ไม่คิดว่าต้องเจอกับตัวเอง เริ่มเลยละกันนะคะ
เดิมๆ เราเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสุขกับรูปร่างตัวเองไม่เคยมองว่าน้ำหนักหรือรูปร่างจะเป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตอะไร เพราะช่วงชีวิตหนึ่งก็เคยสัมผัสคำว่าผอมกับเค้าอยู่บ้างอาจไม่ได้ผอมมาก แต่ก็ไม่ได้ตุ้ยนุ้ยมากเท่าตอนนี้
อย่างที่บอกไปนะคะเราเป็นคนที่คิดมาตลอดว่า ความอ้วนไม่สามารถทำอะไรกับชีวิตฉันได้จะผอม จะเพรียวนี่ไม่เคยคิดอยากมีอารมณ์แบบนั้นเลย เพราะถ้าเรามั่นใจและมีความสุขกับสิ่งที่เป็น แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ
แต่แล้วมันก็ไม่พอในวันที่เราต้องสมัครงานแล้วอุปสรรคส่วนหนึ่งดันเป็นรูปร่างของเราเอง มีบริษัทไม่รับเราเข้าทำงานค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราตัวใหญ่เกินไป (จะบอกว่าอ้วนแบบสุภาพ) ตอนนั้นได้แต่โมโหว่าทำไมไม่มองคนที่ความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นไรสู้ใหม่!
ช่วงเดินสายสมัครงานกับน้ำหนักที่เริ่มแตะ 60 กิโลเบาๆ
ระหว่างหาสมัครงานก็ใช้ชีวิตปกติ ตามนิสัยน่ารักขั้นพื้นฐาน กิน คุย นอน!! 555555 พุงเจ้ากรรมก็ขยายสิคะจำได้ว่าตอนนั้นแฟนทักว่าเราอ้วนขึ้น แขนก็ใหญ่ขึ้น ดูอุ้ยอ้ายเป็นคนแก่ แต่เกี๊ยวกุ้งซะอย่าง ข้ามค่ะ.. ไม่สนใจ 555555 แต่แฟนเราคงทนไม่ได้จริงๆ อ่ะ เลยจัดการถ่ายรูปตอนที่เราเผลอนั่งอ้วน แล้วทำภาพเปรียบเทียบมาให้ดู!! เป็นภาพนี้ที่ทำให้เราฉุกคิดต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง
ภาพที่แฟนเราทำเปรียบเทียบให้ดู
เราจะไม่ขอ 3 คำจากภาพด้านบนหรอกนะ เพราะมันช่างแตกต่างเหมือนคนละคนจริงๆ คือ 2 ภาพด้านบนนี้ ใช้เวลาห่างกันแค่ปีเดียวจาก 51 กิโล ดีดมา 62 กิโลเต็ม! ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเยอะแยะนะเกี๊ยวกุ้ง
ถ้าไม่ได้ภาพจากเธอในวันนั้น เราก็คงไม่อยากดูดไขมันในวันนี้
หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มหาวิธีลดน้ำหนักอย่างจริงจังสลับกับหางานไปด้วย ซึ่งความโชคดีของเรามากๆ เลยคือแฟนเราแนะนำให้เข้าหาหมอศัลยกรรมได้เพราะปกติผู้ชายจะไม่ค่อยโอเคที่แฟนจะไปทำศัลยกรรมอยู่แล้วป่ะ แต่แฟนเราเขาค่อนข้างโอเคกับเรื่องนี้ วิธีแก้ปัญหาของเราเลยแคบลงมาอีก เปิดทางมาซะขนาดนี้ก็เสิร์ชหาคุณหมอกับคลินิกที่น่าเชื่อถือต่อสิคะ
