ไม่ควรมีข้อยกเว้นในการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การอ้างไม่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากคนจน การอ้างว่าบ้านเป็นปัจจัยสี่จึงพยายามจะไม่เก็บภาษี ข้ออ้างต่างๆ ล้วนเป็นเท็จ ล้วนเพียงหาทางไม่เก็บภาษีคนรวย ก็เท่านั้น!!!
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีทรัพย์สินและได้นำพาคณะข้าราชการไปดูงานและศึกษาระบบภาษีทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอื่น ๆ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เปิดเผยว่า การอ้างต่าง ๆ ล้วนไม่เป็นเหตุเป็นผล เช่น
- อ้างว่าต้องการเก็บภาษีเฉพาะคนรวย ก็เลยออกแบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เก็บตั้งแต่ราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นการแสดงนัยว่าไม่ต้องการที่จะเก็บภาษีมากกว่า เพราะบ้านราคา 50 ล้านบาทขึ้นไปตามราคาประเมินราชการ ทั่วประเทศคงมีไม่เกิน 1,500 หน่วย
- อ้างว่าบ้านเป็นปัจจัย 4 จึงไม่พยายามที่จะเก็บภาษี ถ้าขืนมีการยกเว้นแบบนี้ ก็คงไม่ต้องมีภาษีนี้ และคงหาทางขึ้นภาษีอื่นเช่น VAT ซึ่งทุกคนก็จะเดือดร้อน แม้ไม่มีทรัพย์สินเลยก็ตาม
- อ้างว่าจะไม่เก็บภาษีบ้านหลังแรก ก็กลายเป็นการสร้างช่องทางให้คนหลบเลี่ยง ด้วยการโอนบ้านหลังที่ 2 ให้ลูกหลานไว้ก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง
- อ้างว่าไม่มีกำลังทำฐานข้อมูลราคาประเมินให้สอดคล้องกับราคาตลาด จะได้ออกราคาประเมินราชการต่ำ ๆ เพื่อให้คนรวย ๆ ได้เลี่ยงภาษีได้ง่ายขึ้น
อันที่จริงไม่ควรมีการยกเว้นเพราะจะทำให้จัดเก็บลักลั่น ไม่ทั่วถึง ควรให้ทุกส่วนในสังคมมีส่วนรับผิดชอบท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย และอาจลดภาษีทางอ้อมด้านอื่นแทน ปกติประชาชนคนเล็กคนน้อยที่มีจักรยานยนต์เก่า ๆ สัก 1 คัน ซึ่งมีสนนราคาประมาณ 30,000 บาท ก็ต้องเสียภาษีรถปีละประมาณ 400-500 บาท หรือราว 1% อยู่แล้ว ก็ไม่มีใครเดือดร้อนจนเกิดการเรียกร้องให้ยกเลิกหรือลดหย่อนใด ๆ
ดังนั้นหากผู้มีรายได้น้อยที่มีห้องชุดราคาถูก ๆ ประมาณ 300,000 บาท ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1% ก็เป็นเงินเพียง 3,000 บาท หรือ 250 บาท ถูกกว่าค่าจัดเก็บขยะ หรือค่าส่วนกลางในการดูแลชุมชนเสียอีก และภาษีนี้เมื่อนำมาใช้เพื่อพัฒนาท้องถิ่น ก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเร็วกว่าภาษีที่ต้องเสียไปเสียอีก จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อประชาชนทั่วไปแต่อย่างไร
แต่ปัญหาก็คือ คนที่มีรายได้สูง ๆ ไม่ต้องการเสียภาษีต่างหาก เช่น หากมีบ้านราคา 10 ล้านบาท หากต้องเสียภาษี 1% ก็เป็นเงิน 100,000 บาท ยิ่งหากมีบ้านราคา 50 ล้านบาท ก็ต้องเสียภาษีปีละ 500,000 บาทนั่นเอง คนที่มีรายได้สูงๆ จึงพยายามให้มีการลดหย่อนภาษี เพื่อคนรวย ๆ จะได้ไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง ประเด็นปัญหาจึงอยู่ที่เรากำลังช่วยเหลือผู้มีรายได้สูง ซึ่งเป็นชนชั้นสูงในสังคมแต่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อสังคมนั่นเอง
ที่อยู่อาศัยทุกประเภท ถ้ามีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงควรจัดเก็บในอัตราเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้นหรือลดหย่อน เว้นแต่กรณีเฉพาะจริงๆ เช่น เป็นทหารผ่านศึกที่ทำคุณต่อประเทศชาติ เป็นต้น และถ้าหากรัฐเกรงว่า 1% จะมากเกินไป ก็จัดเก็บ ณ อัตรา 0.5% ก็ยังได้ แต่ไม่ใช่ 0.05% หรือ 0.01% ที่มีผู้พยายามเสนอ โดยมีเจตนาเพียงเพื่อเลี่ยงภาษีสุดชีวิตจิตใจนั่นเอง
