7 วิธีโบกมือลา ขาลายจุดด่างดำจากแผลเกา ยุงกัด สิวอักเสบ น้ำเหลืองไม่ดี
วิธีโบกมือลา ขาลายจุดด่างดำจากแผลยุงกัด สิวอักเสบ
ใครว่าขาลายจะสวยไม่ได้ ตามมาค่ะ!!!เรามีวิธีง่ายๆให้ขาของคุณกลับมาสวยเนียน จนจิกขาสั้นมาใส่แทบไม่ทันกันเลยล่ะค่ะ
สำหรับสาวๆคนไหนน้ำเหลืองไม่ดี นั่นหมายความว่าระบบหมุนเวียนเลือดอาจไม่ค่อยดีนัก แค่โดนยุงกัด อากาศเปลี่ยน นางก็เกาวนไปสิคะ ผลที่ได้คือรอยแผลทั้งแผลสด แผลอักเสบ เกิดแผลเป็นจุดด่างดำตามมา ทำขาสวยๆลายพร้อยไปหมด กรี๊ดดดดดดสิคะ กรี๊ดดดด
ยิ่งบ้านเราอากาศแบบนี้ จะให้ใส่แต่ขายาว ใส่ถุงน่องอำพราง โอ้ยยยเพิ่มความอบอ้าวเข้าไปอี๊ก แถมบางทีผ้าที่ใส่ก็เสียดสีเกิดแผลที่ขาวนไปสิคะ ผญเราก็อยากมีอารมณ์มุ้งมิ้งๆอยากใส่ขาสั้น กระโปรงสั้นอวดผู้อวดเพื่อนว่าเราก็มีดีกะเค้ามั่งเหมือนกันเนาะ
วันนี้มีบทความดีๆมาแบ่งปันให้บรรดาสาวๆที่น้ำเหลืองไม่ดี ได้กลับมาสวยกันมาฝากค่า
1 ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) ทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น กรดซาลิไซลิกจะค่อยๆผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่มีจุดด่างดำออก ลดปัญหารูขุมขนอุดตันและสิวอุดตันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
2 ทาครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน ซี เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามิน ซี ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ลดการสร้างเม็ดสี (pigment) ที่ผิดปกติ และยังกระตุ้นการสร้างคอลาเจน นอกจากผิวจะกระจ่างใสแล้วยังให้โครงสร้างผิวก็แข็งแรงขึ้นไปพร้อมกัน
3 การทาครีมวิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (tocopherol) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำมันเมื่อซึมเข้าสู่ผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น นอกจากนั้นยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น และสามารถลดการสร้างของอนุมูลอิสระชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย โดยแพทย์บางท่านแนะนำให้ใช้ครีมวิตามินอีทาบริเวณแผลจากสิว แผลไฟไหม้ แผลผ่าตัดหรือรอยแผลเป็นช่วยเร่งให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
4 สารกลูต้าไธโอน (glutathione) ถึงตอนนี้คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคุณสมบัติการทำให้ผิวขาวกระจ่างใสของกลูต้าไธโอน ตามธรรมชาติร่างกายของเราสร้างสารกลูต้าไธโอนขึ้นมาอยู่แล้วจากเป็บไทด์สามชนิดคือ ไกลซีน กลูตาเมต และซิสเตอีน จากการศึกษาพบว่ากลูต้าไธโอนจะไปขัดขวางกระบวนการสร้างเม็ดสี (melanin) นอกจากนั้นยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติชนิดที่แรง (super antioxidant) อีกด้วย
5 หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ ควรเลือกที่เป็น broad spectrum ซึ่งสามารถปกป้องได้ทั้งรังสี UV A และ UV B โดยค่า SPF บอกถึงประสิทธิภาพการป้องกัน รังสี UV B โดยทั่วไปควรเลือกที่มีอย่างน้อย 30 ขึ้นไป และสูงขึ้นถ้าต้องอยู่กลางแดดนาน ส่วนค่า PA บอกถึงประสิทธิภาพการป้องกัน รังสี UV A ซึ่งค่าการปกป้อง UV A สูงสุดคือ PA +++
6 การยิงเลเซอร์แสงความเข้มข้นสูงเข้าไปในผิวหนัง เพื่อทำลายเม็ดสีและทำให้ผิวหนังหลุดลอกออกมาเป็นสะเก็ดหนัง การรักษาที่เห็นผลดีควรทำเลเซอร์อยู่เรื่อยๆทุก 1-2 เดือน ประมาณ 6-8 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิว และหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากทำเลเซอร์ทุกครั้ง เนื่องจากต้องใช้เลเซอร์แสงความเข้มข้นสูงในการรักษาจึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
7 ใช้รองพื้นปกปิด ครีมรองพื้นชนิด full coverage จะทำให้สามารถปกปิดปัญหาผิว รอยสิว จุดด่างดำได้เนียนสนิท เกลี่ยง่าย แห้งไว บางเบาดูไม่หนา ดูเป็นธรรมชาติ และควรเลือกชนิดกันน้ำกันเหงื่อทำให้การติดทนนาน ปัจจุบันมีครีมรองพื้นที่เป็น full coverage ทำให้สามารถปิดปัญหาผิวได้ในทันทีมี่ใช้ ผสมสารบำรุง ที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ และกลูต้าไธโอนที่ทำให้ผิวค่อยๆขาวกระจ่างใสในทุกครั้งใช้ รวมทั้งมีสารกันแดด broad spectrum ป้องกันรังสี UV A, UV B ทำให้ผิวที่ขึ้นมาใหม่คงความแข็งแรงและขาวกระจ่างใส
ข้อมูลจาก: นิตยสารหมอชาวบ้าน, US National Library of Medicine National Institute of Health, Skinwhiteningnews.org