เราใช้เวลาไปกับการหาคลินิก ดูรีวิวงานคุณหมออยู่นานมาก เพราะคลินิกศัลยกรรมสมัยนี้มันมีเยอะมากจริงๆ จิ้มผิดจิ้มถูกกลัวเป็นข่าวบนโซเชียลอีก เราเลยใช้วิธีลัดถามเพื่อนที่เคยศัลยกรรมมาก่อนให้เขาแนะนำว่าทำที่ไหน ยังไงดี เราอยากดูดไขมันหน้าท้องเพื่อนก็แนะนำให้มาปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกแถวสยาม ที่นี่เขามีบริการปรึกษากับคุณหมอเฉพาะทางก่อนได้ เราก็ลองมาปรึกษาแฟนแล้วตัดสินใจนัดคิวกับคลินิกดู เผื่อช่วยตัดสินใจง่ายขึ้นและจะได้เห็นบรรยากาศคลินิกจริงๆ ไปด้วยเลย
นี่แหละพุง!! ให้เรียกเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้
ตอนปรึกษากับคุณหมอ เราไม่ต้องพกแบบเข้าไปนะคะ 55555 เพราะดูดไขมันไม่ต้องมีตัวอย่างว่าจะผอมแค่ไหน แต่คุณหมอจะมีภาพก่อนหลังของเคสอื่นๆ ที่ทำก่อนหน้านี้มาให้เราดู จะเป็นเคสที่ทำตำแหน่งเดียวกันกับเรา พร้อมประเมินว่าเราต้องทำอะไรยังไงบ้าง ของเราจริงๆ แล้วคุณหมอแนะนำให้ไปลดน้ำหนักก่อน เพราะผิวหนังจะได้ค่อยๆ ลดลง จะได้เห็นไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้ง่าย เราเลยถามหมอต่อว่าดูดมันไปเลยไม่ได้หรอคะ เพราะทำใจมาแล้ว 55555 ทนไม่ไหวจริงๆ เวลานั่งคืออึดอัด ทำอะไรก็รู้สึกช้าๆ ไปหมด คุณหมอเลยแนะนำดูดไขมันด้วย Vaser Liposuction เป็นเทคนิคที่การันตีจากคนไข้ว่าเห็นผลทันทีหลังรักษา นี่เผลอร้องว้าวอย่างดัง (ตอนหลังแฟนบอกเราอายแทน 55555) แต่คุณหมอก็ไม่ได้บังคับนะว่าเราต้องดูดไขมัน คุณหมอก็ให้เลือกตามสะดวกทั้งความพร้อมและเงินในกระเป๋า เพราะเคสเราคุณหมอบอกว่าถ้าจะดูดไขมันจริงๆ ก็อยากให้ดูดไขมันต้นแขนไปด้วยเลย ไม่งั้นจะดูเป็นคนตัวเล็กแต่แขนใหญ่ พูดให้ง่ายคือนอกจากพุงที่คิดว่าใหญ่แล้ว ต้นแขนของเราก็ยังใหญ่อีกด้วย
ถ้าภาพเคลื่อนไหวได้ กระทู้นี้จะสั่นประมาณ 2.4 ริกเตอร์ - -
เรายังไม่ได้ตัดสินใจทำทันที ขอเวลากลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อยคุณหมอก็น่ารักมาก บอกว่าระหว่างที่ตัดสินใจก็ให้เริ่มควบคุมอาหารไปด้วยนะ เริ่มจากลดน้ำอัดลมก่อนเลย แหะๆ.. กลับมาเราก็หาข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับการดูดไขมัน Vaser Liposuction ทันที เพราะขึ้นชื่อว่าการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยงเป็นของคู่กันข้อมูลที่ได้ก็มีประมาณนี้
1. เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านพลังงานคลื่น Ultrasound
2. เข้าสลายไขมันแบบเฉพาะเจาะจง แม่นยำ
3. ดูดไขมันได้หลายตำแหน่ง เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หลังเอว ต้นขา
4. ลดอาการบาดเจ็บระหว่างทำ
5. ไม่ทำลายเส้นเลือด เส้นประสาท เนื้อเยื่อรอบๆ ที่ดูดไขมันทำให้ผิวหนังยังคงกระชับอยู่
6. บาดเจ็บน้อย
7. ใช้ระยะเวลาดูดไขมันไม่นาน