คนรวยๆ ช่างไม่รักชาติเอาเสียเลย แถมยังมีคนจะพยายามออกกฎหมายช่วยพวกเขาเลี่ยงภาษีเสียอีก น่าละอายโดยแท้
ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เรียบร้อยแล้ว และเสนอให้มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีนี้ในหลายกรณี ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เห็นว่า ไม่ควรมีการยกเว้นเพราะจะทำให้จัดเก็บลักลั่น ไม่ทั่วถึง ควรให้ทุกส่วนในสังคมมีส่วนรับผิดชอบท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย และอาจลดภาษีทางอ้อมด้านอื่นแทน
สำหรับความคืบหน้านั้นร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างทำหนังสือเวียนแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อรอบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าที่ประชุมได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยภาษีดังกล่าวมีอัตราการจัดเก็บคือ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยไม่ประกอบการในเชิงพาณิชย์ จัดเก็บภาษีไม่เกิน 0.1% ของฐานภาษี อัตราภาษีสำหรับอสังหาริมทรัพย์เกษตรกรรม จัดเก็บไม่เกิน 0.05% นอกนั้นจัดเก็บไม่เกิน 0.5%
อย่างไรก็ตามในร่างดังกล่าวให้มีการยกเว้น คือ ให้ยกเว้นแก่ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ไม่เกิน 50 ตารางวาทั้งหลายและมีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาทในพื้นที่สำคัญ (กรุงเทพมหานคร หัวเมืองใหญ่และหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เมืองพัทยา) ,uมูลค่าไม่เกิน 5 แสนบาทในพื้นที่เขตเทศบาล และมูลค่าไม่เกิน 3 แสนบาทในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล
จากการศึกษาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในต่างประเทศ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส มีความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐบาลดังนี้:
- การจัดเก็บภาษีไม่ควรมีการยกเว้น ไม่ว่าจะขีดเส้นแบ่งที่มูลค่าทรัพย์สินเท่าใด ก็ยังทำให้เกิดความลักลั่นอยู่ดี อาจทำให้เกิดปัญหาการทุจริตด้วยการตีราคาให้สูงหรือต่ำเกินจริง กรณีที่ทรัพย์สินราคา 1,000,001 บาทในเขต กทม.และปริมณฑลที่ต้องเสียภาษีเพียง 0.1% นั้นก็เท่ากับเสียเพียง 1,000 บาทต่อปีหรือ 83 บาทต่อเดือนเท่านั้น ไม่น่าจะเป็นภาระแก่ประชาชนแต่อย่างใดการยกเว้นภาษีเป็นการสร้างระบบอุปถัมภ์ และเบื่อเบาไม่ให้ประชาชนเห็นว่าการเสียภาษีเป็นหน้าที่พลเมืองดี
- อัตราภาษีที่จัดเก็บไม่ควรจะต่ำจนเกินกว่าต้นทุนในการเรียกจัดเก็บ อย่างกรณีภาษีโรงเรือนในปัจจุบัน ผู้เสียภาษีบางรายเสียค่าเดินทางไปเสียภาษีมากกว่าจำนวนภาษีที่ต้องจ่าย ต้นทุนในการจัดเก็บของรัฐก็ยังอาจไม่คุ้มทุนเช่นกัน การจัดเก็บภาษีในลักษณะนี้จึงไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคมเท่าที่ควร
- การจัดเก็บภาษี ควรจัดเก็บกันตามมูลค่าของทรัพย์สินตามศักยภาพที่ควรจะเป็นจะได้ไม่เกิดการลักลั่น เช่น ในเขตเมืองเช่นในกรุงโตเกียวแต่ก่อนก็จัดเก็บตามการใช้สอย จึงมีผู้เลี่ยงภาษีด้วยการปลูกพืชผลในที่ดินใจกลางเมืองแทนที่จะปล่อยให้ว่างเปล่า จะได้เสียภาษีแต่น้อย แต่ที่ดินใจกลางเมืองคงไม่เหมาะสมสำหรับการเกษตรกรรม และในหลายกรณียังต้องตีความขนาดที่ดินที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมและอื่น ๆ เสียอีก ดังนั้นการจัดเก็บภาษีจึงควรจัดเก็บตามมูลค่าของที่ดินตามศักยภาพที่แท้จริงโดยการประเมินค่าทรัพย์สินให้ถ้วนถี่ บวกด้วยสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ด้วย
- รัฐบาลควรประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ตามราคาตลาด ไม่ใช่ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมธนารักษ์ซึ่งอาจแตกต่างจากราคาตลาดจริงในแต่ละท้องที่ ความเป็นไปได้ของการประเมินตามราคาตลาดนั้น อยู่ที่การมีฐานข้อมูลการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นในทางหนึ่งจึงควรลดภาษีและค่าธรรมเนียมโอนซึ่งเป็นภาษทางอ้อมเมื่อมีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ประชาชนจะได้แจ้งราคาจริง นอกจากนี้ควรเปิดเผยราคาที่มีการซื้อขายจริง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินค่าทรัพย์สิน ไม่ควรปกปิดทั้งนี้เพื่อป้องกันการฟอกเงิน นอกจากนี้ควรมีมาตรการการลงโทษการแจ้งราคาซื้อขายที่ผิดปกติจากราคาตลาดเพราะคงอาจมีการฉ้อฉลที่ซ่อนอยู่บางประการ หากรัฐบาลสามารถดำเนินการตามนี้ได้ ก็จะเป็นเช่นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการจัดทำราคาประเมินตามราคาตลาดที่แท้จริง
- ควรส่งเสริมให้ลดทอนภาษีทางอ้อมทั้งหลายและส่งเสริมให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นภาษีทางตรงให้มาก เพื่อเป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยทางตรง ทุกวันนี้ท้องถิ่นเก็บภาษีได้เพียง 10% ของค่าใช้จ่าย เงินพัฒนาท้องถิ่นส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากส่วนกลาง จึงเกิดกรณี “วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง” เพราะท้องถิ่นไม่รู้สึกเป็นเจ้าของเงิน แต่หากให้ประชาชนเสียภาษีทางอ้อมน้อยลง และเงินพัฒนาท้องถิ่นต้องมาจากทางตรงเป็นหลักเช่นในประเทศตะวันตก เมื่อนั้นประชาชนในท้องถิ่นก็จะทำการตรวจสอบการใช้ภาษีของตนมากขึ้น โอกาสการโกงกินก็จะน้อยลง คนดี ๆ ในท้องถิ่นก็จะขันมาอาสามาทำงานการเมืองมากขึ้น ประชาธิปไตยจากรากฐานก็จะเบ่งบาน
- ควรส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชน ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจัดเก็บเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ทุกคนจึงควรตระหนักและมีส่วนสนับสนุนในฐานะหน้าที่พลเมืองดี การนี้ควรดำเนินการอย่างกว้างขวางและอย่างต่อเนื่อง ไม่เป็นแบบ “ไฟไหม้ฟาง” หรือ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” หรือ “ผักชีโรยหน้า” เพื่อที่ประชาชนร่วมสนับสนุนการจัดเก็บภาษีแก่บุคคลทุกระดับในประเทศไทย
- รัฐบาลควรมีนโยบายในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดจนภาษีมรดก ก่อนที่จะอนุญาตให้ต่างชาติมาถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพราะในประเทศตะวันตก ทุกคนล้วนต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1-2% ของมูลค่าบ้านในแต่ละปี และเสียภาษีมรดกหลังการขายอีก 30-45% หรืออาจเสียเป็นภาษีกำไร (Capital Gain Tax) หากรัฐบาลอนุญาตให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยโดยไม่มีข้อกฎหมายสากลเช่นนี้ ก็เท่ากับเราตัดแผ่นดินขายให้ต่างชาติไปแบบฟรี ๆ นั่นเอง
ที่มา:http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1983.htm
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"



