พลาสติกทุกชิ้นที่เคยผลิตมายังคงอยู่ และนี่คือเรื่องราวของมัน
บทความ โดย ดิเอโก กอนซากา ผู้ประสานงานสื่อออนไลน์ กรีนพีซ สหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่ตื่นนอนแปรงฟันในตอนเช้า ไปจนถึงการนั่งดูโทรทัศน์ตอนดึกๆ พลาสติกนั้นอยู่รอบตัวเรา มากจนทำให้ยากที่จะจินตนาการได้ว่า เราจะเดินออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่มีของที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกเลยสักชิ้นยังไง
แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป มีคนหลายคนที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่แทบจะไม่มีพลาสติกอยู่เลย ลองจินตนาการถึงชายหาดที่ไม่มีเศษพลาสติกสักชิ้นบนชายฝั่งดูสิ
แล้วทำไมในตอนนี้กลับแตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง?
มีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่ให้คำอธิบายว่า อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการพลาสติกเหล่านี้ หนึ่งในนั้นก็คือ เมื่อช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 บริษัทผลิตลูกสนุ๊กต่างๆเห็นว่าพวกเขาต้องการสิ่งที่จะมาแทนงาช้าง เพราะในเวลานั้น มนุษย์ใช้งาช้างมากถึงล้านปอนด์ต่อปีเป็นอย่างน้อย และหนังสือพิมพ์ต่างมีรายงานว่า หากอัตราการใช้ยังคงเป็นเช่นนั้น ช้างอาจจะสูญพันธุ์ได้ในเร็ววัน
ดังนั้น การหาสิ่งที่จะมาทดแทนจึงได้เริ่มต้นขึ้น กว่าหลายทศวรรษ นักเคมีจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาต่างพยายามหาวิธีการที่จะได้ผล และหลังจากที่ใช้เวลาหลายต่อหลายปีลองผิดลองถูก พวกเขาได้ค้นพบพลาสติก แบบที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน จนในระยะแรกของศตวรรษที่ 20 ผู้คนสามารถซื้อหวีและเสื้อผ้าที่มาพร้อมกับกระดุมที่ไม่ได้ผลิตขึ้นมาจากงาช้างได้แล้ว
แต่การพัฒนาการทางเทคโนโลยีนี้ ก็ยังไม่ได้เป็นเหตุทำให้มีถุงพลาสติกปลิวไปมาในเมืองต่างๆ
หรือทำให้ปลาไปติดอยู่ในห่วงพลาสติก อะไรกันที่ทำให้เกิดการใช้พลาสติกที่มากมายขนาดนี้?
มี 2 ตัวแปรที่ผลักผู้ผลิตให้หันมาใช้วัสดุนี้ อย่างแรกคือ มีการพัฒนาการผลิตแบบจำนวนมหาศาลในสายการผลิด เพราะก่อนหน้านั้น โรงงานต่างๆต้องใช้เวลามากเพื่อผลิตสินค้าหนึ่งชิ้น ทำให้การผลิตพลาสติกนั้น กินเวลาเป็นอย่างมาก
ตัวแปรที่สองคือสงครามโลกครั้งที่ 2 พลาสติกถูกใช้ในหลายรูปแบบ ทั้งปืนยิงรถถัง ถึงส่วนประกอบอากาศยาน และทำให้ในระหว่างปี 2482 ถึงปี 2488 อัตราผลิตพลาสติกเติบโตขึ้นเกือบสี่เท่า เมื่อสงครามจบลง บริษัทต่างๆยังคงจำเป็นจะต้องสร้างกำไรให้ตนเองโดยดำเนินการผลิตต่อไป พวกเขาจึงเปลี่ยนจากการผลิตยานพาหนะสำหรับทหารเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ พลาสติกนั้นมีราคาถูกมาก ทั้งภาชนะพลาสติก เฟอร์นิเจอร์พลาสติก และของเล่นพลาสติก ทำให้ทุกคนสามารถซื้อมันได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่พลาสติกได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น
แต่วิธีแก้ปัญหาสำหรับเมื่อก่อน กลับกลายเป็นปัญหาเสียเองในปัจจุบัน พลาสติกทุกชิ้นที่เคยผลิตขึ้นมายังคงอยู่ เพราะอายุการใช้งานที่ยืนยาวของมัน และจะยังคงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 500 ปี เหมือนกับถ้าหาก ลีโอนาโด ดา วินชี่ ดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ในขณะที่เขากำลังวาดภาพ โมนา ลิซ่า อยู่ ขวดน้ำขวดนั้นยังคงอยู่และยังไม่ย่อยสลายไป
พลาสติกต่างๆถูกผลิตมากขึ้นและมากขึ้นในทุกวัน ถูกใช้ และโยนทิ้ง ตัวอย่างเช่น ในประเทศที่ใช้แก้วน้ำพลาสติกเป็นแก้วใช้แล้วทิ้ง เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่ของชิ้นนั้นจะถูกใช้ โดนทิ้งไว้ และจบลงในถังขยะ มีการบริโภคพลาสติกมาก จนมีพื้นที่ๆใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยพลาสติกใช้แล้วในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ จนนกในบริเวณนั้นใช้พลาสติกมาทำรังเป็นเรื่องปกติแล้ว
และไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปริมาณการผลิตพลาสติก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกกำลังทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ ทั้งการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อผลิตพลาสติก และผลกระทบด้านสุขภาพจากสารพิษที่ถูกปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อมในระหว่างการเผาไหม้ ไปจนถึงผลกระทบอันร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล
การลดการใช้พลาสติกดูจะเป็นเรื่องยาก แต่มันง่ายกว่าที่คุณคิด คุณสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายวิธี จากการกระทำง่ายๆอย่างการนำถุงหรือกระเป๋าของตัวเองไปใช้เมื่อไปตลาดหรือร้านขายของชำ หลีกเลี่ยงอุปกรณ์การทำอาหาร จาน ชาม ช้อน ส้อมที่ทำจากพลาสติก รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีไมโครบีทส์ สิ่งที่สำคัญคือการตระหนักในสิ่งที่คุณกำลังบริโภค เพราะไม่ใช่เพียงผลกระทบที่มีต่อชีวิตของคุณและสิ่งรอบๆตัวคุณ แต่เป็นดาวเคราะห์ทั้งดวง และสายพันธุ์อันน่าอัศจรรย์ต่างๆไม่ว่าเล็กหรือใหญ่บนโลกใบนี้
ที่มา: www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/blog/58663