8. เป็นนวัตกรรมที่สามารถตั้งค่าให้เก็บไขมันที่ดูดออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ ถ้าอยากนำไขมันเหล่านั้นไปฉีดส่วนต่างๆ ต่อไป
9. ราคาค่อนข้างสูง
10. เจ็บตัวนิดหน่อย
11. อาการบวมช้ำหลังดูดไขมันในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก (ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
เทียบกับการกำจัดไขมันแบบอื่น อย่างพวกฉีดเมโสแฟต เลเซอร์สลายไขมัน ก็ต้องทำซ้ำหลาย 3-4 ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน
หรือการอัด Carboxy ที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์เข้าไปในร่างกาย ซึ่งเพื่อนเราเคยบอกว่าเจ็บมาก เราว่าดูดไขมันนี่ดูกลางสุดแล้ว อาทิตย์ถัดมาก็จัดการทำเรื่องนัดคิวดูดไขมันกับคลินิกค่ะ(ตอนนั้นเป็นช่วงโปรของคลินิกพอดี) ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือร้ายที่ยังไม่ได้งาน เพราะถ้าได้งานเราก็คงไม่มีเวลามาดูดไขมันแบบนี้ งั้นถือเป็นเรื่องราวดีๆ ในโชคชะตา
555555
วันดูดไขมันจริงเราพาแฟนไปด้วย คือถ้าขอให้เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนในห้องผ่าตัดได้นี่คงทำไปแล้ว บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้นมาก แต่พี่ๆ พยาบาลบอกว่าไม่ต้องตื่นเต้น เหมือนหลับไปตื่นมาก็สวยเลย!! ค่ะ 5555555 ก่อนผ่าตัดคุณหมอจะวาดกำหนดจุดที่จะดูดไขมันบนหน้าท้องกับต้นแขนของเราค่ะ พี่พยาบาลก็จะเข้ามาเช็ดทำความสะอาดผิวด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้ง มันก็จะหนาวๆ หน่อย เพราะเหมือนไปยืนแก้ผ้าในห้องแอร์ทั้งที่ตัวและแขนก็เปียกน้ำ แต่แค่แปปเดียวค่ะ เสร็จก็ขึ้นเขียงล้มตัวลงนอนค่ะ!!
ไขมันที่ฉันไม่ต้องการแล้ว (แขนและท้อง) รวมทั้งหมด 1,400 cc.
สิ่งที่เราจำได้ (ก่อนที่ดูดไขมัน) หลังจากที่เราขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว ก็มีวิสัญญีแพทย์เข้ามาฉีดยาเบลอให้ บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงค่ะ พี่ๆ ทีมแพทย์อารมณ์ดีกันมาก 555555 ทำให้เรารู้สึกว่าตื่นเต้นไปก็เท่านั้น สู้ทำตัวสบายๆ ไว้ดีกว่า คนอื่นเขายังผ่านจุดนี้กันไปได้เลยแล้วภาพก็ตัดไปเฉย!! ตื่นมาอีกทีก็เสร็จแล้วค่ะ เห็นคุณหมอและทีมกำลังวุ่นๆ
อยู่กับเครื่องมือ แล้วพี่พยาบาลก็เข้ามาบอกว่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะพาไปนอนต่อที่ห้องพักฟื้นตอนนั้นก็รู้สึกตึงๆ แถวหน้าท้อง แต่ยังไม่เจ็บนะ ก่อนกลับบ้านพี่พยาบาลก็เข้ามาบอกว่าต้องดูแลตัวเองยังไง ส่วนใหญ่ก็อย่าทำอะไรที่กระทบกระเทือนกับผิวที่ดูดไขมันมาก อย่าให้แผลโดนน้ำก่อนที่จะตัดไหม และงดอาหารของหมัก ของดอง และแอลกอฮอล์ไปก่อน 2-4 อาทิตย์
คั่นอารมณ์ด้วยเมนูของคาว
หลังดูดไขมันครบ 1 เดือน ก็จัดส้มตำถาดใหญ่ใส่ปลาร้า 2 ครก+เมนูจุ่มแซ่บๆ ให้หายอยาก ฟินมากจำได้ 555555
หลังดูดไขมันครบ 1 เดือน
วันติดตามผลกับคุณหมอที่คลินิก
วันที่นัดฟังติดตามผล หมอบอกว่ารอยแผลตรงหน้าท้องกับต้นแขนก็ไม่ค่อยช้ำแล้วค่ะ จริงๆ เราคิดไว้ว่าช่วงแรกนี่ต้องบวมช้ำหนัก เขียวม่วงออกมาแน่ๆ แต่ก็ไมได้ออกมาน่ากลัวอย่างที่คิด มีสีช้ำชัดหน่อยช่วงวันที่ 3 แต่วันถัดมาก็ถือว่าเบาลงไปเยอะ หมอยังชมเลยว่าแผลค่อนข้างสวย ไม่บวมช้ำ ดูไม่น่ากลัว 55555 แค่ชมว่าแผลสวยก็แฮปปี้ละตอนนี้ เพราะหลังดูดไขมันไปประมาณ 3 อาทิตย์ ก็มีข่าวดีทันที เราโดนเรียกตัวนัดสัมภาษณ์งานและก็ได้งานแล้วจ้า!! ผ่านๆๆๆ ขึ้นสถานะมีงานทำแล้ว 55555 สิ่งที่ทำใหรู้สึกภูมิใจเกินคาดคือบริษัทที่เราได้งาน ทำเกี่ยวกับเรื่องความสวยงาม ซึ่งก็ต้องรับคนที่ดูดีในระดับหนึ่งแหละ จริงมั้ย ^^
[i
ชอบตัวเองตอนนี้มาก รู้สึกดีกับตัวเอง
สรุปผลการดูดไขมันหน้าท้อง+ต้นแขน 2 ข้างครั้งนี้ถือว่าผ่านค่ะ! ผลค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ รอบแขนเราลดลงไป 1 นิ้ว รอบเอวก็เล็กลงถึงขั้นเปลี่ยนไซส์กางเกงได้ ถามว่าเจ็บมั้ย มันก็ไม่ได้เจ็บทรมานอะไรขนาดนั้น อาจจะมีตอนตื่นนอนใหม่ๆ ที่จะรู้สึกตึงๆ แปล๊บๆ แต่พอขยับเคลื่อนไหวสักพักก็เฉยๆ ไป
ก่อนจบรีวิวอยากบอกว่าความตั้งใจของเราไม่ใช่การที่จะได้ชื่อว่าเป็นคนผอมหรือยังไงนะ แต่เพราะครั้งหนึ่งเราเคยตัวเล็กกว่านี้อ่ะ!! เราเคยน้ำหนักน้อยสุดอยู่ที่ 48 กิโล มาวันนึงเห็นสภาพตัวเองอืดจมเตียงกับน้ำหนัก 62 กิโล มันแย่มาก ถ้าน้ำหนักขึ้นแต่ไม่มีพุงเราว่าเราก็คงโอเคอยู่นะ แต่มันไม่ใช่ไง 555555
อีกอย่างคือการดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนักค่ะ มันเป็นการลดสัดส่วน พวกที่เป็นไขมันส่วนเกิน ไขมันสะสมที่ต้นขา หน้าท้อง สะโพก ช่วยให้ดูเพรียวขึ้น รูปร่างดีขึ้น ถ้าหลังจากนี้เรายังติดกิน ติดขี้เกียจ ไม่ออกกำลังกาย ไขมันที่ว่าก็จะกลับมาเกาะที่พุงเราอีกแต่คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะ เพราะเราไม่อยากเห็นภาพกระชากใจอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ขอบคุณภาพในวันนั้นที่ทำให้เราตัดสินใจกำจัด 1,400 cc. ออกจากร่างกาย!! หวังว่าจะเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่ให้ประโยชน์ดีๆ กับผู้หญิงที่ยังลังเลว่าจะกลับดูแลหุ่นตัวเองกันบ้างนะคะ